เมียนมาส่งออกหยกมากกว่า 2,000 ตัน รายได้ทะลุ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมียนมามีรายได้กว่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกเกือบ 2,000 ตันในปีงบประมาณ 2562-2563 มากกว่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออก 410 ตันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปีนี้เส่งออก 1,964.488 ตันมูลค่า 420.036 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ ปีที่แล้วมีรายได้ 356.876 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกหยก 1,548.452 ตัน ในช่วง 56 เดือนที่ผ่านมามีรายได้มากกว่า 2,496 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกรวมถึงสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 971 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560-2561

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/india-proposes-oil-refinery-expand-presence-myanmar-energy.html

เวียดนามเผยการส่งออกผักผลไม้ดิ่งลง ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าส่วนแบ่งการตลาดมะพร้าวของประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิ.ค. แก้วมังกรเป็นสินค้าเกษตรที่มีการเติบโตเร็วที่สุดของเวียดนามในบรรดากลุ่มผลไม้ต่างๆ คิดเป็นยอดส่งออกร้อยละ 51.8 ของมูลค่าส่งออกผลไม้รวม โดยเฉพาะตลาดจีน ที่มีมูลค่าส่งออกพุ่งร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 127.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานนำเข้า-ส่งออก เผยว่ายอดส่งออกแก้วมังกรที่เติบโตอย่างรวดเร็วไปยังจีน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเอื้ออำนวยของพิธีการศุลกากร และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA คาดว่าจะช่วยให้ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจเวียดนามเมื่อเทียบกับภูมิภาคเดียวกัน อย่างเช่น ไทย ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ก็กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ เช่น เปรูและเอกวดอร์

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/fruit-and-vegetarble-exports-plummet-over-nine-months-783688.vov

น้ำตาลเมียนมาล้นตลาดทำราคาตกต่ำในรอบ 10 ปี

สมาคมผู้ประกอบการน้ำตาลและอ้อยของเมียนมาเผยปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปทำให้ราคาตกต่ำในรอบ 10 ปี เนื่องจากขณะนี้น้ำตาลสำหรับการส่งออกยังคงค้างอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก ตามการคาดการณ์อาจมีสินค้าคงเหลือในประเทศ 150,000 ถึง 200,000 ตันและราคาอยู่ระหว่าง 840-860 จัตต่อ viss ซึ่งต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ การบริโภคลดลงอย่างมากเพราะไม่มีงานเทศกาลหรืองานอีเว้นท์ในช่วง COVID-19 เนื่องจากผู้คนจับจ่ายน้อยลงจึงส่งผลกระทบต่อตลาดขนมและเครื่องดื่มที่ทำจากน้ำตาลซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำตาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะนี้เมียนมากำลังพยายามจะทำทุกทางเพื่อการส่งออกไปยังจีน แม้พื้นที่เพาะปลูกอ้อยจะลดลงแต่ผู้ค้าคาดว่าราคาจะยังคงลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผลมาจากปริมาณที่มากเกินไปและการบริโภคที่ลดลง ขณะนี้มีไร่อ้อยในเมียนมาไม่ถึง 50,000 เอเคอร์และลดลงจากหน้านี้ที่มีประมาณ 460,000 เอเคอร์ ซึ่งถูกทดแทนโดยถั่วชนิดต่าง ๆ  เนื่องจากสินค้าคงเหลือมีจำนวนมากเกษตรกรจึงขอจำกัดการนำเข้าน้ำตาลจากต่างประเทศ ทั้งนี้ความต้องการและพื้นที่ปลูกอ้อยที่ลดลงยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลต่อไปตามห่วงโซ่คุณค่า

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/sugar-glut-myanmar-leads-prices-10-year-low.html

อิออน ซูเปอร์มาร์เก็ต จัดงาน ‘Vietnam Fair’ ในญี่ปุ่น

งาน Vietnam Fair จัดแสดงสินค้าเวียดนามระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2563 ในอิออน ซูเปอร์มาร์เก็ต 40 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยงานแสดงสินค้าครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สินค้าเวียดนามเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นและขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับพาร์ทเนอร์ชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้นำเข้าของทางอิออน นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมทางธุรกิจของบริษัทเวียดนามเกี่ยวกับระบบการจัดจำหน่ายในปี 2563 และเปิดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามกับกลุ่มบริษัทอิออน เพื่อให้เวียดนามส่งออกไปยังอิออนเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-fair-underway-in-aeon-supermarkets-in-japan/182892.vnp

