จับตาตลาดทุเรียนเวียดนาม ‘คู่แข่ง’ ทุเรียนไทย

จากการแข่งขันในตลาดส่งออกของทุเรียนไทย มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะสูญเสียผู้นำในด้านการเป็นผู้ส่งออกทุเรียนให้กับประเทศมาเลเซีย แต่ประเทศที่แข่งขันได้และน่าจับตามากที่สุด คือ เวียดนามที่มีพื้นที่ติดพรมแดนกับประเทศจีน ทำให้มีความสะดวกและรวดเร็วในด้านการขนส่ง ซึ่งจากข้อมูลสถิติของกระทรวงเกษตร ระบุว่าในปี 2561 เวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนมากกว่า 2 แสนไร่ โดยเฉพาะบริเวณราบสูงตะวันตกเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสําหรับการผลิตและส่งออกทุเรียนของเวียดนาม โดยในปีนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกันยายน ด้วยปริมาณผลผลิตรวมมากกว่า 30,000 ตัน ด้านสายพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับความนิยมเพาะปลูกในเวียดนามมีทั้งสายพันธุ์จากไทย ได้แก่ ชะนี หมอนทอง และก้านยาว  นอกจากนี้ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของเวียดนามคาดว่าสามารถทุเรียนได้ประมาณ 330,000 ตันต่อปี โดยพื้นที่ที่มีผลผลิตมากที่สุด แบ่งออกเป็นบริโภคในประเทศ 40%, ส่งออก 60% ในเดือนเมษายน 62 ที่ผ่านมา ราคาจําหน่ายทุเรียนสดหน้าสวนเฉลี่ยอยู่ที่  2.8 – 3.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อ กิโลกรัม แต่ในปัจจุบัน ประเทศจีนเข้มงวดการตรวจสอบผลไม้นําเข้าไปยังจีนมากขึ้น ส่งผลให้เวียดนามต้องใช้วิธีการลักลอบขนส่งทุเรียนผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ช่องทางหลัก อาทิ การขนส่งโดยรถบรรทุกขนาดเล็ก และใช้แรงงานแบกหาม เป็นต้น

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/vietnamese-duria

ทำไม สินค้าไทยมาแรงตลาดเวียดนาม

เวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีประชากรราว 90 ล้านคนที่อยู่ในวัยทำงาน พร้อมกำลังซื้อสูงในชนชั้นกลาง ทั้งนี้ กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม รายงานว่าในปี 2560 ตลาดค้าปลีกเวียดนามมีมูลค่าสูงถึง 1.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4 ล้านล้านบาท) และยอดขายของร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าคาดว่าจะเติบโตเร็วมากที่สุด โดยเวียดนามถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีศักยภาพในตลาดค้าปลีกลำดับที่ 6 ของโลกจาก 30 ประเทศ โดยเฉพาะนครโฮจิมินห์ ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเวียดนาม พบว่าสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม และเสื้อผ้า เป็นต้น เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และคาดว่าในปี 2563 ภาคการค้าปลีกจะขยายตัวสัดส่วนร้อยละ 45 ของภาคการค้าปลีกทั้งหมดในเวียดนาม หากสังเกตตามเมืองหรือชนบท พบว่าจะเห็นสินค้าไทยวางขายในร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อ มีอยู่จำนวนมาก เนื่องมาจากคนเวียดนามมองสินค้าไทยมีคุณภาพที่ดีกว่าสินค้าจีน แม้ว่าราคาจะแพงกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้สินค้าไทยเป็นที่นิยม เนื่องจากผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ของไทยเข้าไปลงทุนห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น จึงเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของตลาดเวียดนาม สรุปได้ว่า เศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตต่อเนื่องทุกปี กลุ่มชนชั้นกลางมีกำลังซื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกระแสความนิยมสินค้าไทยมาแรง จึงเป็นโอกาสทางของผู้ผลิตสินค้าไทยที่จะเข้าไปในตลาดเวียดนาม

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/vietnam-product

ผู้ประกอบการเวียดนามหวั่นผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนกว่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมร้อยละ 10 ขึ้นเป็นร้อยละ 25 ทำให้จีนตอบโต้ประกาศขึ้นอัตราภาษีศุลกากรจากสหรัฐมากกว่าพันรายการ โดยบริษัทใหญ่ของเวียดนามมีมุมมองปัจจัยบวกต่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เนื่องมาจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลทั่วโลก ส่งผลต่อธุรกิจส่งออกเวียดนามที่ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินด่อง แต่หลายภาคส่วนของธุรกิจแสดงความกังวลให้ภาครัฐบาลควบคุมค่าเงินไม่ให้ผันผวนจนมากเกินไป และอีกในมุมมองหนึ่ง คือ ผู้ประกอบการเวียดนามต้องเผชิญกับคู่แข่งชาวจีนที่ลงทุนในด้านทรัพยากรมนุษย์และการรับซื้อที่ดิน รวมไปถึงผู้ประกอบการชาวจีนที่ผลิตสินค้าในเวียดนาม สำหรับสินค้ากึ่งสำเร็จรูป เพื่อที่จะส่งออกไปยังสหรัฐฯ ภายใต้ฉลากของเวียดนาม.

