‘เวียดนาม’ คาดคนชนชั้นกลางเพิ่ม 36 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า
รายงานข้อมูลเชิงลึกฉบับใหม่โดย McKinsey ในหัวข้อการศึกษา “ผู้บริโภคชาวเวียดนามหน้าใหม่” ระบุว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า คนชนชั้นกลางของเวียดนามคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะกระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ และมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าในกลุ่มประเทศเอเชีย อีกทั้ง เวียดนามจะก้าวข้ามเศรษฐกิจผ่านการขับเคลื่อนการบริโภคและในอีก 10 ปีข้างหน้านั้น เวียดนามจะมีผู้บริโภคกว่า 36 ล้านคน ทำให้ผู้บริโภคจะใช้จ่ายอย่างน้อย 11 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อปี 2543 ประชากรเวียดนามมีไม่ถึง 10% ของกลุ่มผู้บริโภค ต่อมาตัวเลขกลับเพิ่มขึ้น 40% ในปัจจุบัน และภายในปี 2573 ตัวเลขอาจแตะ 75%
ที่มา : https://www.nationthailand.com/international/40009869
‘เวียดนาม’ เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลตั้งใหม่ ปี 64 เกือบ 5,600 ราย
ในปี 2564 เวียดนามมีการจดทะเบียนธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลที่จัดตั้งใหม่ จำนวน 5,600 ราย เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีความจำเป็นในการทำงาน การขายและการสื่อสารออนไลน์ คุณ Nguyen Thanh Tuyen รองผู้อำนวยการเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร (MIC) กล่าวว่าปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีดิจิทัล มีจำนวนราว 64,000 ราย และมีพนักงานมากกว่า 1 ล้านคน ทั้งนี้ กระทรวงฯ ระบุว่าในปี 2563 มีจำนวนแพลตฟอร์มมากกว่า 34 แพลตฟอร์มที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสารสนเทศ ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลของเวียดนาม ประสบความสำเร็จจากการเติบโตอย่างมาก โดยในปี 2563 เวียดนามได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกหดตัวลงและ แต่เวียดนามยังคงมีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 2.91% และถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีตัวเลขการเติบโตที่เป็นบวก ตลอดจนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลมีอัตราการเติบโตมากกว่า 9% ถือว่าสูงกว่าการเติบโตของ GDP กว่า 3 เท่า
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-has-5600-new-digital-technology-firms-in-2021/217968.vnp
เจาะโอกาสส่งออกผักและผลไม้แปรรูปของเวียดนาม
โดย SME Go Inter I ธ.กรุงเทพ
Vietnam Industry and Trade Information Centre คาดการณ์ว่าผักและผลไม้แปรรูปจะมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะความสะดวกและมีระยะเวลาในการเก็บรักษาที่ยาวนาน
ในช่วงปี 2559-2563 การส่งออกผักและผลไม้แปรรูปของเวียดนามเติบโตขึ้นถึงเลขสองหลักต่อปี โดยในปี 2562 การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 41.2% yoy ก่อนจะตกลงสู่ระดับ 11.1% ในปี 2563
จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อ ทำให้การส่งออกผักและผลไม้แปรรูปสามารถทำรายได้ ได้มากถึง 653.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับตลาดส่งออกผักและผลไม้แปรรูปที่สำคัญของเวียดนาม ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ส่วนการส่งออกของเวียดนามไปยังจีนเติบโตขึ้น 24.8% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562
นอกจากนี้ คาดว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะไม่ส่งผลกระทบทางลบต่ออุตสาหกรรมผักและผลไม้แปรรูปทั่วโลก ในทางตรงข้ามอุปทานของผักและผลไม้แปรรูปจะเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้าหรือสินค้าแช่แข็งจะลดลง เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มผู้ผลิตสินค้า
ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ทำลายห่วงโซ่อุปทานการขนส่ง และทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นเนื่องจากมีจำนวนเรือและเครื่องบินจำกัด ประกอบกับการเกิดเหตุการณ์ที่เรือบรรทุกสินค้าขวางคลองสุเอซเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ทำให้ต้องขยายเวลาในการขนส่งผักและผลไม้สดออกไป
จากบริบทข้างต้นทำให้ผักและผลไม้สดที่ไม่สามารถส่งออกได้ถูกนำส่งไปยังโรงงานแปรรูปในท้องถิ่นต่างๆ และจากราคาวัตถุดิบที่ถูกลงนี้จะช่วยให้โรงงานแปรรูปสามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อการส่งออกได้
เมื่อความต้องการและความพยายามในการขยายการผลิตของโรงงานแปรรูปในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ทำให้ผักและผลไม้แปรรูปในปัจจุบันมีสัดส่วน ถึง 25-30% ของมูลค่าการส่งออกผักและผลไม้รวมทั้งหมดของประเทศ โดยก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะอยู่ที่ประมาณ 10%
อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมแปรรูปผักและผลไม้ของเวียดนามยังคงเผชิญหน้ากับข้อจำกัดหลายประการ โดยหนึ่งในปัญหาดังกล่าวคือ สินค้าเวียดนามในปัจจุบันส่งออกภายใต้ชื่อแบรนด์ที่แตกต่างกันแต่ยังไม่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในระดับประเทศ อีกทั้งยังขาดความเข้าใจในรสนิยมของผู้บริโภคและยังต้องปรับปรุงการสร้างห่วงโซ่อุปทานในตลาดต่างประเทศด้วย
โดยสรุปแล้ว อุตสาหกรรมแปรรูปของเวียดนามยังคิดเป็นเพียง 8-10% ของผลผลิตผักและผลไม้ที่ได้ในแต่ละปี การบริโภคก็ยังคงอยู่ในรูปแบบของสินค้าสดหรือการถนอมอาหารเบื้องต้นเพียงเท่านั้น ซึ่งความเสียหายจากการเก็บเกี่ยวยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินไปที่ประมาณ 20% ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามจึงมองว่ายังคงมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการให้สามารถเข้ามาลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการส่งออกเพื่อรองรับอุปสงค์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นได้
ที่มา :
1/ https://www.bangkokbanksme.com/en/export-processed-vegetables-and-fruits-of-vietnam
2/ https://the-japan-news.com/news/article/0008042350
‘สตาร์ทอัพเวียดนาม’ ประสบความสำเร็จในการดึงดูดเงินทุนจำนวนมาก
แม้ว่าจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรง แต่ด้วยระบบนิเวศของ Startup เวียดนามที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในเดือน มิ.ย.64 บริษัทการลงทุนชั้นนำที่จัดการหลายสินทรัพย์ทางเลือกหลายประเภทอย่าง “KKR” ได้ออกมาประกาศว่าจะลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐใน “EQuest” สตาร์ทอัพด้านการศึกษาของเวียดนาม ในขณะเดียวกัน เดือนก.ย.64 บริษัทสตาร์ทอัพด้านการขนส่งสินค้า “Ninja Van” ก็ประสบความสำเร็จในการดึงดูดเงินลงทุนกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการระดมทุนรอบ Series E ที่นำโดยนักลงทุนอย่าง Geopost/DPDgroup, BCapital Group, Monk’s Hill Ventures และ Zamrud
‘เวียดนาม’ นำเข้าอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวียดนามกลายมาเป็นผู้นำเข้าข้าวโพดรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับที่ 5 ของตลาดโลก กรมศุลกากรของเวียดนาม (GDC) เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าการนำเข้าอาหารสัตว์และวัตถุดิบ อยู่ที่ 4.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 ซึ่งมูลค่าดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทำให้เปิดโอกาสอันดีแก่ผู้ส่งออกข้าวโพดและผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากขบวนการผลิตเอทานอลด้วยข้าวโพด (DDGS) ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการนำเข้าข้าวโพดและผลิตภัณฑ์ DDGS ของเวียดนาม จะดันพุ่ง 3 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1094879/vietnamese-animal-feed-imports-continue-to-rise.html
‘เวียดนาม’ คาดอุตสาหกรรมสิ่งทอ โต 11.2%
สมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าภาคธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในประเทศ ตั้งเป้าว่าจะมียอดส่งออกในปีนี้ อยู่ที่ 39 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.2% และ 0.2% เมื่อเทียบกับปี 63 และ 62 ตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดขงโรคโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ แต่ภาคธุรกิจได้เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับวิกฤติดังกล่าวและคงรักษาระดับการส่งออกให้มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ การส่งออกที่คงเติบโตในระดับสูง เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดยุโรปและสหรัฐฯ รวมถึงผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามร่วมลงนามกับประเทศคู่ค้า
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเวียดนามได้ปรับตัวให้มีความยืดหยุ่นต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ทำให้ภาคธุรกิจมีความคล่องตัวในการดำเนินงาน
ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/garment-sector-set-to-enjoy-growth-rate-of-112-909982.vov
‘นครเกิ่นเทอ’ เคาะงบลงทุน 1.2 ล้านล้านดอง เหตุปรับปรุง 5 แยกใหญ่
จากการประชุมสภาองค์การบริหารจังหวัดเกิ่นเทอ (Can Tho) เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นาย Nguyen Thuc Hien ยื่นเสนอขอใช้งบประมาณ 1.2 ล้านล้านดอง เพื่อยกระดับโครงการและขยายพื้นที่ของ 5 ทางแยกใหญ่ในตัวเมืองเกิ่นเทอ โดยโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564-2568 ในเฟสแรก เมืองจะขยายพื้นที่ทางแยกเหล่านี้ ได้แก่ (1) Mau Than-Ba Thang Hai-Tran Hung Dao, (2) Mau Than-Nguyen Van Cu-Vo Van Kiet, (3) Nguyen Van Linh-Nguyen Van Cu, (4) Nguyen Van Linh-Ba Thang Hai และ (5) Nguyen Van Linh-Ba Muoi Thang Tu
ทั้งนี้ หากมีระยะต่อไป เมืองเกิ่นเทอจะพิจารณาสร้างสะพายลอยหรืออุโมงค์ กรณีปริมาณการจราจรเพิ่มมากขึ้น