เวียดนามส่งออกไปอาเซียน โตต่ำ 5.26%

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าในปีนี้ เวียดนามส่งออกไปยังอาเซียนอยู่ที่ 23.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตราการขยายตัวในปี 2559-2563 คาดว่าจะขยายตัวในระดับต่ำที่ร้อยละ 5.26 ซึ่งจากตัวเลขสถิติ ชี้ให้เห็นว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามไปอาเซียน คาดว่าจะอยู่ที่ 55.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.4 ของยอดการส่งออกและนำเข้าของเวียดนามทั้งหมด โดยอาเซียนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของเวียดนามอันดับที่ 5 ของคู่ค้าต่างประเทศ หากแบ่งรายประเทศ พบว่าไทยและมาเลเซียเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาอินโดนีเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์และสปป.ลาว ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามไปอาเซียน ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน, เหล็กทุกชนิด, คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรและส่วนประกอบ, ยานยนต์และอะไหล่, เสื้อผ้า สิ่งทอและข้าว เป็นต้น ในขณะเดียวกัน สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ผักและผลไม้, ขนมและธัญพืช, อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม, ยาง,  วัสดุพลาสติก เป็นต้น นอกจากนี้ นอกจากนี้ ในปี 2562 มูลค่าการนำเข้า-ส่งออกของเวียดนามไปยังอาเซียนอยู่ที่ 57.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดดุลการค้ากับอาเซียน 6.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับปี 2561

ที่มา : http://export.vccinews.com/detail/26004/vietnamese-exports-to-asean-grow-at-low-rate-of-5-26.html

เมียนมาส่งออกหยกมากกว่า 2,000 ตัน รายได้ทะลุ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมียนมามีรายได้กว่า 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกเกือบ 2,000 ตันในปีงบประมาณ 2562-2563 มากกว่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออก 410 ตันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปีนี้เส่งออก 1,964.488 ตันมูลค่า 420.036 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ ปีที่แล้วมีรายได้ 356.876 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกหยก 1,548.452 ตัน ในช่วง 56 เดือนที่ผ่านมามีรายได้มากกว่า 2,496 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกหยกรวมถึงสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 971 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560-2561

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/india-proposes-oil-refinery-expand-presence-myanmar-energy.html

เวียดนามเผยการส่งออกผักผลไม้ดิ่งลง ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าส่วนแบ่งการตลาดมะพร้าวของประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิ.ค. แก้วมังกรเป็นสินค้าเกษตรที่มีการเติบโตเร็วที่สุดของเวียดนามในบรรดากลุ่มผลไม้ต่างๆ คิดเป็นยอดส่งออกร้อยละ 51.8 ของมูลค่าส่งออกผลไม้รวม โดยเฉพาะตลาดจีน ที่มีมูลค่าส่งออกพุ่งร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 127.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานนำเข้า-ส่งออก เผยว่ายอดส่งออกแก้วมังกรที่เติบโตอย่างรวดเร็วไปยังจีน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเอื้ออำนวยของพิธีการศุลกากร และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA คาดว่าจะช่วยให้ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจเวียดนามเมื่อเทียบกับภูมิภาคเดียวกัน อย่างเช่น ไทย ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ก็กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ เช่น เปรูและเอกวดอร์

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/fruit-and-vegetarble-exports-plummet-over-nine-months-783688.vov

