ฤดูร้อนเกษตรกรเมืองยอง อู ปลูกถั่วเขียวได้ราคาถึง 40,000 จัตต่อตะกร้า

ในฤดูร้อนเกษตรกรจากเขตเมืองยอง อู ประสบผลสำเร็จในการปลูกถั่วเขียวบนพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์โดยใช้น้ำจากแม่น้ำ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและจำหน่ายได้ราคาสูงถึง 42,000 จัตต่อตะกร้า ซึ่งเพิ่มมากขึ้นในกว่าปีที่แล้ว โดยจะเริ่มหว่านในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากปลูกได้ 45 ถั่วเขียวก็เริ่มแตกหน่อและออกดอก หลังจากนั้นสองเดือนก็จะนำผลผลิตไปขายที่นายหน้าที่มารับซื้อ ซึ่งแต่ละเอเคอร์สามารถให้ผลิตตะกร้าได้ถึง 20 ตะกร้า สำหรับต้นทุนการเพาะปลูกจะอยู่ที่ 3,000 จัตต่อเอเคอร์ ในทางตรงกันข้ามการปลูกข้าวในช่วงฤดูร้อนมีต้นทุนสูงถึง 9,000 จัตต่อเอเคอร์ ณ ตอนนี้ราคาถั่วเขียวอยู่ที่ 42,000 จัตต่อตะกร้าในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่ทำกำไรให้กับเกษตรกร

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/cultivation-of-summer-green-gram-succeeds-selling-for-k40000-per-basket/

บริษัท จีนลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการพัฒนาการเกษตรในสปป.ลาว

Jiarun Agricultural Development Co. , Ltd. ของจีนและกระทรวงการวางแผนและการลงทุนสปป.ลาวได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูป่าและการพัฒนาการเกษตรเชิงนิเวศ ในภาคใต้ของสปป.ลาว บริษัท จะดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการฟื้นฟูป่าและพัฒนาการเกษตรเชิงนิเวศในพื้นที่ 5,000 เฮกตาร์ในเขตสนามไซของแขวงอัตตะปือห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 560 กม. โครงการนี้จะสร้างงานในท้องถิ่นกว่า 50,000 ตำแหน่งซึ่งจะส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นและมาตรฐานการดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2021-04/08/c_139866707.htm

ส่งออกเมียนมายังปกติ แต่นำเข้ามุเซ หยุดชะงัก

การส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าเน่าเสียง่ายไปจีนของเมียนมายังเป็นปกติแม้มีการต่อต้านการยึดอำนาจของทหารเมียนมาแบบอารยะขัดขืนโดยการขวางการนำเข้าของประเทศ ขณะนี้ตัวแทนที่นำเข้าค้าชายแดนมูเซกำลังเข้าร่วมเคลื่อนไหวส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการทำธุรกรรมในแต่ละวันและรถบรรทุกขาเข้าที่ติดอยู่ที่เขตการค้า ผู้ดูแลศูนย์ค้าส่งมูเซ 105 ไมล์ เผยอย่างไรก็ตามการส่งออกผักผลไม้และสินค้าเน่าเสียง่ายของประเทศไปยังจีนยังคงดำเนินการตามปกติ อย่างไรก็ตามยังสามารถขนส่งการส่งออกพืชผลไปยังจีนได้บางส่วน ด้านการส่งออกแตงโม แตงกวา มะม่วง ปลา ปู และปลาไหลยังขนส่งไปจีนตามปกติ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/exports-operating-usual-imports-stutter-muse.html

ไทยดัน เจฮับ ยึดเทรนด์คนกินผักมูลค่า 5 แสนล้าน

กระทรวงเกษตร เร่งวางโรดแมปดันไทยเป็น “เจฮับ” โมเดลซิลิคอนวัลเลย์ผลิตอาหารแห่งอนาคตเจาะตลาด 4 พันล้านคน มูลค่า 5 แสนล้านบาท จับมือภาคเอกชนลุยส่งออก โดยที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อสร้างโอกาสและศักยภาพใหม่ให้กับประเทศ ซึ่งอาหารแห่งอนาคตเป็นเป้าหมายสำคัญ กระทรวงเกษตรฯจึงให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรขับเคลื่อนโครงการพืชแห่งอนาคต เพื่อตอบสนองการผลิตอาหารแห่งอนาคต ที่มีแนวโน้มความต้องการของตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชผลิตเป็นอาหารหรือเนื้อจากพืช หรือ อาหารเจ จะเป็นสินค้าเกษตรอาหารตัวใหม่ในการสร้างรายได้สร้างอาชีพและธุรกิจการเกษตรใหม่ๆ ให้กับภาคเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในยุคโควิดที่ผู้บริโภคทั่วโลกโดยเฉพาะในจีน อินเดีย ญี่ปุ่น อาเซียน สหรัฐฯและยุโรป ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นนับเป็น New Normal ในยุคโควิดเป็นเทรนด์การรับประทานอาหารแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งข้อมูลของ FAO  คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของโลกเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 15 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกรกอ. สศก. สวก.และศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม หอการค้าไทยและกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมกับกลุ่มบริษัทไทยผู้ผลิตอาหารเจภายใต้โมเดลเนื้อจากพืชจัดทำโรดแมปตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารแห่งอนาคต หรือเรียกว่า ซิลิคอน วัลเลย์อาหารแห่งอนาคต

