การลงทุนในประเทศยังเพิ่มแม้ COVID-19 ระบาด

จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการบริหารจัดการของเมียนมา (DICA) ถึงจะมีการระบาดของ COVID-19 แต่การลงทุนของนักลงทุนและประชากรในเมียนมาในปีงบประมาณ 62-63 มีมูลค่ากว่า 1,88 ล้านล้านจัต ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณที่แล้วประมาณ 200 ล้านจัต โดยอนุมัติให้ธุรกิจใน 130 แห่งลงทุนใน 9 ภาคธุรกิจ ย่างกุ้งได้รับการลงทุนที่สุดโดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 901 พันล้านจัต มัณฑะเลย์ 410 พันล้านจัต ขณะที่รัฐชาน 170 พันล้านจัต และอิรวดี 161 พันล้านจัตตามลำดับ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว และการพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งนักลงทุนท้องถิ่นต้องได้รับการประเมินความสามารถในการลงทุนโดย Myanmar Investment Commission (MIC) ก่อนที่จะได้รับอนุมัติให้ลงทุนได้ จากนั้น MIC จะออกใบรับรองซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษี การยกเว้นภาษี และสิทธิพิเศษอื่น ๆ ในปีงบประมาณ 62-63 มีโอกาสในการทำงานมากกว่า 23,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนของนักลงทุนในประเทศ มีการจ้างงานคนในท้องถิ่น 22,700 คน และแรงงานต่างชาติกว่า 480 คน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-citizens-raise-investments-country-despite-pandemic.html

ผลสำรวจของเวิลแบงค์ COVID-19 รอบสองในเมียนมาส่งผลกระทบรุนแรงกว่าครั้งแรก

การสำรวจล่าสุดของธนาคารโลกซึ่งเป็นครั้งที่ 4 จาก 8 ชุดที่ได้วางแผนไว้ โดยสำรวจในเดือนกันยายนและครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของธุรกิจในประเทศ 500 ตัวอย่าง ร้อยละ 66 พบว่าไม่มีความพร้อมในการรับมือและธุรกิจการเกษตรขนาดเล็กและขนาดเล็กมีความพร้อมน้อยที่สุด ร้อยละ 83 ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 75 ของเดือนสิงหาคม บริษัททุกขนาดประสบปัญหาปิดตัวชั่วคราวเพิ่มขึ้นในเดือนกันยายนหลังจากที่รัฐบาลออกคำสั่งห้ามออกจากที่พักสำหรับธุรกิจในย่างกุ้ง ส่วนภาคเกษตรกรรมมีการปิดกิจการเพิ่มขึ้น ยอดขายที่ลดลงยังเป็นที่น่ากังวลสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจากการสำรวจจพบว่า ยอดขายลดลงร้อยละ 93 ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากเดือนสิงหาคม อีกทั้งปัญหาด้านเงินทุนจะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้นในเดือนกันยายน มีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่ยื่นฟ้องล้มละลายและปลดคนงานออกรวมถึงมีปัญหาด้านการชำระสินเชื่อตามมา จากรายงานยังพบว่าธุรกิจการเกษตรเกือบครึ่งหนึ่งและหนึ่งในสามของบริษัทค้าปลีกและค้าส่งมีแนวโน้มว่าในอีกสามเดือนข้างหน้าจะเริ่มมีการค้างการชำระสินเชื่อ การระบาดของ COVID-19 รอบสองในเมียนมา มีผลให้บริษัทต่างๆ มีความมั่นใจน้อยลงในการเปิดกิจการต่อเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/covid-19-second-wave-more-severe-local-firms-first.html

กัมพูชากังวลการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ของโควิด-19

ภาคธุรกิจในกัมพูชาโดยเฉพาะฝากฝั่งธุรกิจด้านการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเริ่มเห็นถึงผลกระทบจากความกังวลที่อาจจะเกิดการระบาดระลอกที่ 2 ของ COVID-19 ซึ่งรัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่รัดกุมในการควบคุมโรค เพราะหากเกิดการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่อาจจะส่งผลทำให้มีธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวเผชิญกับความเสี่ยงที่จะต้องปิดกิจการลงรวมถึงกิจการที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลได้สั่งปิดสถานบริการความบันเทิงบางส่วน และโรงภาพยนตร์ทำให้คนงานในสถานประกอบการเหล่านั้นตกงานอีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50781586/possibility-of-second-c-19-wave-causes-deep-concern/

