‘เวียดนาม’ ทำยอดขายรถยนต์รั้งอันดับ 5 ในอาเซียน

สมาพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอาเซียน (AAF) รายงานว่าในปี 2566 อินโดนีเซียมียอดขายรถยนต์มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน จำนวนมากกว่า 1 ล้านคัน ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามมาด้วยมาเลเซียที่ 799,731 คัน เพิ่มขึ้น 10.9% ไทย 775,780 คัน และฟิลิปปินส์ 429,807 คัน ขณะที่เวียดนามตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 5 ของภูมิภาค ทำยอดขายรถยนต์ 301,989 คัน ลดลง 25.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่าในปี 2566 ยอดขายรถยนต์ในเวียดนามทั้ง 3 ประเภท ปรับตัวลดลง โดยยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลดลง 27% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 16% และรถยนต์เฉพาะกิจลดลง 56% เมื่อเทียบเป็นรายปี

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าอุตสาหกรรมรถยนต์เผชิญกับอุปสรรคหลายประการ อาทิเช่น ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและภาระดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนและทำให้ยอดขายรถยนต์ชะลอตัวลง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1650549/vn-s-automobile-market-stands-fifth-place-in-the-region.html

ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาด FTA พุ่ง! ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในอาเซียน

น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกสินค้าของไทยไปกลุ่มประเทศคู่ค้า ที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ว่า ในปี 2566 ไทยส่งออกสินค้าไปกลุ่มประเทศคู่ค้า FTA คิดเป็นมูลค่า 167,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงเล็กน้อย 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

แต่หากพิจารณากลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ พบว่า สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ส่งออกไปประเทศคู่ค้า FTA ขยายตัวได้ดี โดยสินค้าเกษตร มีมูลค่า 19,563 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4% คิดเป็นสัดส่วนถึง 73% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด ทั้งนี้ สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ถือเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตและการส่งออกสูง ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ของโลก และเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปอันดับ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 11 ของโลก

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2024/375345

โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลส่งเสริมการใช้สิทธิภายใต้ FTA ส่งออก มกราคม-พฤศจิกายน 2566 รวม 75,842.65 ล้านดอลลาร์

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ FTA ช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีมูลค่าส่งออกสินค้ารวม 75,842.65 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ 82.66 ของการส่งออกสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA โดยไทยได้ใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) สูงสุดเป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 27,584.19 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน น้ำตาลจากอ้อย น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส รถยนต์สำหรับขนส่งบุคคล และเครื่องจักรอัตโนมัติ สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรีของไทย มากเป็นอันดับที่ 2 ได้แก่ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ไทยได้ใช้สิทธิประโยชน์ คิดเป็นมูลค่า 22,059.90 ล้านดอลลาร์ โดยเน้นเป็นสินค้าจำพวกทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง และโพลิเมอร์ของเอทิลีน นอกจากการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ FTA ข้างต้น ยังมีการใช้สิทธิประโยชน์ในความตกลงฉบับอื่น ๆ เช่น การใช้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) คิดเป็นมูลค่า 6,344.09 ล้านดอลลาร์ ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) คิดเป็นมูลค่า 5,802.56 ล้านดอลลาร์ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) คิดเป็นมูลค่า 4,987.16 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/78761

ผนึก 5 ประเทศอาเซียน วีซ่าฟรี แลก “วีซ่าเชงเก้น”

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการควิก-วิน ด้านการกระตุ้นการท่องเที่ยวว่า พยามยามทำทุกวิถีทาง เช่น เปิดวีซ่าให้ประเทศต่าง ๆ เริ่มได้ผลกลับคืนมา จีนมีการเซ็นข้อตกลงวีซ่าฟรีถาวร รวมถึงการขยายสนามบิน ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ จัดเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของประเทศอนุภูมิภาคกลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เป็นเอกภาพและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่่อนุภูมิภาคและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกันต่อไป โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นในอนุภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศมาเลเซียด้วย หลังได้พบปะหารือกับผู้นำประเทศอาเซียนหลายประเทศ

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/tourism/587611

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเริ่มขึ้นแล้วที่หลวงพระบาง สปป.ลาว

รัฐมนตรีต่างประเทศจาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่หลวงพระบาง เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยการประชุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในการประชุมครั้งแรกที่จัดขึ้นภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว โดยการประชุมได้หารือและสนับสนุนลำดับความสำคัญ ของการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการเชื่อมโยงและความแข็งแกร่งของอาเซียน องค์ประกอบการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วยลำดับความสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) การบูรณาการและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ (2) การสร้างอนาคตการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืน (3) การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตดิจิทัล และ (4) การส่งเสริมวัฒนธรรมและศิลปะในอาเซียน องค์ประกอบความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วยลำดับความสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ (1) การสร้างแผนยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินการตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนปี 2045 (2) การเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน (3) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม (4) การเสริมสร้างบทบาทของสตรีและเด็ก และ (5) การปรับปรุงการสาธารณสุขในประเทศอาเซียน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_21_Asean_y24.php

