‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ คาดการณ์ GDP เวียดนามไตรมาส 1/67 โต 6.1%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัว 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) จาก 6.7% ในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว และคาดการณ์ว่า GDP ของปี 2567 จะขยายตัวที่ 6.7% โดยจากข้อมูลในเดือน มี.ค. แสดงให้เห็นว่าทิศทางของภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว จากแรงหนุนภาคการค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 9.2%YoY ในขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 5.2%YoY และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 5.0%YoY ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2%YoY ในเดือน มี.ค ดีดตัวสูงขึ้นจาก 4.0% ในเดือน ก.พ.

ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้จะมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง แต่คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดีควรประเมินและเตรียมการรับมือในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเผชิญกับปัญหาอุปสรรคการค้าโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/standard-chartered-forecasts-vietnam-s-gdp-in-q1-to-moderate-to-6-1-2263679.html

‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามโตตามคาด

ผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในไตรมาสแรกของปี 2567 จะขยายตัว 5.5% เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ธนาคารยูโอบี (ประเทศสิงคโปร์) ประเมินตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวไปในทิศทางที่เป็นบวก โดยการส่งออกของเวียดนามขยายตัวและภาคอุตสาหกรรม 17.6% และ 5.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของเวียดนาม อยู่ในทิศทางที่เป็นบวก เนื่องจากดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. บ่งชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสากรรมแข็งแกร่ง แม้ว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-economy-proceeding-as-predicted-experts/283125.vnp

‘GDP เวียดนาม’ ก้าวกระโดด มูลค่าทะลุ 430 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปี 66

จากรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม มีมูลค่าราว 433.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 และอยู่ในอันดับที่ 5 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย มูลค่า 1.54 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไทย สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของโลกในปีที่แล้ว คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 104.48 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยสหรัฐอเมริกายังคงมีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยมูลค่าที่ 26.95 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์และวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร (CEBR) ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าการจัดอันดับของขนาดเศรษฐกิจเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในอนาคตข้างหน้าและคาดว่าเวียดนามจะขึ้นอันดับที่ 24 ภายในปี 2576 ด้วยขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 1,050 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://en.baochinhphu.vn/vietnamese-gdp-size-hits-over-us430-billion-in-2023-111240312092316328.htm

คาด GDP กัมพูชาปีนี้พุ่งแตะ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์

คาด GDP กัมพูชาปีนี้ อาจเพิ่มขึ้นไปแตะมูลค่ารวม 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ รายงานโดยกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน (MEF) นอกจากนี้คาดว่า GDP ต่อหัวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,071 ดอลลาร์ ภายในปี 2024 เทียบกับมูลค่า 1,917 ดอลลาร์ ในปี 2023 ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจคาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 6.6 ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.1 ในปีนี้ อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ขยายวงกว้าง ด้าน Phan Phalla รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มในระบบเศรษฐกิจกำลังเติบโตได้ดี รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้น ขณะที่การเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน นำมาโดยนักลงทุนจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501443985/cambodias-gdp-likely-to-touch-35b-this-year-ministry-says/

ธนาคารโลกประเมิน ‘การท่องเที่ยวของลาวสามารถเติบโตและผลักดัน GDP ได้ถึง 10%’

ธนาคารโลกประเมินว่าการท่องเที่ยวของลาว สามารถเติบโตและมีส่วนผลักดันผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศได้ถึง 10% ด้วยการลงทุนและการปฏิรูปที่เหมาะสม ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเริ่มต้นแคมเปญการท่องเที่ยวของลาวปี 2567 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนอย่างน้อย 4.6 ล้านคน ทั้งนักท่องเที่ยวชาวลาวและจากประเทศอื่นๆ “นี่แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยปัจจุบันการท่องเที่ยวมีสัดส่วนประมาณ 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของลาว” ธนาคารโลกระบุว่า “การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกของประเทศลาว รัฐบาลกำลังดำเนินการตามแผนงานการฟื้นฟูการท่องเที่ยวลาว พ.ศ. 2564-2568 แผนงานนี้เป็นแนวทางที่สำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในช่วงฟื้นตัวหลังโควิด (กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว, 2021)”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_16_Laotourism_y24.php

‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ คาด GDP เวียดนาม ปี 67 โต 6.7%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม ในปี 2567 อยู่ที่ 6.7% (6.2% และ 6.9% ในช่วงครึ่งแรกและครึ่งหลังของปี ตามลำดับ) ในขณะที่นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประจำประเทศไทยและเวียดนาม มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามยังคงอยู่อยู่ในระยะกลาง พร้อมกับคงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/standard-chartered-forecasts-vietnams-2024-gdp-growth-at-67/276076.vnp

