เวียดนามเผยการเติบโตของ GDP อาจไม่ถึงที่ตั้งเป้าหมายไว้

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามอาจไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ระดับร้อยละ 6.8 จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งภายในการประชุมในวันพุธที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ‘COVID-19’ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงเตรียมมาตรการในการช่วยเหลือภาคธุรกิจทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและประเมินทางเลือกต่างๆ เช่น เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมไปถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ คาดว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ที่ระดับร้อยละ 6.25 นอกจากนี้ จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุว่าเวียดนามได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบเปิดและทำการค้าตามชายแดนมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงค้าขายกับจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงและสินค้าเกษตรที่ติดค้างอยู่ตามด่านชายแดนจีน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592192/vn-might-not-reach-gdp-growth-target-in-2020-due-to-covid-19-outbreak-ministry.html

โอกาสในการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคเวียดนามเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ : สัมมนา

งามสัมมนาเรื่องการส่งเสริมในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ที่จะจัดขึ้นในวันอังคาร นครโฮจิมินห์, ผู้อำนวยการบริษัท Vietway เปิดเผยว่าบริษัทฯดำเนินการขายสินค้าเวียดนามในสหรัฐฯ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งในหลายๆประเทศทั่วโลก รวมถึงเวียดนามเห็นว่าตลาดสหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกหลัก ทั้งนี้ สถานการณ์การส่งออกสินค้าเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะเน้นส่งออกสินค้าสมาร์ทโฟน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทต่างชาติ ในขณะเดียวกัน สินค้าอุตสาหกรรมที่เจ้าของเป็นบริษัทเวียดนามได้เผชิญกับอุปสรรคจากการส่งออกในตลาดโลก ทั้งนี้ สหรัฐฯ ถือว่ามีความเข็มงวดต่อการนำเข้าสินค้า แต่ก็มีความต้องการนำเข้าสินค้าที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสินค้าไฮเทคไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่ราคาถูก ซึ่งเป็นจุดแข็งของสินค้าเวียดนาม นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติการค้า พบว่าในสิ้นเดือนม.ค. 2563 มูลค่าส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592126/opportunities-to-boost-consumer-goods-exports-to-the-us-market-seminar.html

เวียดนามส่งออกอาหารทะเลเดือน ม.ค. ลดลง

จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในเดือนมกราคม เวียดนามส่งออกอาหารทะเลลดลงร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่ารวม 644 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ซึ่งการแพร่ระบาดหนักในจีนทำให้ฉุดการส่งออกอาหารทะเลเวียดนามไปยังตลาดจีนอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่งออกปลาสวาย ทูน่าและกุ้งเผชิญกับการระงับการชำระเงินจากการส่งออก เพราะธนาคารจีนไม่เปิดทำการจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า และคาดว่าธนาคารจะเปิดทำการในวันที่ 16 ก.พ. ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทขนส่งรายใหญ่ไม่ต้องการที่จะจัดส่งสินค้าไปยังจีน อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯ มองว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาหารทะเลมากนัก เพราะว่าความต้องการนำเข้าอาหารทะเลของจีนจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมี.ค. และเม.ย. ในทางตรงกันข้าม สมาคมฯมองเห็นโอกาสสำหรับธุรกิจท้องถิ่นในการเพิ่มผลผลิตสินค้าแช่เย็นและบรรจุกระป๋องอาหารทะเลในช่วงเวลานี้และหลังจากการแพร่ระบาดไวรัส ทำให้ให้ลูกค้าชื่นชอบอาหารแปรรูปมากขึ้น รวมไปถึงใช้โอกาสนี้ในการส่งออกไปยังตลาดสำคัญเพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และยุโรป

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592130/seafood-export-value-down-in-january.html

“บีซีพีจี”สยายปีกลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว-ผนึกพันธมิตรสายส่งไปเวียดนาม

“บีซีพีจี”เดินหน้าขยายธุรกิจพลังน้ำในลาว ด้วยการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในเมืองเชียงขวาง สปป.ลาวเป็นแห่งที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำในลาวเพิ่มเป็น 114 เมกะวัตต์ พร้อมเข้าลงทุนร่วมกับพันธมิตรก่อสร้างและดำเนินกิจการระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าไปยังเวียดนาม ส่งผลให้แผนการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV มีรายได้เติบโต มั่นคงระยะยาว ทั้งนี้ ข้อมูลของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในวันที่ 10 ก.พ.63 ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3B Power Sole Co.,Ltd.ระหว่างบริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด (BIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบีซีพีจี ดำเนินกิจการลงทุนโรงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศ CLMV กับบริษัท Phongsubthavy Roads and Bridges Construction and Irrigation(PSG) นอกจากนี้ โครงการ Nam San 3B ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (EVN) เพื่อขายไฟฟ้าให้กับ EVN แทนการขายไฟฟ้าให้กับ EDL เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 25 ปี คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 2565 สำหรับการลงทุนของบริษัทในครั้งนี้ เป็นเพียงก้าวแรกของบริษัทในการขยายธุรกิจสู่กลุ่มประเทศ CLMV โดยลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาทิ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และขายไฟฟ้าให้กับประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจเช่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/131991

ธนาคารกลางเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของ BIS

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ได้เชิญธนาคารกลางเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของ BIS ซึ่งทาง BIS ได้เชิญธนาคารกลางเวียดนาม คูเวตและโมร็อกโกเข้าเป็นสมาชิกในปี 2563 โดยขณะนี้มีสมาชิกจำนวน 63 ประเทศ ทั้งนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) เปิดเผยว่าการเชิญของ BIS แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม มีการเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงทางธนาคารกลางเวียดนามดำเนินนโยบายการเงินส่งผลในเชิงบวกและกำกับดูแลจัดการระบบสถาบันการเงิน สำหรับการเป็นสมาชิกของ BIS จะช่วยให้ธนาคารกลางเวียดนามและระบบสถาบันการเงินทั้งหมดสามารถเข้าระบบสถาบันการเงินทั่วโลก รวมไปถึงส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของระบบการเงินและเศรษฐกิจของเวียดนาม นอกจากนี้ BIS ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2473 โดยมีสมาชิกธนาคารกลางจำนวน 60 แห่ง ซึ่งภารกิจของ BIS คือ การรักษาเสถียรภาพทางการเงินและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ถือว่าเป็นธนาคารของธนาคารกลาง

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8395002-state-bank-of-vietnam-becomes-bis-member.html

ยอดค้าปลีกและบริการในนครโฮจิมินห์ พุ่ง 11.2%

ยอดการค้าปลีกสินค้าและบริการในเดือนมกราคม ณ นครโฮจิมินห์ อยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งยอดค้าปลีกสินค้ารวมอยู่ที่ 76.24 ล้านล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67.61 ของยอดการค้าปลีกสินค้าและบริการรวม เป็นผลจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นตามเทศกาลปีใหม่ สำหรับราคาสินค้าในช่วงวันปีใหม่ (Tet) อยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอาหารและของกิน เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น ชณะที่ ซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า มีการเตรียมสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภคก่อนที่จะถึงช่วงปีใหม่ ด้วยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเดือนปกติ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายมีการใช้โปรโมชั่นที่หลากหลาย เช่น ส่วนลดราคาสินค้าร้อยละ 5-49 เพื่อกระตุ้นเพิ่มกำลังซื้อสูงขึ้นในช่วงเดือนแรกของปีนี้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hcm-citys-retail-sales-services-revenue-surge-by-112-percent-409869.vov

แนวโน้มอุตสาหกรรมสิ่งทอเวียดนามปี 63 เติบโตสูงขึ้น

ภาวะอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนามปี 2563 คาดว่าจะยกระดับความก้าวหน้าอุตสาหกรรม เนื่องจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และปัจจัยอื่นๆ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่มีลบังคับใช้ในปีนี้ รวมไปถึงแบรนด์ต่างชาติรุกเจาะตลาดเวียดนาม ซึ่งภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอฯมีความโดดเด่นในเรื่องกระบวนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นด้ายและการย้อมสีผ้าที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยช่วยในการผลิตสินค้า ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม ระบุว่าผลผลิตเส้นด้ายมากกว่า 2.5 ล้านตันในปี 2562 ขณะที่ ปริมาณส่งออกอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 อยู่บนพื้นฐานของพฤติกรรม/แนวคิดการเพิ่มผลิตภาพและวิธีการดำเนินงานที่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเวียดนามยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงงาน ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯ มองว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นกุญแจสำคัญต่อกระบวนการผลิตและควรส่งเสริมการฝึกอบรมให้มากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592061/viet-nams-garment-textile-expects-boom-in-2020.html

เมืองหลวงดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติกว่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของสำนักงานวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าเมืองฮานอยได้อนุมัติโครงการใหม่ของ FDI ทั้งหมด 68 โครงการ ด้วยเงินลงทุน 30.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมี 7 โครงการเดิมที่ปรับเพิ่มเงินทุนอยู่ที่ 71.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังได้อนุมัติโครงการจากนักลงทุนต่างชาติที่มีมูลค่าราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเข้ามาซื้อหุ้นในกิจการท้องถิ่น ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ฮานอยยังคงเป็นเมืองที่ดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด ด้วยมูลค่า 8.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ เงินทุนเบิกจ่ายสำหรับโครงการ FDI แตะระดับสูงกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74 ของเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมด นอกจากนี้ เมืองฮานอยยังคงส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกับการสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น การก่อสร้าง, เมืองอัจฉริยะ, เทคโนโลยี, การให้บริการขั้นสูง, ไฮเทคเกษตร และการเงินการธนาคาร เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592039/capital-city-lures-more-than-140m-in-foreign-investment.html