จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

กรมศุลกากรเวียดนาม รายงานว่ามูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังจีน อยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ยอดมูลค่ารวมนับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ราว 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จีนเป็นตลาดสำคัญของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดในปีนี้ อยู่ที่ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่ามีสัญญาเชิงบวกหลายด้าน แต่ความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) จึงอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังจีน ไม่ว่าจะเป็นปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจ ปฏิรูปสถาบันและลดขั้นตอนการจัดการ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนธุรกิจ นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ ได้ไปเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าในเมืองหางโจวและเจ้อเจียง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการทำธุรกิจในจีนและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ที่มา : https://vnexplorer.net/china-retains-vietnams-largest-trade-partner-a2020128284.html

การค้าเวียดนาม-จีน สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนแรกของปี 63

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าเมื่อเดือนต.ค. เวียดนามมีมูลค่าส่งออกประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังจีน ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศมากกว่า 37.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วย 10 รายการสินค้าที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าจะได้รับสัญญาเขิงบวกหลายด้านด้วยกัน แต่ว่าความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการนำเข้าและส่งออกของเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า จะดำเนินงานให้เกิดความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังจีน ได้แก่ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจง่ายขึ้น ปฏิรูประบบให้ดีขึ้นและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการลงทุน เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกิจ

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-china-trade-turnover-reaches-us100-billion-in-ten-months-817862.vov

UMFCCI คาดปีงบฯ นี้ จีน รั้งประเทศลงทุนอันดับต้นๆ ในเมียนมา

จากข้อมูลของสมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา(UMFCCI) ปีงบประมาณ 63-64 นักลงทุนจากจีนจะเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วยเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจะมุ่งไปที่โครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) จีนลงทุนกว่า 3.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 375 ธุรกิจในเมียนมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 59-60  นอกจากจีนแล้วประเทศที่มีศักยภาพน่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ กระตือรือร้นที่จะเร่งการลงทุนโครงการปัจจุบันของจีนบางส่วนในประเทศหลังจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะเพิ่มการลงทุนในภาคพลังงาน โทรคมนาคม การท่องเที่ยว และการผลิตก๊าซธรรมชาติ ในปี 63-64 เมียนมาตั้งเป้าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไว้ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 64-65 โดยมีเป้าหมายในปีนี้เพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนในภาคเกษตรกรรม การประมง อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-forecast-be-top-myanmar-investor-fiscal-year-umfcci.html

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนลดภาษีสำหรับสินค้าส่งออกประเภทสินค้าทางการเกษตร

กัมพูชาซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่พึ่งพาสินค้าเกษตรที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดในข้อตกลงการเจรจาการค้าเสรี (FTA) โดยประมาณร้อยละ 80 ของการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาคือ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามความชอบทางการค้าของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังส่งเสริมสินค้าเกษตรผ่านการเจรจา FTA หลังจากที่ประเทศได้ลงนาม FTA กับจีน (CCFTA) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ซึ่งอย่างไรก็ตามข้าวของกัมพูชาไม่รวมอยู่ในรายการสินค้าภายใต้ CCFTA เนื่องจากประเทศได้รับกรอบโควต้าสำหรับการส่งออกข้าวสารไปยังจีนแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาต่ำที่สุดควรได้รับการสนับสนุนทางภาษีศุลกากรเชิงกลยุทธ์เป็นลำดับแรก โดยสินค้าภายใต้ CCFTA ของจีนครอบคลุมสินค้ากว่า 340 รายการสำหรับการส่งออกของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780935/lower-taxes-on-less-developed-agricultural-export-products-needed-as-trade-deals-sought/

การเจรจาระหว่าง Royal Railway และ รัฐบาลกัมพูชายังคงดำเนินอยู่

การเจรจาระหว่าง Royal Railway Cambodia และรัฐบาลกัมพูชายังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามข้อตกลงสัมปทานฉบับใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงระบบรถไฟของกัมพูชาตลอดจนการรักษาโครงสร้างพื้นฐานให้ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ โดย Royal Railway อยู่ระหว่างการเจรจากับ CRRC Corp Ltd. ซึ่งจะร่วมกันพัฒนาเส้นทางรถไฟของกัมพูชา ซึ่งตัวแทนของ CRRC กล่าวว่าบริษัทได้มีประสบการณ์ในการพัฒนาทางรถไฟมากว่า 21,000 กิโลเมตรในจีนและในต่างประเทศ โดย CRRC ได้แสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมการเจรจาเพื่อเป็นพันธมิตรกับ Royal Railway ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศกัมพูชาให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50779061/royal-railway-and-cambodian-government-talks-still-on-track/