ไทยครองแชมป์ นักท่องเที่ยวต่างชาติมากสุดในอาเซียน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาซียน ครั้งที่ 27 (ASEAN Tourism Forum : ATF 2024) ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้หัวข้อ “การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ: มุ่งสู่อนาคตอาเซียนที่ยั่งยืน”(Quality and Responsible Tourism – Sustaining ASEAN Future)” โดยรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ ที่จะฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รับผิดชอบ และยั่งยืน มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ผ่านการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี 2559-2568 ประเด็นที่น่าสนใจที่ได้จากการประชุม พบว่าในปี 2566 ตัวเลขท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 153% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า โดยแคมเปญการตลาดในปี 2566 ทั้งสองแคมเปญได้แก่ แคมเปญ imaginASEANและแคมเปญฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากถึง 2,500 ล้านคนทั่วโลก ด้านนางสาวสุดาวรรรณ กล่าวว่า ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสูงสุดในปี 2566 จำนวน 28.09 ล้านคน เพิ่มขึ้น 153.94% จากปีก่อนหน้าที่มี 11.06 ล้านคน

ที่มา : https://news.trueid.net/detail/g6l3pP7orbDR

สปป.ลาว หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวผ่านงานแสดงสินค้า TRAVEX

งานแสดงสินค้า Travel Exchange (TRAVEX) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน (ATF) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-27 มกราคม เปิดฉากขึ้นแล้วที่นครหลวงเวียงจันทน์ โดยรวบรวมผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อพบปะผู้ขายในอาเซียนและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ งานแสดงสินค้าเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว เข้าถึงตลาดเป้าหมาย ซื้อและขายผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว และสร้างเครือข่ายกับเจ้าของธุรกิจรายอื่นได้โดยตรง ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาว วางแผนที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 4.6 ล้านคนในปีนี้ โดยหวังว่าการประชุมและการส่งเสริมการท่องเที่ยว “Visit Laos Year 2024” และการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้กับประเทศได้อย่างมาก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_18_Laos_y24.php

‘AMRO’ มองเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้โต 6% หนุนจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6% หลังจากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนมาจากการส่งออกที่มีทิศทางเป็นบวก อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก สังเกตได้มาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ สำนักงาน AMRO คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 ในปี 2567 ขยายตัว 4.5% เนื่องมาจากอุปสงค์ที่มีความแข็งแกร่ง เงินเฟ้อปรับตัวลดลง คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1639547/viet-nam-s-economy-poised-for-6-growth-in-2024-fueled-by-export-recovery-amro.html

นายกฯ สปป.ลาว ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ญี่ปุ่น เน้นความร่วมมือระดับภูมิภาค

การประชุมสุดยอดผู้นำจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและญี่ปุ่น มีความตั้งใจในการทบทวนความร่วมมือในช่วงห้าทศวรรษที่มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยการประชุมได้จัดลำดับความสำคัญของการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่และความร่วมมือที่จับต้องได้ เน้นย้ำความพยายามในการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทาย ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความร่วมมือทางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว มีส่วนร่วมในการอภิปรายทวิภาคีกับผู้นำจากทั่วภูมิภาค ในฐานะที่ สปป.ลาว กำลังเตรียมที่จะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้การสนับสนุน สปป.ลาว โดยเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่นอกเหนือไปจากธุรกิจ และส่งเสริมความไว้วางใจผ่านความท้าทายร่วมกัน เนื่องจากมีบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 160 แห่งที่ทำธุรกิจใน สปป.ลาว ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมลาวเป็นอย่างมาก และสร้างโอกาสในการจ้างงานโดยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอำนวยความสะดวกในการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/15/lao-pm-to-join-asean-japan-summit-focus-on-regional-cooperation/

ผลสำรวจเจโทร ชี้ธุรกิจญี่ปุ่นในเวียดนามทำกำไร ปี 2566

จากการสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ในปี 2566 เปิดเผยว่าธุรกิจญี่ปุ่นในเวียดนามส่วนใหญ่เกินกว่า 50% มีผลกำไรในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียนที่ 6.6% และในกลุ่มตัวอย่างราว 32% ระบุกำไรหรือผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่าปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจกำไรได้ในปีนี้ เนื่องมาจากความต้องการการผลิตไปยังตลาดส่งออกมีมากขึ้น และความต้องการภาคบริการของตลาดในประเทศดีขึ้น

นอกจากนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพและการลดต้นทุน ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในปีนี้

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20231216/over-half-of-japanese-companies-in-vietnam-report-2023-profits-survey/77290.html