พื้นที่นอกกริดเมียนมามีโอกาสได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์

ประชาชนในเขตชนบทของเมียนมากว่า 450,000 คน คาดหวังจะได้ใช้ไฟฟ้าตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลและธนาคารโลก โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระดมทุนร่วมกัน 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่รอบนอก การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปรับปรุงวิถีชีวิตและมาตรฐานการครองชีพของคนในชนบท ในปัจจุบันประชากรกว่าครึ่งไม่สามารถเข้าถึงกริดแห่งชาติและมากกว่าสองในสามของครัวเรือนในพื้นที่ชนบทที่ประชากรส่วนใหญ่ต้องอาศัยเทียน น้ำมันก๊าด แบตเตอรี่และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล เงินทุนดังกล่าวมาจากบริษัทต่างๆ ไปยังผู้ค้าปลีกสู่ผู้บริโภคและจะช่วยในการผลิตจัดจำหน่ายและจำหน่ายสินค้าในชนบทที่มีคุณภาพ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/grid-areas-myanmar-enjoy-solar-power.html

จีดีพีเมียนมาโต 6% ในปีหน้า

ประชุมร่วมรัฐสภา ( Pyidaungsu Hluttaw) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา U Set Aung รองรัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการคลังคาดเศรษฐกิจจะขยายตัว 6% ในปีงบประมาณ 2563-2564  ตามร่างพระราชบัญญัติการวางแผนแห่งชาติ จีดีพีของประเทศคาดจะสูงถึง 125.8 ล้านล้านจัตและรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีคาดว่าจะมากกว่า 2.2 ล้านจัต เมื่อเทียบปีงบประมาณ 2562-2563 อยู่ที่ 2 ล้านจัตใน และปี 2561-2562 อยู่ที่ 1.9 ล้านจัต โดยภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการถือเป็นรายได้หลักของจีดีพี ซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ 2.6%, 6.5% และ 7.4% ตามลำดับ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-gdp-grow-6-next-year.html

จีนมอบใบอนุญาตส่งออกข้าวให้กับ 43 บริษัทของเมียนมา

ศุลกากรของจีนได้มอบใบอนุญาตส่งออกข้าวให้แก่ 43 บริษัทของเมียนมา โดยได้อนุมัติใบอนุญาตไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ต้นเดือนมีนาคมจีนเริ่มจำกัดการนำเข้าจากเมียนมาไปยังบริษัทที่จดทะเบียนกับทางการจีนเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งจีนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ของเมียนมาและจะส่งผลดีในระยะยาว เกษตรกรสามารถได้รับราคาข้าวและข้าวหักที่ราคาดีขึ้น การส่งออกข้าวไปยังจีนสูงถึงหนึ่งล้านตันต่อปี แต่ลดลงเหลือประมาณ 40,000 ถึง 50,000 ตัน หลังจากข้อจำกัดมีผลบังคับใช้ ก่อนปี 2558  จีนกำหนดโควตาการขายข้าวโดยอนุญาตให้บริษัทของเมียนมาเพียง 11 แห่ง ในอดีตการส่งออกข้าวของเมียนมา 60% ถูกส่งออกไปยังจีนและตอนนี้ก็เหลือเพียง 30% จีนและเมียนมาจัดการประชุมผ่านการประชุมทางวิดีโอเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ Belt and Road Initiative การพัฒนาอีคอมเมิร์ซระหว่างสองประเทศ การค้า เศรษฐกิจ และอื่น ๆ  การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือระหว่างมณฑลยูนนานและเขตมัณฑะเลย์ในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลอีคอมเมิร์ซและการลดความยากจน ทั้ง 2 ประเทศต้องการที่จะดำเนินการโครงการเหล่านี้โดยเร็วที่สุดและเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-grants-rice-export-licences-43-myanmar-companies.html

งานแสดงสินค้าออนไลน์ช่วยรักษาตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วง COVID-19

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ซบเซาในช่วงการระบาด COVID-19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเนื่องจากยอดขายจากตลาดออนไลน์ เดือนมีนาคมและเมษายน 2563 ความต้องการของตลาดในย่างกุ้งลดลง แต่ส่วนลดพิเศษและการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ทำให้ตลาดสามารถกลับมาอีกครั้งในกลางเดือนพฤษภาคม เมื่อเปรียบเทียบกับต้นปี 2563 จำนวนการซื้อลดลง 60% ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 แม้ความต้องการของตลาดจะลดลง แต่ราคาก็ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและการทำธุรกรรมยังคงทำผ่านเคาน์เตอร์ งานแสดงสินค้าออนไลน์ได้ช่วยตลาดไว้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสามถึงหกเดือนกว่าที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัว แม้ว่าตลาดจะไม่ฟื้นตัวจากระดับก่อนหน้านี้ แต่ผู้บริโภคชาวเมียนมาที่เปลี่ยนไปและเริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมออนไลน์ โดย  iMyanmarHouse.com สามารถสร้างยอดขายอสังหาริมทรัพย์สองครั้งสำคัญในช่วงสามเดือนแรกของปี 2020 ชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศให้ความสนใจกับงานแสดงสินค้าอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์มากขึ้น งานแสดงสินค้ายังเสนอส่วนลดพิเศษและโปรโมชั่นพิเศษและอาจดึงดูดให้ตัดสินใจกลับเมียนมาเพื่อลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/online-expos-saves-real-estate-market-during-covid-19.html

