‘สปป.ลาว’ จำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ตามรายงาน Lao Economic Monitor ฉบับประจำเดือนตุลาคม 2565 เปิดเผยว่าการปฏิรูปจะสามารถช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รายงานดังกล่าวยังระบุว่าเงินกีบอ่อนค่าลง 68% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม เป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ในขณะที่หนี้สาธารณะและหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน คาดว่าจะเกินกว่า 100% ต่อ GDP ในสิ้นปีนี้ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารโลกจึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสปป.ลาว ในปี 2565 เหลืออยู่ที่ 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.8% ถึงแม้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนของปีนี้ ตารายได้ของคนลาวกลับเพิ่มตามมาไม่ทันเงินเฟ้อ ดังนั้น ธนาคารโลกได้เสนอให้ทำการปฏิรูป 5 ประการ ได้แก่ การยกเว้นภาษี เพิ่มรายได้ของรัฐบาลและปกป้องการใช้จ่ายทางสังคม, ปรับปรุงการบริหารการปกครองสาธารณะ, ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ, เสริมสร้างความมั่งคงของภาคการเงิน และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten227_Reform_y22.php

เงินเฟ้อร่วง 2 เดือนติด ตุลาคมขยับเพิ่มขึ้นแค่ 5.98%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนตุลาคม 2565 เท่ากับ 108.06 เทียบกับเดือนกันยายน 2565 เพิ่มขึ้น 0.33% และเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 เพิ่มขึ้น 5.98% ส่งผลให้ราคาสินค้าชะลอตัวลงจากที่เคยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และอัตราเงินเฟ้อรวม 10 เดือนของปี 2565 (มกราคม-ตุลาคม) อยู่ที่ 6.15% สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วง 2 เดือนที่เหลือ (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565) คาดว่าจะยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องประเมินว่าไม่น่าจะถึง 6% หรือใกล้เคียง 6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่จำเป็นต่อการครองชีพหลายรายการ และบางรายการราคาทรงตัว แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น เนื่องจากมาตรการดูแลค่าครองชีพของภาครัฐ ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายส่งผลให้สินค้าเกษตรเข้าสู่ตลาดมากขึ้น แต่ก็ต้องจับตาราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงเงินบาทที่ยังอ่อนค่า จึงประเมินว่า เงินเฟ้อทั้งปี 2565 จะอยู่ที่ระดับ 5.5-6.5% มีค่ากลางที่ 6.0% ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจและการคาดการณ์เงินเฟ้อของหน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/690655

เดือนต.ค. 65 เงินเฟ้อสปป.ลาว พุ่งนิวไฮ! แตะ 36.75%

เดือนตุลาคม 2565 เงินเฟ้อสปป.ลาว แตะ 36.75% พุ่งสูงสุดในรอบปีนี้ โดยเพิ่มจาก 34.05% ในเดือนกันยายน 2565 และยังคงมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความลำบากให้กับประชาชนในประเทศท่ามกลางค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขายปลีกวัสดุก่อสร้างในนครหลวงเวียงจันทน์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้รับเหมาบางรายต้องหยุดโครงการก่อสร้างเป็นการชั่วคราวเพราะแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว ซึ่งทางการของสปป.ลาว กำลังหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหา โดยในการประชุมเต็มคณะครั้งล่าสุด วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะพิจารณาเพิ่มรายได้จากการส่งออกและดำเนินการชำระเงินผ่านระบบธนาคาร ตลอดจนเรียกร้องให้ลดการนำเข้าของประเทศลง ทั้งนี้ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชากร โดยผู้มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด ล่าสุด เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 สปป.ลาวได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 1,200,000 กีบ (ประมาณ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/11/07/laos-inflation-rate-hits-new-high-of-36-75-percent-in-october/

ราคาสินค้าลดฉุดเงินเฟ้อ ‘จุรินทร์’ส่งซิกเดือนตุลาคมเหลือไม่ถึง6%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ห้างแม็คโคร สาขานครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า สถานการณ์เงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังจากขึ้นไปสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ 7.86% พอมาเดือนกันยายน 2565 ลดลงเหลือ 6.41% ส่วนเดือนตุลาคม 2565 เท่าที่ติดตามและประเมินเบื้องต้น คาดว่าอาจจะไม่ถึง 6% สะท้อนว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลง ต่างกับหลายประเทศที่ประสบตัวเลขเงินเฟ้อสูงมาก เป็นเพราะรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกับเอกชนและหลายฝ่าย ช่วยกันกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/690440

“เวียดนาม” คาดดัชนี CPI ปีนี้ ขยายตัว 3.27-3.51%

กระทรวงการคลัง และ คุณ Le Minh Khai รองนายกฯ กล่าวในที่ประชุมเมื่อวันที่ 13 ต.ค. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในปีนี้ ปรับตัวขึ้น 3.27%-3.51% ในขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) คาดว่าดัชนี CPI ในเดือนกันยายน ปรับตัวขึ้น 3.94% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งหากพิจารณาตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 2.73% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากเศรษฐกิจเวียดนามเปิดกว้างมากขึ้นในปัจจุบันและเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของประเทศ ดังนั้นราคาสินค้าจำเป็นและบริการจึงปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ราคาเสื้อผ้า อาหารและเครื่องดื่มก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะราคาเนื้อหมูมักจะพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการสูงในช่วงเทศกาลเทด (Tet)