‘เวียดนาม’ เผยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ปี 66 แตะ 37% ต่อ GDP

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามในปี 2566 มีมูลค่า 3.8 พันล้านล้านด่อง หรือคิดเป็น 37% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตัวเลขหนี้สาธารณะดังกล่าวอยู่ในระดับไม่เกินเพดาน 60% ตามที่รัฐสภากำหนดไว้ และยังต่ำกว่าประมาณการณ์ของกระทรวงฯ

ทั้งนี้ นายโฮ ดึก ฟอก  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าถึงแม้เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก แต่นโยบายการคลังของเวียดนามในปีที่แล้ว สามารถบรรลุความสำเร็จมาได้ อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินปี 2567 กระทรวงการคลังประมาณการณ์ถึงปัจจัยและความท้าทายต่างๆ และมองว่าการจัดเก็บงบประมาณของรัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 พันล้านล้านด่อง ในขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณที่ 2.1 พันล้านล้านด่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-2023-public-debt-at-37-of-gdp-post1069195.vov

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลโต 25% ปี 68

จากการประชุมเชิงปฏิบัติการการตัวชี้วัดและวิธีการวัดผลของมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจดิจิทัลในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRDP) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยคุณเหวียน ธิ ถู เฮือง จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) กล่าวว่าสัดส่วนมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจดิจิทัลต่อจีดีพี ตั้งแต่ปี 2563-2565 อยู่ที่ 12.75% และ 12.67% ในปี 2565

ทั้งนี้ หากพิจารณาแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ พบว่าภาคบริการเวียดนามมีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด 6.59% ในปี 2563-2565 ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง 6.11% และภาคเกษตรกรรมมีตัวเลขต่ำที่สุด 0.05% ของ GDP อย่างไรก็ดี ขนาดของเศรษฐกิจดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2563-2565 แสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมของรัฐบาลที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อีกทั้ง เศรษฐกิจดิจิทัลคาดว่าจะมีสัดส่วน 25% ของ GDP เวียดนามในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 30% ในปี 2573 ตามมติของคณะกรรมการที่ 52 (52/HQ-TW)

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-projects-high-proportion-of-digital-economy-in-gdp-2223887.html

‘ADB’ คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามปี 67 โต 6%

จากรายงานแนวโน้มการพัฒนาเอเชีย (ADO) ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปี 2567 ขยายตัว 6% ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของธนาคารฯ มองว่าจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอเกินกว่าที่คาดไว้ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อภาคอุตสาหกรรมและบริการ ตลอดจนส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการบริโภคในประเทศ นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกและมีความรอบคอบ เพื่อที่จะควบคุมราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า อาหาร การดูแลสุขภาพ การศึกษา ล้วนมีผลทำให้เกิดเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ เงินเฟ้อของเวียดนามคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ในปีนี้ ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้น 4% ในปีหน้า

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/adb-projects-6-gdp-growth-for-vietnam-next-year-post1065201.vov

World Bank วิเคราะห์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

World Bank หรือธนาคารโลก คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว จะเติบโตที่ร้อยละ 4.1 ในปี 2567 แต่ความท้าทายจะยังคงมีอยู่ จากผลของอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น หนี้ต่างประเทศที่สูง และขาดแคลนแรงงาน การขยายตัวทางเศรษฐกิจ สปป.ลาว ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยว บริการขนส่งและโลจิสติกส์ และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น แต่อัตราการเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ตามข้อมูลของธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนการบริโภคและธุรกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนในด้านอาหาร การศึกษา และสุขภาพลดลง อัตราเงินเฟ้อยังทำให้เงินออมลดลง ส่งผลให้หลายครอบครัวเสี่ยงต่อการตกอยู่ในความยากจน “แม้ว่าราคาสินค้านำเข้าบางชนิดในตลาดโลกจะลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อของลาวยังคงอยู่ในระดับสูง โดยสูงถึงร้อยละ 26 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยอัตราเงินเฟ้อของราคาอาหารอยู่ที่ร้อยละ 29 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครัวเรือนที่ยากจน” นอกจากนี้ ค่าเงินของประเทศที่อ่อนค่าลงเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าเงินกีบที่ลดลงร้อยละ 1 จะทำให้ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ดังนั้น อัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงจนกว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ เงินกีบอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566 โดยมีมูลค่าลดลงร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับเงินบาท และร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐจนถึงเดือนตุลาคม ความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของเงินตราต่างประเทศและการไหลเข้าของรายได้จากการส่งออกที่จำกัด ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจลาว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_235Laossees_23.php