‘บั๊กนิญ’ มีรายได้จากการส่งออกกว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ว่ามูลค่าการส่งออกของจังหวัดบั๊กนิญ (Bac Ninh) มากกว่า 20.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. ปี 2563 ในขณะที่ ยอดการพัฒนาและเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ สำนักงานรัฐบาลเพิ่งประกาศข้อสรุปจากรองนายกรัฐมนตรีจากการประชุมผู้นำในจังหวัด โดยเป้าหมายเพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการผลิตและธุรกิจที่นำเข้า-ส่งออก อำนวยความสะดวกให้กับคนในท้องถิ่นและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงเครดิต การเงิน ภาษี การดำเนินธุรกิจและการชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น การเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐฯ สูงถึงร้อยละ 68 ลงไปยังจ.บั๊กนิญ ถือว่ามีอัตราการเบิกจ่ายสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดดังกล่าวยังมีข้อบกพร้องอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม, สภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษ โดยเฉพาะทางน้ำที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุง, การขาดแคลนแรงงานทักษะขั้นสูง การท่องเที่ยวและงานบริการที่ยังคงชะลอตัว

ที่มา : https://vnexplorer.net/bac-ninh-earns-over-usd20-billion-from-exports-a202091702.html

กล้วย ทำรายได้สูงสุดในการส่งออกสินค้าเกษตรของสปป.ลาว ไปยังจีน

ทางการสปป.ลาวยืนยันว่าปีนี้กล้วยยังคงทำรายได้สูงสุดในบรรดาสินค้าเกษตรส่งออกไปยังประเทศจีน แม้ว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามปลูกกล้วยมากขึ้นก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่าสปป.ลาวส่งออกกล้วยไปยังจีนเป็นมูลค่า 116 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปีที่แล้วมีรายได้ราว 185.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ว่าจำนวนนักลงทุนและสวนกล้วยในประเทศจะลดลง หลังจากที่รัฐบาลบังคับใช้คำสั่งห้ามไม่ให้มีพื้นที่ปลูกใหม่และปิดบริษัทที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ แต่มูลค่าการส่งออกกล้วยยังคงอยู่ในระดับสูง การค้าขายระหว่างสปป.ลาวและจีนในปีนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 แต่การส่งออกสินค้าโดยเฉพาะกล้วยยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากความร่วมมือและการเจรจาที่ดีระหว่างทางการสปป.ลาวและจีนยุทธศาสตร์การเกษตรปี 68 ระบุว่ากล้วยเป็นสินค้าส่งออกทางการเกษตรอันดับต้น ๆ สร้างโอกาสในการทำงานและสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่นเพื่อให้อยู่เหนือความยากจน แต่พื้นที่เพาะปลูกบางแห่งทำร้ายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรัฐบาลขาดการจัดการการจัดสรรที่ดินที่ไม่สมบูรณ์และการจดทะเบียนธุรกิจที่หละหลวม ด้วยเหตุนี้ผู้ค้าและนักลงทุนจึงได้รับการสนับสนุนให้ทำสัญญากับครอบครัวเกษตรกรรมเพื่อปลูกพืช แต่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎระเบียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์กรการส่งเสริมการลงทุนการจัดการสารเคมีการคุ้มครองพืชการคุ้มครองผู้บริโภคและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/bananas-largest-slice-laos-export-pie-china

ส่งออกข้าวโพดไปไทยหยุดชะงัก

ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 63 เมียนมาหยุดการส่งออกข้าวโพดจากชายแดนเมียวดี  เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 63 โดยได้รับการยกเว้นภาษีเป็นไปตามข้อกำหนดข้าวโพดของไทย แต่เวลานี้ตรงกับเวลาที่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดในไทย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรไทยจึงเพิ่มภาษีการส่งออกข้าวโพดของเมียนมา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/corn-export-to-thailand-halts

คาดปี 67 ตลาดอาหารแช่แข็งกัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 119.56 ล้านดอลลาร์