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/cpi-in-2022-forecast-to-expand-at-3-27-3-51-2070206.html

เดือนก.ย.65 เงินเฟ้อ สปป.ลาว พุ่งแตะ 34% สูงสุดในรอบ 22 ปี

สำนักสถิติของสปป.ลาว เผย อัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ 34% สูงกว่าเดือนที่ผ่านมา 30%  (เดือนสิงหาคม 2565) สูงสุดในรอบ 22 ปี จากราคาอาหาร ยา เชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ และการระบาดของ COVID-19 ได้กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังพบว่าเงินเฟ้อของสปป.ลาว สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน จากข้อมูลของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยว่า การที่สปป.ลาว พึงพาการนำเข้ามากเกินไป และเงินกีบที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินตราต่างประเทศเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ นอกจากนี้ การประสบปัญหาอุทกภัยในปีนี้ ได้สร้างความเสียหายให้ผลผลิตทางการเกษตรและทรัพย์สินต่างๆ รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่างๆ ส่งผลให้มีความต้องการอาหารในประเทศเพิ่มมากขึ้น

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten196_Inflation_y22.php

“เวิลด์แบงก์” ชี้ภาวะเศรษฐกิจสปป.ลาว ชะลอตัว

รายงานอัพเดทเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific Country Economic Updates) ประจำเดือนต.ค.65 ของธนาคารโลก ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว มีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย. สาเหตุสำคัญมาจากเผชิญกับสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอก โดยธนาคารโลกได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว เหลือ 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.8%

ทั้งนี้ ตามข้อมูลของธนาคารโลก เปิดเผยถึงผลการดำเนินทางด้านเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าได้รับแรงกดดันจากภาวะอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัว หนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นและการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อรองรับกับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาอาหารและเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ สปป.ลาว ยังคงเผชิญกับอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ กดดันต่อสถานะของครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten188_slower.php

สรท. คงเป้าส่งออก 6-8% ชี้ยังเสี่ยงจาก เงินเฟ้อ-พลังงาน-ค่าระวางเรือสูง อ้อนขอปรับขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนจริง

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สรท. เปิดเผยว่าภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ก.ค. 65 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 23,629 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4.3% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 829,029 ล้านบาท ขยายตัว 17.0% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือน ก.ค.ขยายตัว 4.1%) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 27,289 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 23.9% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 968,940 ล้านบาท ขยายตัว 38.7% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือน ก.ค. 65 ขาดดุลเท่ากับ 3,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (139,911 ล้านบาท)

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปีนี้ ได้แก่ 1.สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อโลกที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง  2.ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง จากสถานการณ์ยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ 3.สถานการณ์ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลยังทรงตัวในระดับสูงและเริ่มมีการปรับลดลงในหลายเส้นทาง 4.ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน นอกจากนี้ สรท. มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณา อนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถปรับราคาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับกลไกตลาด และต้นทุนการผลิตที่แท้จริงได้

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_3546578

ผู้ประกอบการกังวลต้นทุนผลิตสูงอุปสรรคสำคัญของธุรกิจ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORTON BUSINESS SENTIMENT INDEX)เดือนสิงหาคม 2565 ดัชนีความเชื่อมั่นทรงตัวอยู่ที่ 49.6 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปรับดีขึ้นมากแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อการลงทุนและการจ้างงานปรับลดลงเล็กน้อย สำหรับดัชนีฯ ภาคการผลิตยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 แต่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากกลุ่มผลิตเหล็ก รวมถึงกลุ่มผลิตเคมี ปิโตรเลียม ยางและพลาสติกเป็นสำคัญ เนื่องจากความกังวลด้านต้นทุนลดลงตามราคาเหล็กและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวไม่เข้มแข็งกดดันให้ความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่องของธุรกิจยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ต้นทุนการผลิตสูงยังคงเป็นอุปสรรคอันดับแรกในการดำเนินธุรกิจแต่สัดส่วนของผู้ประกอบการที่กังวลด้านต้นทุนเริ่มลดลง ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่กังวลต่อกำลังซื้อในประเทศปรับเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบปี จาก 4.8% ในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 4.5% ในเดือนนี้

ที่มา: https://www.naewna.com/business/677827

 

น้ำมันปาล์มขวดลดอีก 2-3 บาท แต่ผลิตภัณฑ์นมยังไม่ขึ้นราคา

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาปาล์มขวดเริ่มทยอยลดลงตามต้นทุนแล้ว ส่วนกรณีที่ร้านสะดวกซื้อ ยังขายสูงถึงขวดละ 59-60 บาท น่าจะเป็นสินค้าสต๊อกเก่า สำหรับผลิตภัณฑ์นมจะปรับขึ้นราคาขายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบกิโลกรัม (กก.) ละ 1.50 บาท มาเป็น กก.ละ 20.50 บาทหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตยื่น เรื่องขอปรับราคาเข้ามา แต่หากยื่นเข้ามาจะพิจารณาให้เป็นรายผู้ผลิตรายผลิตภัณฑ์ เพราะต้นทุนแต่ละรายไม่เท่ากัน จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่หากพิจารณาแล้ว พบว่าต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย จะขอความร่วมมือให้ตรึงราคาขายไว้ก่อน เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2484855