ที่มา:https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/899252?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

การลงนาม ASSET เพื่อระบบอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืนของสปป.ลาว

การลงนามข้อตกลงในการจัดหาเงินทุนของโครงการ Agroecology and Safe Food System Transitions (ASSET) เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ในเวียงจันทน์ จากความร่วมมือหลากหลายองค์กรระดับโลกและภูมิภาคไม่ว่าจะเป็น Group For Research and Technology Exchanges (GRET) และ French Agricultural Research and International Cooperation Organization (CIRAD) พันธมิตรระดับชาติยุโรปและนานาชาติ 27 ประเทศรวมถึงกระทรวงเกษตรของสปป.ลาว  โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ” agroecology” เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของระบบอาหารและการเกษตรไปสู่ระบบที่ยั่งยืนมากขึ้น ความโดดเด่นของโครงการ ASSET คือได้รับการออกแบบโดยใช้วิธีการแบบบูรณาการเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรและระบบอาหารที่หลากหลายผ่าน 3 ด้าน ได้แก่ ประการแรก เทคโนโลยี – เศรษฐกิจ,การเมือง,สังคม การบูรณาการทั้ง 3 ด้านจะทำให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ระบบเกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินการของ AFD ปัจจุบันในบริบทที่เกิดวิกฤตการณ์ COVID-19  การพัฒนาแนวทางแก้ไขเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคจึงมีความสำคัญมากขึ้นแต่สิ่งสำคัญที่ต้องควบคู่ไปด้วยกันคือการรักษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศที่หลากหลายอย่างยั่งยืน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Regional152.php

ภาคการเกษตรกัมพูชาได้รับแรงกระตุ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้กล่าวถึงภาคเกษตรกรรมภายในประเทศที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้น ในช่วงของการประสบปัญหาแรงกดดันทางเศรษฐกิจในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลก แม้ว่าภาคการเกษตรจะไม่สามารถชดเชยความสูญเสียในภาคการตัดเย็บเสื้อผ้าของกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 และการสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้าจากทางสหภาพยุโรปก็ตาม โดยในคำปราศรัยที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดในเขต Peam Ro ในจังหวัดไพรแวง ซึ่งนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวว่ารัฐบาลกำลังเตรียมที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศต่อไป โดย Covid-19 ไม่เพียง แต่ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังส่งผลช่วยให้ภาคเกษตรกรรมมีการพัฒนาร่วมด้วย และนั่นคือเหตุผลที่รัฐบาลเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วเพื่อผลักดันให้เกิดการสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคเกษตรกรรมโดยรวมภายในประเทศ

ที่มา : https://english.cambodiadaily.com/business/covid-19-to-help-boost-cambodias-agricultural-sector-hun-sen-says-166794/

ภาคเกษตรคิดเป็น 0.49% ของการลงทุนโดยตรงทั้งหมดในเมียนมา

ช่วง 30 ปีที่ผ่านมาการลงทุนจากต่างประเทศในภาคเกษตรท้องถิ่นอยู่ที่ 414.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 0.49% ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมด ในช่วงปี 2531-2532 ถึง 2553-2554 ภาคเกษตรกรรมมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศแตะ 9.650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2555-2556 มูลค่า 20.269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2556-2557 มีมูลค่า 39.666 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2557-2558 มูลค่า 7.180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2558-2559 มูลค่า 124.485 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2560-2561 ลงทุน 10.650 ล้านตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนปี 61 ลงทุน 19.119 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของปีงบประมาณ  61-62 ส่วนปี 59-60 ไม่มีการลงทุน กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์แห่งสหภาพเมียนมากำลังพัฒนาภาคการผลิตทางการเกษตรด้วยการลงทุนและความร่วมมือทางเทคนิคจากต่างประเทศ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีการแข่งขันในตลาดการพัฒนาโรงงานผลิตสินค้าเกษตรและเชิญชวนการลงทุนสำหรับเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและภาคเมล็ดพันธุ์จะส่งเสริมผลประโยชน์ของเกษตรกรและนำไปสู่การพัฒนาตลาดสินค้าเกษตร MIC)เตรียมข้อเสนอการลงทุนแก่ภาคการเกษตรโดยเร็วโดยเป็นลำดับความสำคัญของการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้ ปัญหาสำคัญสองประการในภาคการเกษตรคือการเข้าถึงที่ดินและผลตอบแทนและระยะเวลาคืนทุน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/agricultural-sector-accounts-for-049-pc-of-total-fdi