‘เวียดนาม’ เผยแรงกดดันเงินเฟ้อผ่อนคลายลง ส่งสัญญาณชะลอตัว

จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ที่จัดขึ้นโดยสถาบันการเงินและเศรษฐกิจ นาย Nguyen Duc Do รองผู้อำนวยการสถาบัน อธิบายว่าถึงภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนที่มีทิศทางชะลอตัวลงในปีนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเวียดนาม ในขณะที่ตลาดอสังหาฯ เผชิญกับความท้าทายและอุปสรรค นับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศและทำให้การเติบโตต่ำลงในปีนี้ นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ราว 2.5% – 3.5% ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร. โง ตรี กล่าวเน้นย้ำว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐสภาอนุมัติไว้ที่ 4% – 4.5% น่าจะมีความเป็นไปได้ เนื่องจากความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมราคาสินค้า รวมถึงกับอุปสงค์โดยรวมที่ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/inflationary-pressure-to-ease-in-2024-economists-2235656.html

โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ไทยส่งออกโคเนื้อทางเรือไปยังเวียดนามครั้งแรก 2,000 ตัว คาดเริ่มกุมภาพันธ์ 2567 นี้

นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลยินดีที่การดำเนินการเปิดตลาดสินค้าปศุสัตว์ โดยเฉพาะโคและสุกรมีชีวิต ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน อาเซียนและตะวันออกกลาง เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และกล่าวว่าโคเนื้อ เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ โดยประเทศไทยมีปริมาณโคเนื้อที่สามารถทำการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัว/ปี โดยตลาดประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามมีความต้องการโคเนื้อจากไทยถึงกว่า 2,000 ตัว/เดือน ซึ่งล่าสุด เป็นครั้งแรกของไทยที่ส่งออกโคเนื้อทางเรือจากเพชรบุรีไปยังเวียดนาม เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพในการส่งออก มาตรฐานและกระบวนการเลี้ยงโคเนื้อของไทย

ที่มา : https://www.agrinewsthai.com/domestic-animal/105262

‘แบงก์ชาติเวียดนาม’ มีแนวโน้มที่จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำนักข่าวเวียดนาม เผยแพร่รายงานที่อ้างอิงจากนายด่าว มีง ตือ (Dao Minh Tu) รองผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมีทิศทางที่จะกำหนดนโยบายการก่อหนี้ใหม่ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในปีนี้ และมองว่าธนาคารกลางจะพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่จะไม่เพิ่มภาระต้นทุน และปรับสมดุลเพื่อเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเชิงมหภาค

ที่มา : https://english.news.cn/20240104/8a44ca486df74e57aa193e879684b11b/c.html

‘เวียดนาม’ เผยนักท่องเที่ยวเดินทางฉลองปีใหม่ ทะลุ 3.2 ล้านคน

สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) รายงานว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 3 วัน มีผู้คนเดินทางภายในประเทศมากกว่า 3.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยนครโฮจิมินห์ติดอันดับจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในเวียดนาม มีผู้เดินทางอยู่ที่ 1.65 ล้านคนในช่วงวันหยุดตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.66 – 1 ม.ค.67 ทำรายได้รวมทั้งสิ้น 6.4 ล้านล้านดอง สำหรับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 87%

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนเวียดนามมากที่สุดในช่วงวันหยุดปีใหม่ ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหภาพยุโรปและไทย ถึงแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น แต่ว่าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) มองว่านักท่องเที่ยวรัดเข็มขัดและใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-reports-3-2-million-tourists-during-new-year-holiday-2235095.html

‘Generative AI’ สร้างเม็ดเงินให้กับศก.ดิจิทัลเวียดนาม 14 ล้านล้านดอง ปี 2573

Dang Huu Son ผู้ร่วมก่อตั้งเลิฟอินบอต (LovinBot) และรองประธาน AIID กล่าวว่า Generative AI (Gen-AI) คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนามอยู่ที่ 14 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 574.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 และมองว่าการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพ เพิ่มทักษะส่วนบุคคลให้กับคนหลายช่วงวัย ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัท FPT ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะโครงการ ‘FPT AI Mentor’ ซึ่งเป็นโครงการที่ปรึกษาและทำการฝึกอบรมให้กับองค์กรรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่เลิฟอินบอต เปิดตัวผู้ช่วยเขียนเนื้อหา AI สำหรับบุคคลและธุรกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/genai-to-contribute-14-trillion-vnd-to-vietnams-digital-economy-by-2030-official/275729.vnp

‘เวียดนาม’ เผยค่าแรงเพิ่ม 6.9% ในปี 66

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) รายงานว่าในปีที่แล้ว คนงานเวียดนามมีรายได้ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 6.9% คิดเป็นเม็ดเงินอยู่ที่ 7.1 ล้านดอง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยแรงงานเพศชายมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.1 ล้านดองต่อเดือน ในขณะที่แรงงานเพศหญิงมีรายได้ที่ 6 ล้านดองในปี 2566 ทั้งนี้ คนงานในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจมีความพึงพอใจต่อการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 โดยเฉพาะแรงงานที่อยู่ในเขตราบลุ่มปากแม่น้ำโขงที่ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นมากที่สุด รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.7 ล้านดอง เพิ่มขึ้น 3.5% ในขณะเดียวกัน แรงงานที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ปรับขึ้นค่าแรงต่ำที่สุดที่ 2.3% อย่างไรก็ดีแรงงานยังคงมีรายได้เฉลี่ย 9 ล้านดองต่อเดือน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnamese-worker-incomes-rise-by-6-9-in-2023/