เมียนมาลงทุนสร้างห้องเย็น 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเงินกู้ของธนาคารโลก

กองปศุสัตว์และสัตวแพทย์ของเมียนมาเผยมีการกู้ยืมเงิน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารโลกเพื่อสร้างห้องเย็นสำหรับผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ในย่างกุ้ง เขตพะโค และเขตอิระวดี ซึ่ง Covid-19 ส่งผลต่อต่อภาคปศุสัตว์ของเมียนมา เพราะการหมุนเวียนของสินค้าล่าช้าเนื่องจากมีห้องเย็นไม่เพียงพอ จากข้อมูลพบว่าประเทศเพื่อนบ้านมีสินค้าส่วนเกินจากปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ที่ผลิตเมื่อเกิดโรคทำให้สินค้าใกล้หมดอายุและไม่เหมาะกับการบริโภค ซึ่งสินค้าเหล่านี้กำลังถูกนำเข้าทางชายแดนอย่างผิดกฏหมาย สหพันธ์ปศุสัตว์แห่งเมียนมาได้กำหนดรายชื่อผลิตภัณฑ์สัตว์ที่เข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมายแล้ว เช่น ไก่สด (เนื้อและไข่) ไก่เนื้อ ไก่แช่แข็ง ไส้กรอก ไข่ ลูกหมู หมู และหมูแช่แข็ง มูลค่าการส่งออกของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์อยู่ระหว่าง 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 13 ล้านดอลลาร์จากปีงบประมาณ 2548-2549 จนถึงปี 2560-2561 หลังจากการผ่อนปรนข้อจำกัดรัฐบาลอนุญาตให้มีการส่งออกสัตว์มีชีวิตได้ซึ่งได้รับความร่วมมือของผู้ประกอบการ ส่วนมูลค่าการส่งออกในรอบปีเพิ่มขึ้นเป็น 562.859 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/cold-storage-factories-to-be-built-with-4m-world-bank-loan

โรงแรม ร้านอาหารในเมียนมาประสบปัญหาการระบาดของ COVID-19

โรงแรมในประเทศประมาณ 60% ได้เปิดให้บริการอีกครั้ง แต่ธุรกิจยังคงซบเซาเนื่องจากข้อจำกัดและการระบาดของ COVID-19 เช่นเดียวกับร้านอาหารซึ่งเปิดใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รายได้ลดลงมากถึง 50% ก่อนเกิดโรคระบาดเนื่องจากผู้คนยังคงระมัดระวังการไปในสถานที่สาธารณะ โรงแรมและโมเต็ลจำนวน 1,200 แห่งในประเทศได้เปิดให้บริการอีกครั้งและอีก 810 แห่งได้ผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุญาตให้เปิดใหม่ได้อีก ซึ่งโรงแรมประมาณ 400 แห่งยังคงเปิดให้บริการในช่วงที่มีการจำกัด COVID-19 และทำหน้าที่เป็นสถานกักกันสำหรับชาวเมียนมาที่เดินทางกลับจากต่างประเทศหรือชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจที่นี่ U Nay Lin ประธานของสมาคมกล่าวว่าร้านอาหารดำเนินงานด้วยคนงานเพียง 70 คนเนื่องจากการตกต่ำ ซึ่งยอดขายไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่สร้างรายได้ไม่ถึง 50% เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ขณะที่ร้านอาหารกำลังมีการส่งอาหารแบบออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวได้นำเสนอแผนบรรเทาการท่องเที่ยว COVID-19 ซึ่งจะรวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว แผนดังกล่าวรวมถึงคำแนะนำด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับผู้เข้าชมในอัตราลดพิเศษสำหรับสถานที่ปลอด COVID-19 และทางเลือกการชำระเงินดิจิทัลสำหรับนักเดินทาง เมียนมาจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศตั้งแต่เดือนหน้าจนถึงเดือนมกราคม 2564 มีผู้เดินทางมาเยือนเมียนมาลดลง 44% จากเดือนมกราคมถึงเมษายน ในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 23% เป็น 4.36 ล้านคนเพิ่มขึ้นจาก 3.55 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 152% จากปีที่แล้ว การท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 6.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศทำรายได้ 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 และแรงงาน1.4 ล้านคน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/hotels-restaurants-myanmar-suffer-pandemic-lingers.html