น้ำตาลเมียนมาล้นตลาดทำราคาตกต่ำในรอบ 10 ปี

สมาคมผู้ประกอบการน้ำตาลและอ้อยของเมียนมาเผยปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปทำให้ราคาตกต่ำในรอบ 10 ปี เนื่องจากขณะนี้น้ำตาลสำหรับการส่งออกยังคงค้างอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก ตามการคาดการณ์อาจมีสินค้าคงเหลือในประเทศ 150,000 ถึง 200,000 ตันและราคาอยู่ระหว่าง 840-860 จัตต่อ viss ซึ่งต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ การบริโภคลดลงอย่างมากเพราะไม่มีงานเทศกาลหรืองานอีเว้นท์ในช่วง COVID-19 เนื่องจากผู้คนจับจ่ายน้อยลงจึงส่งผลกระทบต่อตลาดขนมและเครื่องดื่มที่ทำจากน้ำตาลซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำตาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะนี้เมียนมากำลังพยายามจะทำทุกทางเพื่อการส่งออกไปยังจีน แม้พื้นที่เพาะปลูกอ้อยจะลดลงแต่ผู้ค้าคาดว่าราคาจะยังคงลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผลมาจากปริมาณที่มากเกินไปและการบริโภคที่ลดลง ขณะนี้มีไร่อ้อยในเมียนมาไม่ถึง 50,000 เอเคอร์และลดลงจากหน้านี้ที่มีประมาณ 460,000 เอเคอร์ ซึ่งถูกทดแทนโดยถั่วชนิดต่าง ๆ  เนื่องจากสินค้าคงเหลือมีจำนวนมากเกษตรกรจึงขอจำกัดการนำเข้าน้ำตาลจากต่างประเทศ ทั้งนี้ความต้องการและพื้นที่ปลูกอ้อยที่ลดลงยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลต่อไปตามห่วงโซ่คุณค่า

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/sugar-glut-myanmar-leads-prices-10-year-low.html

อิออน ซูเปอร์มาร์เก็ต จัดงาน ‘Vietnam Fair’ ในญี่ปุ่น

งาน Vietnam Fair จัดแสดงสินค้าเวียดนามระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2563 ในอิออน ซูเปอร์มาร์เก็ต 40 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยงานแสดงสินค้าครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สินค้าเวียดนามเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นและขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับพาร์ทเนอร์ชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้นำเข้าของทางอิออน นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมทางธุรกิจของบริษัทเวียดนามเกี่ยวกับระบบการจัดจำหน่ายในปี 2563 และเปิดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามกับกลุ่มบริษัทอิออน เพื่อให้เวียดนามส่งออกไปยังอิออนเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-fair-underway-in-aeon-supermarkets-in-japan/182892.vnp

‘บั๊กนิญ’ มีรายได้จากการส่งออกกว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ว่ามูลค่าการส่งออกของจังหวัดบั๊กนิญ (Bac Ninh) มากกว่า 20.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. ปี 2563 ในขณะที่ ยอดการพัฒนาและเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ สำนักงานรัฐบาลเพิ่งประกาศข้อสรุปจากรองนายกรัฐมนตรีจากการประชุมผู้นำในจังหวัด โดยเป้าหมายเพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการผลิตและธุรกิจที่นำเข้า-ส่งออก อำนวยความสะดวกให้กับคนในท้องถิ่นและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงเครดิต การเงิน ภาษี การดำเนินธุรกิจและการชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น การเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐฯ สูงถึงร้อยละ 68 ลงไปยังจ.บั๊กนิญ ถือว่ามีอัตราการเบิกจ่ายสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดดังกล่าวยังมีข้อบกพร้องอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม, สภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษ โดยเฉพาะทางน้ำที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุง, การขาดแคลนแรงงานทักษะขั้นสูง การท่องเที่ยวและงานบริการที่ยังคงชะลอตัว

ที่มา : https://vnexplorer.net/bac-ninh-earns-over-usd20-billion-from-exports-a202091702.html

กล้วย ทำรายได้สูงสุดในการส่งออกสินค้าเกษตรของสปป.ลาว ไปยังจีน

ทางการสปป.ลาวยืนยันว่าปีนี้กล้วยยังคงทำรายได้สูงสุดในบรรดาสินค้าเกษตรส่งออกไปยังประเทศจีน แม้ว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามปลูกกล้วยมากขึ้นก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่าสปป.ลาวส่งออกกล้วยไปยังจีนเป็นมูลค่า 116 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปีที่แล้วมีรายได้ราว 185.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ว่าจำนวนนักลงทุนและสวนกล้วยในประเทศจะลดลง หลังจากที่รัฐบาลบังคับใช้คำสั่งห้ามไม่ให้มีพื้นที่ปลูกใหม่และปิดบริษัทที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ แต่มูลค่าการส่งออกกล้วยยังคงอยู่ในระดับสูง การค้าขายระหว่างสปป.ลาวและจีนในปีนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 แต่การส่งออกสินค้าโดยเฉพาะกล้วยยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากความร่วมมือและการเจรจาที่ดีระหว่างทางการสปป.ลาวและจีนยุทธศาสตร์การเกษตรปี 68 ระบุว่ากล้วยเป็นสินค้าส่งออกทางการเกษตรอันดับต้น ๆ สร้างโอกาสในการทำงานและสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่นเพื่อให้อยู่เหนือความยากจน แต่พื้นที่เพาะปลูกบางแห่งทำร้ายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรัฐบาลขาดการจัดการการจัดสรรที่ดินที่ไม่สมบูรณ์และการจดทะเบียนธุรกิจที่หละหลวม ด้วยเหตุนี้ผู้ค้าและนักลงทุนจึงได้รับการสนับสนุนให้ทำสัญญากับครอบครัวเกษตรกรรมเพื่อปลูกพืช แต่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎระเบียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์กรการส่งเสริมการลงทุนการจัดการสารเคมีการคุ้มครองพืชการคุ้มครองผู้บริโภคและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/bananas-largest-slice-laos-export-pie-china