นักเศรษฐศาสตร์ คาดเศรษฐกิจเวียดนามโต 6% ในปี 2564

นาย Duong Manh Hung นักวิเคราะห์อาวุโสของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนามกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ขยายตัวร้อยละ 2.62 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ หลังจากไตรมาสที่ 2 อยู่ในระดับต่ำที่สุด ร้อยละ 0.39 ด้วยความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เป็นแรงผลักดันต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วนกลับมาดำเนินธุรกิจใหม่ ตัวอย่างเช่น ภาคอุตสาหกรรมเติบโตร้อยละ 3.6 ในเดือนต.ค. และจำนวนธุรกิจกว่า 5,000 รายกลับมาดำเนินกิจการในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ประกอบกับจำนวนการจดทะเบียนธุรกิจใหม่มากกว่า 12,000 แห่ง ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าการขยายตัวของ GDP จะแตะอยู่ในระดับร้อยละ 2 ในปีนี้ และร้อยละ 6 หรือมากกว่านั้นในปี 2564 อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกด้วย โดยเฉพาะประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับเวียดนามอย่างมาก ได้แก่ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/gdp-growth-6-percent-in-2021-feasible-economists/190112.vnp

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกปีงบฯ 63-63 สินค้าเกษตรมีโอกาสเติบโต

เมียนมาคาดปริมาณการค้าปีงบประมาณ 63-64 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแม้จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยมีปริมาณการค้าสูงถึง 34,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งการส่งออกลดลงเหลือ 16.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้ว ในปีงบประมาณ 62-63 ปริมาณการค้าอยู่ที่ 36.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสูงกว่าที่คาดไว้ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยส่งออกรวม 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้าสูงถึง 19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกในปีนี้จะเป็น การเกษตร ปศุสัตว์และประมงเป็นหลักซึ่งคาดว่าจะชดเชยการผลิตสิ่งทอที่ลดลง โดยการส่งออกเสื้อผ้าลดลงกว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 62-63 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนการส่งออกเสื้อผ้าในปี 62-63 มีมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้มีรายได้รวมเพียง 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งลดลงมากกว่า 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในทางตรงกันข้ามความต้องการพืชผลไม้ เช่น ข้าวโพดเพิ่มขึ้นและการส่งออกถั่วคาดว่าจะมีเสถียรภาพในขณะเดียวกันความต้องการการประมงก็เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ยังต้องเจอความท้าทาย เช่น ความไม่แน่นแน่ของชายแดนเมียนมา – จีน ความต้องการระหว่างประเทศที่ผันผวน ตลอดจนอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงซึ่งล้วนส่งผลทำให้ราคาไม่คงที่ ในปี 62-63 เมียนมาขาดดุลการค้า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากปีงบประมาณ 61-62

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-raises-trade-target-aims-grow-agri-exports-year.html

ญี่ปุ่นขอมีส่วนร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

นาย U Myint San รองประธานคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) เผยรัฐบาลญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายแบบฐบาลต่อรัฐบาล (G2G) ถึงแม้มีการระบาดของ COVID-19 แต่ก็อนุมัติให้ญี่ปุ่นเข้าร่วมทันทีและกำลังรอการสนับสนุนทางการเงินและทางเทคนิคเพื่อเริ่มต้นการก่อสร้างที่ล่าช้ามานาน โครงการการพัฒนาล่าสุดล่าสุดภายหลังจากจีนสนใจที่จะลงทุนในเขตเศรษฐกิจทวายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 63 ทวายคาดว่าจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนซึ่งใหญ่กว่าติวลาในย่างกุ้งประมาณ 8 เท่าและใหญ่กว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเจ้าผิวในยะไข่ถึงสิบเท่า เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายมีพรมแดนติดกับประเทศไทยโดยมีพื้นที่ 20,000 เฮกตาร์ซึ่งรวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมและท่าเรือ บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างของไทยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นระหว่างเมียนมาและไทยในปี 51 แต่หยุดชะงักลงในปี 56 เนื่องจากไม่สามารถหาเงินลงทุนได้ตามสัญญา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/japan-offers-participate-dawei-sez-development.html