ที่มา: https://vietnamnews.vn/economy/520036/vietnamese-businesses-fear-fallout-of-us-china-trade-war.html#hTJ3WHW3tuhibpqp.97

เวียดนามเห็นโอกาสในการส่งออกข้าวไปอียิปต์

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมการค้าต่างประเทศ เผยว่าผู้ประกอบการเวียดนามเห็นโอกาสในการส่งออกข้าวกว่า 20,000 ตัน ไปยังประเทศอียิปต์ โดยทางการอียิปต์ต้องการประมูลปริมาณข้าวขั้นต่ำ 20,000 ตัน (± ร้อยละ 10) ประภทข้าวที่ต้องการ ได้แก่ ข้าวขาวเมล็ดกลางร้อยละ 10-12 หักออกข้าวหัก และวันเวลาสำหรับการเสนอราคา คือวันที่ 30 มีนาคม โดยทางกรมการค้าต่างประเทศมองว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการเวียดนามในการพัฒนาการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงภายในปลายปี 2561 อียีปต์จะทำข้อตกลงการนำเข้าข้าวกว่า 1 ล้านตันจากเวียดนาม ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอียิปต์ต้องการลด พื้นที่การเพาะปลูกลง จากการขาดน้ำ นอกจากนี้ สมาคมเวียดนาม (VFA) กล่าวว่ามูลค่าการส่งออกข้าวตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากความต้องการของประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ อียิปต์ มาเลเซีย คิวปา และจีน เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/507837/vn-sees-rice-export-opportunity-to-egypt.html#VKYDV0uXbhHW66Mi.97

27/3/2562

เวียดนามมูลค่าการค้าสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่ามูลค่าการค้ารวมของเวียดนามสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงต้นปีนี้ถึง 19 มีนาคม จากข้อมูลสถิติล่าสุดเผยว่าในช่วงต้นเดือนมีนาคมมีสัดส่วนการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 เมื่อเทียบช่วงครึ่งหลังกุมภาพันธ์ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมอยู่ที่ 10.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของประเทศเวียดนามที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงต้นเดือนมีนาคม ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วนประกอบ เสื้อผ้าและสิ่งทอ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจะพบว่า เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นเดือนมีนาคม และมีมูลค่าถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/507731/vns-trade-turnover-reaches-100-billion.html#gduARy7ofc34Q3wX.97

26/3/2562

ธุรกิจ E-commerce เวียดนามมีผู้ใช้กว่า 37 ล้านคน

ในปัจจุบัน การทำธุรกิจในเวียดนามผ่านทาง “E-Commerce” มีศักยภาพสูงและเป็นทางเลือกหนึ่งในการขยายตลาดสินค้าอุปโภคและบริโภคในเวียดนาม โดยเฉพาะทางภาคใต้ เนื่องจากคนเวียดนามชนชั้นกลางมีกำลังซื้อสูง ซึ่งในช่วงปี 2559-2563 ธุรกิจ E-Commerce ในเวียดนามจะเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี และมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2563 โดยจำนวนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าออนไลน์ใน 4 เมืองใหญ่ในเวียดนามเพิ่มขึ้น 8.8% จาก 5.4% ในปี 2560 ทำให้นักลงทุนต่างชาติหลายรายสนใจมาลงทุนด้าน E–Logistics ทั้งนี้ 5 อันดับสินค้าและบริการออนไลน์ส่วนใหญ่ที่ขายดีในเวียดนาม ได้แก่ เครื่องแต่งกายและผลิตภัณฑ์ความงาม รองลงมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในครัวเรือน การจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน และอุปกรณ์สำนักงาน ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักเลือกชำระเงินปลายทางเนื่องจากการชำระเงินด้วยเงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่แพร่หลาย สะดวกและเชื่อถือได้มากที่สุด ซึ่งเห็นได้ชัดว่า วิธีการและขั้นตอนการชำระเงินและรับสินค้าในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยกับเวียดนาม มีบริบทแตกต่างกัน นับว่าเป็นประเทศที่กระแสด้านอีคอมเมิร์ซแรงมากอีกประเทศ ด้านผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซของไทยควรศึกษาโอกาส เพื่อดูลู่ทางทำการค้าในอนาคต

