เวียดนามเผยยอดลงทุน FDI 12.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 4 เดือนแรก
กรมส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศ (FIA) กระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่ามูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศไปยังเวียดนาม 12.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 14.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าว ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 และ 2560 ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรกนี้ มีโครงการลงทุนจากต่างชาติ 984 โครงการ ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 6.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 9 สำหรับจำนวนโครงการ แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 สำหรับมูลค่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ สิงคโปร์ยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41 หรือมูลค่า 5.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน ไต้หวันและเกาหลีใต้ ตามลำดับ ในขณะที่ เมืองบักเลียวได้รับเม็ดเงินลงทุน FDI สูงสุด รองลงมาฮานอยและบิ่ญเซือง ตามลำดับ นอกจากนี้ ผลของการศึกษาสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าเม็ดเงินลงทุน FDI จะลดลงต่ำกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ หากไวรัสยังคงดำเนินต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/715866/viet-nams-fdi-hits-1233-billion-in-the-first-4-months.html
สถานการณ์ในช่วงระบาด Covid-19 ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในกัมพูชา
สมาคมโลจิสติกส์ของกัมพูชา (CLA) ได้แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการขนส่งอันเนื่องมาจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งประธานสมาคมโลจิสติกส์กัมพูชากล่าวว่าการระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์และการขนส่งทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบต่อภาคอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่ง CLA กำลังขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก จากข้อมูลของพนักงาน บริษัท โลจิสติกส์และการขนส่งหลายร้อยคนในกัมพูชากำลังตกงานและจะปิดการดำเนินงาน รวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจในเร็วๆนี้ หากสถานการณ์ดังกล่าวไม่มีทางออก รวมถึงบริษัทขนส่งเองมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมาสก์, ถุงมือและแอลกอฮอล์เจล เพื่อปกป้องพนักงานของพวกเขาจากการติดเชื้อจากไวรัส COVID-19 และบางส่วนมีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขาเนื่องจากไม่มีผู้รับบริการ
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชายังคงดำเนินการต่อไป
สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) ไฟเขียวให้กับโครงการลงทุนใหม่สองโครงการด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการแถลงข่าวของสภาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคาดว่าโครงการใหม่ที่ได้รับอนุมัติจะสร้างงาน 525 ตำแหน่งให้กับคนในท้องถิ่น โดยโครงการทั้งสองนี้ครอบคลุมการผลิตวงกบประตูหน้าต่างไม้อัดและอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นของ บริษัท เมาน์เท่นมูนมิลเวิร์ค จำกัด และ บริษัท โลดี้เพ็ทโปรดักส์ (กัมพูชา) จำกัด ในจังหวัดพระสีหนุ โดยการลงทุนดังกล่าวท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในด้านเศรษฐกิจมหภาค การเมืองและเสถียรภาพทางสังคมของกัมพูชาแม้ถูกคุกคามจากการระบาดใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดความแตกต่างที่นอกเหนือจากการลงทุนในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้าหรือกระเป๋าเดินทาง ที่ยังคงดำเนินต่อไปแม้จะมีความท้าทายในอุตสาหกรรมโดยรวมก็ตาม
รัฐบาลจีนขยายเวลาการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแก่สปป.ลาว
ในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมสปป.ลาวเริ่มมีการระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วยระบบสาธารณสุขของสปป.ลาวที่อาจยังไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะรับมือกับกับการะบาดของโรคดังกล่าวทำให้ประเทศพันธมิตรที่สำคัญอย่างจีนได้ส่งความช่วยเหลือในด้านบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมอและพยาบาลรวมถึงเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย แว่นตาป้องกัน ชุดป้องกันเชื้อโรค รวมถึงเครื่อมือทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งหน้าที่หลักๆของทางการจีนคือการให้ความรู้และวางระบบการป้องกันไวรัส COVID-19 อย่างมีประสิทธิภาพทั้งระบบการคัดกรอง มาตราการป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นต้น อย่างไรก็ตามกรอบระยะเวลาการช่วยเหลือจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ที่ผ่านมาแต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีและเพื่อการช่วยเหลือได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพทำให้รัฐบาลจีนขยายเวลาการสนับสนุนทางแพทย์แก่สปป.ลาวต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Chinese_78n.php
ADB คาดเศรษฐกิจเมียนมาฟื้นตัวเร็วสุดปีหน้าหากหยุดการระบาดของ COVID-19
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ชี้เศรษฐกิจเมียนมาจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 4.2% ในปีนี้ภายใต้วิกฤต COVID-19 แต่อาจฟื้นตัวเป็น 6.8% ในปี 2564 หากไวรัสถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว ADB คาดการณ์การเติบโต GDP ของเมียนมาในปี 63 สูงที่สุดเป็นอันดับสองในอาเซียนรองจากเวียดนามที่คาดว่าจะโตที่ 4.8% รายงานระบุว่าแม้ว่าการผลิตภาคเกษตรจะขยายตัว แต่อุปสงค์จากต่างประเทศและในประเทศก็เพิ่มขึ้นสำหรับราคาอาหารบางรายการแม้จะมีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2562 อัตราเงินเฟ้อคาดลดลงเล็กน้อยที่ 7.5% ในปี 63 และ 64 ในขณะที่ GDP ต่อหัวคาดว่าจะอยู่ที่ 3.3% ในปี 2563 และ 5.9% ในปี 2564
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-growth-rebound-next-year-if-virus-confined-quickly-adb.html
ยูซาน่าพลาซ่าพร้อมเปิดอีกครั้งหลัง 30 เมษายน
การตัดสินใจทำขึ้นหลังจากมีการหารือกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมการของ Yuzana Plaza จากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 24 เมษายน แต่ผู้บริโภคและผู้เช่าแผงร้านค้าไม่เห็นด้วยเพราะอยู่ในช่วงการจากแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในขณะนี้ คณะกรรมการบริหารมิงกาลาร์ ตองนันต์ สั่งให้ศูนย์การค้าทุกแห่งในเมืองปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมถึง 18 เมษายนและตอนนี้ได้ขยายไปถึง 30 เมษายน 2563
ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/yuzana-plaza-plans-to-reopen-after-april-30