รัฐบาลสปป.ลาวมั่นใจเศรษฐกิจปีหน้าฟื้นตัว

รัฐบาลสปป.ลาวมองเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4-4.5 ในปีหน้าแม้ยังไม่มีความแน่นอนจากการสถานการณ์ COVID-19 และปัญหาทางการเงินของสปป.ลาวที่กำลังเผชิญในปัจจุบัน เพื่อบรรเทาความตึงเครียด ด้านงบประมาณ รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความพยายามลดความยากจนตามเป้าหมายแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรัฐบาลยังมีพยายามเสริมสร้างการผลิตเชิงพาณิชย์ร่วมกับอุตสาหกรรมแปรรูปตลอดจนส่งเสริมการบริการตามทางรถไฟและระเบียงเศรษฐกิจอื่น ๆ นอกจากนี้รัฐบาลจะเปิดตัวระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการจัดเก็บรายได้และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการใช้จ่ายงบประมาณรวมถึงการดูแลควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ เงินสำรองต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจเป้าหมายหลักประการหนึ่งของรัฐบาลในช่วงห้าปีข้างหน้าคือการติดตามการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสมยั่งยืนและมีประสิทธิผล

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_219.php

เวียดนามเผยยอดการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษในนครโฮจิมินห์ พุ่ง 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Hua Quoc Hung ผู้อำนวยการของหน่วยงานบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (HEPZA) กล่าวว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ การจดทะเบียนธุรกิจรายใหม่รวมและการปรับเพิ่มเงินทุน มีมูลค่าอยู่ที่ 592 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ เงินลงทุนจากต่างประเทศ อยู่ที่ 270.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เงินลงทุนรวมในประเทศ สำหรับเขตอุตสาหกรรมส่งออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีมูลค่ามากกว่า 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งออกเป็นจำนวน 46 โครงการใหม่ที่ยื่นขอจดทะเบียน ด้วยมูลค่ารวมราว 251 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 และ 32 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ที่ยังไม่ฟื้นตัวในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ความคืบหน้าของโครงการประสบปัญหาเกี่ยวกับการระดมทุน ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการจึงรับพิจารณาอนุมัติความคืบหน้า 34 โครงการ

  ที่มา : https://en.dangcongsan.vn/economics/over-321-million-usd-invested-in-izs-in-ho-chi-minh-city-564353.html

DICA เปิดตัวแอปฯ ลงทุนออนไลน์เป็นครั้งแรกในเมียนมา

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) ของเมียนมา จะเปิดตัวแอปพลิเคชันการลงทุนออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุน ฟังก์ชั่นใหม่ฯ นี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการลงทุนโดยไม่ต้องไปที่สำนักงานของ DICA จึงเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในช่วงเวลาที่การเดินทางเข้าประเทศยังถูกจำกัดจากการระบาดของ COVID-19 ทั้งยังลดการใช้กระดาษและลดจำนวนคนทำงานลง การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก DICA อนุญาตให้นักลงทุนและธุรกิจจดทะเบียนบริษัทผ่านระบบออนไลน์ ในปี 2561 ระบบการจดทะเบียนบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ Myanmar Companies Online (MyCO) ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 68,000 แห่ง กระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ ได้อนุมัติใบอนุญาตทางออนไลน์มากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/investment-applications-go-online-myanmar.html

Asean Sustainable Tourism Solutions Expo กระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาค

งาน Asean Sustainable Tourism Solutions Expo ครั้งที่ 3 งานแสดงสินค้าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและเอกลักษณ์ของสินค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้เข้าร่วมงานเป็นตัวแทนของหมวดหมู่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธีมของงานได้แก่ ของใช้ในโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พลาสติกทางเลือก พลังงาน นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการอภิปรายในสามหัวข้อได้แก่ “ อนาคตของการท่องเที่ยวในอาเซียนและลาว “ การเดินทางที่ปลอดภัย: ความสำคัญของสุขภาพและความปลอดภัยในพิธีสารการฟื้นตัวที่มีประสิทธิภาพ” และ“ การสร้างแรงงานการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น” หัวข้อที่นำมาอภิปรายในงานจะเน้นไปในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพในอีกแง่งานแสดงสินค้าดังกล่าวเป็นแคมเปญหนึ่งที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt217.php