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/17759

รวบรวมคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม)

https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/168642/168642.pdf&title=168642&cate=945&d=0

ที่มา: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 

เค้าชอบเรา! 5 เหตุผลที่เวียดนามนิยมไทย

จากรายงานของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอจิมินห์ เปิดเผยว่าสินค้าของประเทศไทยนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวเวียดนามไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า อุปกรณ์ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าคู่แข่งในตลาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ชาวเวียดนามพิจารณาว่าสินค้าของไทยมีคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผลกว่าสินค้าจากประเทศอื่นๆ โดยเหตุผลที่ชาวเวียดนามชื่นชอบสินค้าไทย ประกอบไปด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ การลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการไทย,ราคาสมเหตุสมผล,ภาพลักษณ์สินค้าไทยที่มีคุณภาพสูง,บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม และกระแสนิยมไทย นอกจากนี้เหตุผลข้างต้น ยังมีเหตุผลที่เกื้อหนุนที่ทำให้ชาวเวียดนามนิยมสินค้าไทย เช่น เศรษฐกิจยังพุ่งทะยานสูงขึ้น สังคมเมืองยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ รัฐบาลเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้ จากปัจจัยดังกล่าว เชื่อว่าคงเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการที่ต้องการขายสินค้าในเวียดนาม ได้กำหนดกลยุทธ์ในการบุกตลาดที่ถูกต้อง

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/vietnam-thai-products

SME น่าลงทุนเวียดนาม เมื่อคนในประเทศกำลังซื้อสูงขึ้น

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เผยข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ที่ชี้ว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคเวียดนาม เพิ่มขึ้นกว่า 9.31% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 61 เมื่อแยกอัตราเงินเฟ้อออกไป โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าและบริการที่จำเป็นต้องใช้ในงานแต่งงาน, อุปกรณ์การเรียนในปีการศึกษาใหม่ และเสื้อผ้าสำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เป็นต้น นอกจากนี้ ชาวเวียดนามยังเพิ่มความต้องการในการปรับปรุงที่พัก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปีใหม่ ซึ่งกำลังซื้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันและการขนส่งที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น 3.45% ส่วนตัวเลขดัชนีอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9.31% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ รายได้จากการขายปลีกในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นกว่า 12.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประกอบกับผู้บริโภคใช้จ่ายด้านอาหารเพิ่มขึ้น 13.3% รองลงมา คือ เครื่องนุ่งห่ม, เครื่องใช้ภายในบ้าน, ผลิตภัณฑ์เพื่อการศึกษา และยานพาหนะ ตามลำดับ ส่งผลให้มีรายได้จากการให้บริการด้านที่พักอาศัยและอาหาร เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อน รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 15.6% และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 9.3% โดยเมืองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ Ho Chi Minh, Hai Phong, Thanh Hoa และ Da Nang เป็นต้น

ที่มา : https://www.bangkokbanksme.com/en/17528

SME เพิ่มโอกาสรวยแบบก้าวกระโดด! บนตลาดกัมพูชากับเวียดนาม

งานสัมมนา “Krungsri Business Talk : กัมพูชา VS เวียดนาม ตลาดไหน ใช่เลย!” มีการนำผู้มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศมาถ่ายทอดข้อมูลที่สำคัญคือ ประเด็นที่ 1 การเติบโตและสินค้าที่เป็นไปได้ในตลาด กัมพูชาชอบดีทีวีไทยเป็นอย่างมากจึงไม่จำเป็นต้องทำโฆษณาตัวสินค้าไทยเพราะเป็นที่นิยมอยู่แล้ว ส่วนเวียดนาม มี FTA เชื่อมต่อการส่งออกของไทยและนิยมสินค้าอย่างเครื่องสำอางและไอที ประเด็นที่ 2 พฤติกรรมผู้บริโภค กัมพูชาเปิดรับสินค้าทุกอย่าง ไม่สนใจว่าฉลากจะเป็นภาษาไหนแต่ถ้าเป็นภาษาไทยจะยิ่งมีความเชื่อมั่น ส่วนเวียดนามมีรสนิยมในสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ชอบผลิตภัณฑ์ที่มีกิมมิคและแปลกใหม่ ประเด็นที่ 3 การจับจ่ายและกฎระเบียบ การเข้าไปทำธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศจะคล้ายคลึงกันคือหาคู่ค้าและตัวแทนจำหน่าย ด้านกฎระเบียบของเวียดนามจะมีความอ่อนไหวมากกว่าเพราะเปลี่ยนแปลงบ่อย สิ่งที่นักลงทุนพึงตระหนักคือการติดตามข้อมูลข่าวสาร นโยบายและเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศอยู่ตลอด

ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/1258896

19 เมษายน 2561