ส่งออกข้าวโพดไปไทยหยุดชะงัก

ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 63 เมียนมาหยุดการส่งออกข้าวโพดจากชายแดนเมียวดี  เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 63 โดยได้รับการยกเว้นภาษีเป็นไปตามข้อกำหนดข้าวโพดของไทย แต่เวลานี้ตรงกับเวลาที่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดในไทย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรไทยจึงเพิ่มภาษีการส่งออกข้าวโพดของเมียนมา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/corn-export-to-thailand-halts

คาดปี 67 ตลาดอาหารแช่แข็งกัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 119.56 ล้านดอลลาร์

ตลาดอาหารแช่แข็งของกัมพูชาคาดจะมีมูลค่าสูงถึง 119.56 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 67 โดยอัตราการเติบโต (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ  3.9 ในช่วง ปี 62-67 รายงานการวิจัยตลาดของ Bulletin Line กล่าวว่าการเปลี่ยนวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการรับประทานอาหารหลายมื้อต่อวันเป็นแบบเดียวประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ที่ทานอาหารสามมื้อต่อวันมากขึ้น แนวโน้มดังกล่าวยังรวมถึงการซื้ออาหารสำเร็จรูปอาหารปรุงสุกและการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดค้าปลีกในอุตสาหกรรมอาหารบรรจุหีบห่อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอาหารแช่แข็งและแช่เย็น ผู้บริโภคมีความต้องการของหวานแช่แข็ง มันฝรั่งแช่แข็งและอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งเพิ่มสูงขึ้น ผู้นำเข้าบางรายในกัมพูชามีความเชี่ยวชาญในการให้บริการร้านอาหารของโรงแรมและมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บและการกระจายสินค้าแช่แข็งและแช่เย็นที่เหมาะสม ร้านค้าปลีกอาหารสมัยใหม่ส่วนใหญ่ เช่น DFI Lucky และ Thai Huot ยังให้บริการการค้านร้านค้าปลีกหรือการค้าส่ง ในปี 2559 สถาบันมาตรฐานแห่งกัมพูชา (ISC) และองค์การเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) ร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเล 4 ชนิดที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล น้ำปลา กุ้งแช่แข็ง กุ้งแห้ง และเนื้อปูเป็นการส่งออกอาหารทะเลที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบ รสชาติ และความชอบที่เปลี่ยนไปในอาหารแช่แข็งของผู้บริโภคจึงได้รับความนิยมในประเทศเนื่องจากอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้น

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50761273/cambodia-frozen-food-market-is-forecasted-to-reach-119-56-million-by-2024/

เวียดนามคาดช่วง 8 เดือนแรก ยอดค้าระหว่างประเทศมากกว่า 336.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการนำเข้าและส่งออกอยู่ที่ประมาณ 336.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับภาคธุรกิจในประเทศยังคงมีทิศทางที่สดใสอยู่ ด้วยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 60.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าอยู่ที่ 72.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 และ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ รายการสินค้าส่งออก 27 รายการ ที่มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน (31.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) รองลงมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และเครื่องแต่งกาย อย่างไรก็ตาม สินค้าเกษตรกรรมส่วนใหญ่มียอดส่งออกลดลง นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากเวียดนามรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่าราว 46.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน, ยุโรป, เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตามลำดับ ขณะที่ จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 49.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้และอาเซียน ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnams-trade-revenue-estimated-to-exceed-us3362-billion-in-8-months-417996.vov