โครงการความร่วมมือจีน – ลาวทำให้ชาวสปป.ลาวมีชีวิตที่ดีขึ้น

ทางตะวันออกเฉียงใต้สปป.ลาวเป็นสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1 ซึ่งเป็นการลงทุนโดยฝ่ายสปป.ลาวและฝ่ายไทย ภายใต้สัญญาของ PowerChina Sinohydro Bureau 3 Co. , LTD (Sinohydro 3) ซึ่งเป็น บริษัท วิศวกรรมของจีน โครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาในประเทศสปป.ลาว ไม่เพียงแค่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแต่ยังมีการก่อสร้างอุตสาหกรรมมากมายที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่เพียงแค่การเติบโตของเศรษฐกิจแต่ยังรวมไปถึงการดำเนินชีวิตของชาวสปป.ลาวที่ดีขึ้น ตลอด 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อหัวของสปป.ลาว เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของโครงการต่างๆจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ของสปป.ลาวดีขึ้น

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-10/26/c_139467833.htm

เอกชนลุ้นกำลังซื้อฟื้น-ขายรถพุ่ง นักลงทุนจีนชี้อีอีซียังมีความหวัง

นายายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 150,345 คัน สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมากกว่า 100,000 คันเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ลดลง 40.13% อยู่ที่ 453,643 คัน ส่วนยอดผลิตเพื่อส่งออกลดลง 25.41% อยู่ที่ 67,964 คัน 9 เดือนลดลง 37.49% อยู่ที่ 509,423 คัน รวมยอดผลิตรถยนต์ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 963,066 คัน ซึ่งแม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.76% ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า หากพิจารณายอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนต่อเดือน จะเห็นว่าตลาดรถยนต์มีแนวโน้มที่ดี เห็นได้จากยอดขายในประเทศเดือน ก.ย.อยู่ที่ 77,433 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 12.41% เนื่องจากรัฐบาลผ่อนคลายล็อกดาวน์มากขึ้น การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และการจัดงานมอเตอร์โชว์ ยังมีโอกาสที่ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะทะลุเป้าหมาย 1.4 ล้านคันได้ แม้จะลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดขาย 9 เดือนอยู่ที่ 534,219 คัน ลดลง 22.1% แต่มีสัญญาณดีขึ้น จึงเป็นไปได้ที่ยอดขายในประเทศจะทะลุ 700,000 คันในเงื่อนไขต้องไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบสองขณะที่ การส่งออกคงเป้าเดิมที่ 700,000 คัน” ด้านนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีนกล่าวว่า นักธุรกิจจีนยังมีความพร้อมมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีทุนใหญ่ 2 รายซื้อที่ดินไว้เตรียมลงทุนสมาร์ทซิตี้ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา 2,000-3,000 ไร่ และที่เมืองพัทยา 700 ไร่ แต่ยังรอการเปิดประเทศของไทย โดยการเข้ามาจำเป็นต้องเข้ามาผ่านระบบกักตัว 14 วัน ซึ่งได้เดินทางเข้ามาแล้วนับร้อยคน และยังมีรอเตรียมเข้ามาอีกนับพันคน.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1957021