ตลาดอาหารแช่แข็งของกัมพูชาคาดจะมีมูลค่าสูงถึง 119.56 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 67 โดยอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ  3.9 ในช่วง ปี 62-67 รายงานการวิจัยตลาดของ Bulletin Line กล่าวว่าการเปลี่ยนวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการรับประทานอาหารหลายมื้อต่อวันเป็นแบบเดียวประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ที่ทานอาหารสามมื้อต่อวันมากขึ้น แนวโน้มดังกล่าวยังรวมถึงการซื้ออาหารสำเร็จรูปอาหารปรุงสุกและการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดค้าปลีกในอุตสาหกรรมอาหารบรรจุหีบห่อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาหารแช่แข็งและแช่เย็น ผู้บริโภคมีความต้องการของหวานแช่แข็ง มันฝรั่งแช่แข็งและอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งเพิ่มสูงขึ้น ผู้นำเข้าบางรายในกัมพูชามีความเชี่ยวชาญในการให้บริการร้านอาหารของโรงแรมและมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บและการกระจายสินค้าแช่แข็งและแช่เย็นที่เหมาะสม ร้านค้าปลีกอาหารสมัยใหม่ส่วนใหญ่ เช่น DFI Lucky และ Thai Huot ยังให้บริการการค้านร้านค้าปลีกหรือการค้าส่ง ในปี 2559 สถาบันมาตรฐานแห่งกัมพูชา (ISC) และองค์การเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเล 4 ชนิดที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล น้ำปลา กุ้งแช่แข็ง กุ้งแห้ง และเนื้อปูเป็นการส่งออกอาหารทะเลที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบ รสชาติ และความชอบที่เปลี่ยนไปในอาหารแช่แข็งของผู้บริโภคจึงได้รับความนิยมในประเทศเนื่องจากอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้น

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50761273/cambodia-frozen-food-market-is-forecasted-to-reach-119-56-million-by-2024/

เวียดนามคาดช่วง 8 เดือนแรก ยอดค้าระหว่างประเทศมากกว่า 336.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการนำเข้าและส่งออกอยู่ที่ประมาณ 336.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับภาคธุรกิจในประเทศยังคงมีทิศทางที่สดใสอยู่ ด้วยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 60.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าอยู่ที่ 72.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 และ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ รายการสินค้าส่งออก 27 รายการ ที่มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน (31.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองลงมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และเครื่องแต่งกาย อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรกรรมส่วนใหญ่มียอดส่งออกลดลง นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากเวียดนามรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่าราว 46.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน, ยุโรป, เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตามลำดับ ขณะที่ จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 49.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้และอาเซียน ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnams-trade-revenue-estimated-to-exceed-us3362-billion-in-8-months-417996.vov

สปป.ลาวคาดการส่งออกลดลงจากการระบาด covid-19

สปป.ลาวคาดมูลค่าการส่งออกจะลดลงอย่างน้อย 483 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลสำหรับประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล หลังจากการระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้โรงงานต้องปิดกิจการ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากล่าวว่ารัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการส่งออกเป็น 6.42 พันล้านดอลลาร์ แต่การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกอยู่ที่ 2.32 พันล้านดอลลาร์ท่ามกลางการขาดดุลการค้าจำนวนมาก มีการคาดการณ์ว่าการส่งเงินกลับประเทศไปยังสปป.ลาวจะลดลงประมาณร้อยละ 50 ในปี 63 อันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาด แรงงานชาวสปป.ลาวมากกว่า 100,000 คนได้เดินทางกลับบ้านเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ส่วนใหญ่ทำงานในประเทศไทยส่วนที่เหลือทำงานในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ธนาคารโลกระบุเมื่อเดือนมิถุนายนว่าการระบาดของโรคนี้สามารถผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากถึง 214,000 คนเข้าสู่ความยากจน  การส่งออกได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนหลังจากที่รัฐบาลสั่งระงับการดำเนินการโรงงานเนื่องจากการระบาดของโรคระบาด แต่ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวดีขึ้นภายในเดือนกรกฎาคมท่ามกลางการเปิดประเทศบางส่วนและการผ่อนคลายข้อจำกัดการปิดกั้น

ที่มา : https://www.ucanews.com/news/covid-19-expected-to-slash-laos-exports/89341#