เมียนมาคาดราคาน้ำตาลพุ่งตามราคาตลาดโลก

ผู้ค้าน้ำตาลในเมียนมาคาดราคาน้ำตลาดจะสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้นและการระบาดของ COVID-19 ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักนำไปสู่การขาดแคลนในบางส่วนของโลกรวมถึงจีน เมียนพยายามมานานหลายปีจะต้องการจะเพิ่มการผลิตน้ำตาล แต่ก่อนหน้ามีข้อกำหนดทางศุลกากรที่เข้มงวดการส่งออกน้ำตาลไปยังจีนจึงหยุดชะงักไปเมื่อต้นปี ขณะเดียวกันชาวไร่อ้อยในพื้นที่ก็ต้องลดการผลิตลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สต๊อกน้ำตาลก่อนหน้านี้ที่เมืองชายแดนมูเซถูกขายจนหมด นอกจากนี้ยังมีความต้องการน้ำเชื่อมบางส่วนจากจีนด้วยเช่นกัน ซึ่งปริมาณสำรองน้ำตาลทั่วโลกกำลังลดลงและราคาสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาได้หารือกับโรงงานน้ำตาลไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมเกี่ยวกับการกำหนดราคาขั้นต่ำอ้อยก่อนสิ้นเดือนนี้ก่อนฤดูการหีบอ้อยจะเริ่มขึ้น ปัจจุบันราคาอ้อยอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 42,000 จัตต่อตัน ในอนาคตอาจจะไม่ต่ำกว่า 40,000 จัตต่อตันซึ่งหนุนราคาท้องถิ่นให้สูงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อสต็อกในท้องถิ่นลดลงและพื้นที่เพาะปลูกลดลงราคาอ้อยและน้ำตาลอาจเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ก่อนหน้านี้เมียนมาส่งออกน้ำตาลทรายดิบไปยังจีนแต่เนื่องจากข้อจำกัดการนำเข้าและการปราบปรามการค้าที่ผิดกฎหมายทำให้ชาวไร่ค่อยๆ เลิกปลูกอ้อยมากขึ้น ในความเป็นจริงคนวงในคาดการณ์การหดตัวของพื้นที่เพาะในปีงบประมาณ 63-64 เหลือเพียง 350,000 เอเคอร์ลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับ 7 ปีที่แล้วและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกันก็มีนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เนื่องจากโรงงานน้ำตาลมีเพียง 2 แห่งจาก 29 แห่งที่สามารถผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ปีงบประมาณ 62-63 มีการนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์มากกว่า 57,000 ตันซึ่งน้อยกว่าก่อนหน้านี้ประมาณร้อยละ 40-50 เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นและข้อจำกัดของรัฐบาลเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-anticipates-higher-sugar-prices-demand-rises.html

จีนประกาศสนับสนุนสปป.ลาวเพิ่มเติม

จีนได้ตกลงที่จะสนับสนุนสปป.ลาวผ่านสามโครงการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศ คือจีนจะจัดหาวัสดุเพื่อต่อสู้กับโรคไข้เลือดออกในสปป.ลาว การเปิดตัวโครงการพัฒนาชนบทโครงสร้างพื้นฐานระยะที่ 2 และจีนเสนอระบบ Generalized System of Preferences (GSP) สำหรับสินค้าส่งออกของสปป.ลาว 97 % ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในหลักการที่จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างสปป.ลาวและจีน นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะดำเนินนโยบายตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็วสำหรับจีนซึ่งจะให้สิทธิพิเศษบางประการแก่บุคคลเกี่ยวกับขั้นตอนการเข้าออกโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่การทูต ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและแรงงานต่างชาติที่จำเป็นสำหรับโครงการพิเศษ มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสปป.ลาวในขณะเดียวกันก็ทำให้โครงการพัฒนาของจีนในประเทศดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด -19 ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคต นอกจากนี้จีนยังเดินทางเยือนกัมพูชา มาเลเซีย ไทย และสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 11-15 ตุลาคม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในอาเซียน กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่าอาเซียนและจีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_China201.php

สปป.ลาวและจีนเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค

จีนได้เปิดทางด่วนอีกเส้นที่เชื่อมทางตอนใต้ของประเทศกับชายแดนสปป.ลาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคและส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน – อาเซียน ทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นที่กำลังก่อสร้างอยู่ จะลดเวลาในการเดินทางระหว่างสองประเทศ เชื่อกันว่าจะช่วยปรับปรุงเครือข่ายถนนในภูมิภาคส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ระหว่างสปป.ลาวและจีนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค ทางด่วน Xiaomengyang-Mohan สร้างขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของทางหลวงคุนหมิง – กรุงเทพฯผ่านสปป.ลาว ทางด่วนสายที่ 2 มณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไปยังชายแดนสปป.ลาวก็เปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ เวียงจันทน์ – วังเวียงเป็นด่านแรกของทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นและมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้ เมื่อสร้างเสร็จจะลดเวลาเดินทางระหว่างเวียงจันทน์และวังเวียงเหลือเพียง 1.5 ชั่วโมง ส่วนที่วางแผนไว้อีกสามส่วนล ได้แก่ วังเวียง – หลวงพระบาง หลวงพระบาง – อุดมไซและอุดมไซ – โบเต็น ยังขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากรัฐบาลสปป. ขณะนี้ทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนสร้างเสร็จแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถไฟประมาณ 14 ล้านคนต่อปี จีนมีความตั้งใจที่จะให้ทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองหลวงของอาเซียนโดยที่คุนหมิงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค รัฐบาลสปป.ลาวถือว่าทางรถไฟและทางด่วนเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นการเชื่อมต่อทางบกภายในภูมิภาคลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/10/13/laos-and-china-keen-to-boost-regional-connectivity