การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่ว สปป.ลาว เติบโตในปี 2566

แม้ สปป.ลาว เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจในปี 2566 แต่การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศยังเติบโตได้ โดยมีบริษัทประมาณ 178 แห่ง เข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ทั่วประเทศ ทำให้เกิดโอกาสในการทำงานมากกว่า 3,600 ตำแหน่ง การลงทุนประกอบด้วยบริษัทในภาคบริการ 127 แห่ง ภาคอุตสาหกรรม 18 แห่ง ภาคการค้า 30 แห่ง และภาคเกษตรกรรม 3 แห่ง การลงทุนรวมกันมีมูลค่าเป็นเงิน 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีทุนจดทะเบียน 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษยังสนับสนุนให้เกิดร้านค้าและสถานประกอบการกว่า 2,645 แห่ง สร้างรายได้ต่อปีสูงถึง 174 พันล้านกีบ (มากกว่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับงบประมาณของรัฐบาล โดยธุรกิจเหล่านี้จ้างคนงาน 3,644 คน แบ่งเป็นแรงงานลาว 3,572 คน และแรงงานต่างด้าว 72 คน

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/01/03/laos-sezs-surge-with-major-investments-fueling-economic-growth-amid-lingering-concerns-for-worker-safety

‘เวียดนาม’ เผยค่าแรงเพิ่ม 6.9% ในปี 66

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) รายงานว่าในปีที่แล้ว คนงานเวียดนามมีรายได้ต่อเดือน เพิ่มขึ้น 6.9% คิดเป็นเม็ดเงินอยู่ที่ 7.1 ล้านดอง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยแรงงานเพศชายมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.1 ล้านดองต่อเดือน ในขณะที่แรงงานเพศหญิงมีรายได้ที่ 6 ล้านดองในปี 2566 ทั้งนี้ คนงานในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจมีความพึงพอใจต่อการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 โดยเฉพาะแรงงานที่อยู่ในเขตราบลุ่มปากแม่น้ำโขงที่ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นมากที่สุด รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.7 ล้านดอง เพิ่มขึ้น 3.5% ในขณะเดียวกัน แรงงานที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ปรับขึ้นค่าแรงต่ำที่สุดที่ 2.3% อย่างไรก็ดีแรงงานยังคงมีรายได้เฉลี่ย 9 ล้านดองต่อเดือน

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnamese-worker-incomes-rise-by-6-9-in-2023/

‘เวียดนาม’ เผยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ปี 66 แตะ 37% ต่อ GDP

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามในปี 2566 มีมูลค่า 3.8 พันล้านล้านด่อง หรือคิดเป็น 37% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตัวเลขหนี้สาธารณะดังกล่าวอยู่ในระดับไม่เกินเพดาน 60% ตามที่รัฐสภากำหนดไว้ และยังต่ำกว่าประมาณการณ์ของกระทรวงฯ

ทั้งนี้ นายโฮ ดึก ฟอก  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าถึงแม้เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก แต่นโยบายการคลังของเวียดนามในปีที่แล้ว สามารถบรรลุความสำเร็จมาได้ อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินปี 2567 กระทรวงการคลังประมาณการณ์ถึงปัจจัยและความท้าทายต่างๆ และมองว่าการจัดเก็บงบประมาณของรัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 พันล้านล้านด่อง ในขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณที่ 2.1 พันล้านล้านด่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-2023-public-debt-at-37-of-gdp-post1069195.vov

เส้นทางเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจลาว ปี 67 มุ่งเน้นการท่องเที่ยว ยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐาน

ปี 2566 ที่ผ่านมา สปป.ลาว เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และการขาดดุลการค้าที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของประเทศ รัฐบาล สปป.ลาว ได้ริเริ่มแคมเปญ Visit Lao Year 2024 โดยหันมาใช้การท่องเที่ยวเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจ และวางรากฐานสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปี 2567 โดยมีมาตรการปรับปรุงการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ เน้นที่การลดความซับซ้อนของการขายตั๋วสำหรับรถไฟลาว-จีน แผนดังกล่าวยังรวมถึงการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสิ้น เช่น ถนนและสนามบิน การฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการบริการ โดยความพยายามเหล่านี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้สภาพถนนที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในช่วงปีเยือนลาวปี 2567

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/12/27/laos-charts-course-for-growth-in-2024-with-tourism-focus-infrastructure-overhaul-amidst-economic-challenges/

รัฐบาล สปป.ลาว ‘ตั้งเป้าลดปัญหาเงินเฟ้อในปี 2567’

รายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติลาวเผยว่า ในเดือนธันวาคม 2566 อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว อยู่ที่ 24.4% แม้ว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยจาก 25.24% ในเดือนก่อน โดยเงินเฟ้อใยหมวดหมู่โรงแรมและร้านอาหารมีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบเป็นรายปีที่ 35.9% ตามมาด้วยหมวดเสื้อผ้าและรองเท้า การรักษาพยาบาล และของใช้ในครัวเรือน สาเหตุหลักเกิดจากเงินกีบที่อ่อนค่าลง ผลผลิตในประเทศปรับลดลง มูลค่าการนำเข้าที่สูง และความยากลำบากในการควบคุมราคาในตลาดท้องถิ่น ทำให้ความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมราคาสินค้ายังเผชิญกับความท้าทาย ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่ ธนาคารแห่งลาว (BOL) ให้คำมั่นที่จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวด โดยมุ่งเน้นที่การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินกีบ ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมต้นทุนสินค้าและบริการ ซึ่งสอดคล้องกับแผนของรัฐบาลที่จะลดอัตราเงินเฟ้อลง 9% ในปี 2567 ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26-27 ธันวาคม 2566 นายกรัฐมนตรี สอนไซ สีพันดอน ได้สั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ให้ทันสมัย ​​ระบุแหล่งรายได้ใหม่ และลดการรั่วไหลทางการเงิน นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกฎระเบียบด้านเงินตราต่างประเทศ เพิ่มรายได้จากการส่งออก และดึงดูดการลงทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพของมูลค่าเงินกีบและลดอัตราเงินเฟ้อ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/12/29/government-targets-lower-inflation-rates-in-2024/

สปป.ลาว-จีน ‘เล็งขยายทางด่วนเวียงจันทน์ถึงมณฑลยูนนาน’ เชื่อมการค้าและการลงทุน

นายหวัง ห่าว รองผู้ว่าการมณฑลยูนนานของจีนได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของ สปป.ลาว และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุนโครงการความร่วมมือขยายทางด่วนจากนครหลวงเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ถึงชายแดนมณฑลยูนนานของจีน จากเดิมที่มีทางด่วนเฟสที่ 1 เชื่อมระหว่างเวียงจันทน์กับวังเวียงที่เปิดให้ใช้งานมาตั้งแต่ปลายปี 2563 นอกจากนี้ สปป.ลาว ได้ขอให้ทางการจีนให้ความช่วยเหลือในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาและการจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน หลังจากการค้าชายแดนระหว่าง สปป.ลาวและมณฑลยูนนานมีการเติบโตอย่างมาก จนถึงขณะนี้ มีบริษัทข้ามชาติจากมณฑลยูนนานมาลงทุนในลาวแล้วกว่า 297 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวม 4.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสองฝ่ายยกย่องความสำคัญของทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งเชื่อมโยงมณฑลยูนนานกับเมืองหลวงของลาวที่มีส่วนในการสนับสนุนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_244LaosChina_23.php

ประธานประเทศลาวแนะผู้นำแขวงบอลิคำไซ ‘เพิ่มการผลิตสินค้าเพื่อทดแทนการนำเข้า’

นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศลาว แนะผู้นำและเจ้าหน้าที่แขวงบอลิคำไซให้สนับสนุนการผลิตและการบริโภคสินค้าที่ผลิตในลาว เพื่อลดการนำเข้าและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น และเน้นย้ำการให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทเชิงรุกในทุกด้านของการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้รับคำแนะนำให้เสริมสร้างความมั่นคงภายในท้องถิ่น ระงับการกระทำที่ไม่พึงประสงค์โดยทันที เพื่อลดความยากจนทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ กำชับให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับการแต่งตั้งตามคุณธรรมเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จตามที่กำหนดเป้าหมายไว้ ทั้งนี้ ผู้นำแขวงบอลิคำไซ ได้กล่าวต่อประธานประเทศว่า ‘ความสำเร็จในการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการป้องกันประเทศ การรักษาสันติภาพ และการลดความยากจน ซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลข GDP ของแขวงบอลิคำไซ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่ามากกว่า 7 ล้านล้านกีบ คิดเป็น 100.14% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ นอกจากนี้ หมู่บ้านกว่า 264 แห่ง คิดเป็น 92% ของหมู่บ้านทั้งหมดในแขวงบอลิคำไซ ได้รับการประกาศว่าปราศจากความยากจน และประมาณ 95% ของครัวเรือนขณะนี้อยู่เหนือเส้นความยากจน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_243President_23.php

‘ADB’ คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามปี 67 โต 6%

จากรายงานแนวโน้มการพัฒนาเอเชีย (ADO) ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในปี 2567 ขยายตัว 6% ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของธนาคารฯ มองว่าจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอเกินกว่าที่คาดไว้ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อภาคอุตสาหกรรมและบริการ ตลอดจนส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและการบริโภคในประเทศ นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกและมีความรอบคอบ เพื่อที่จะควบคุมราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า อาหาร การดูแลสุขภาพ การศึกษา ล้วนมีผลทำให้เกิดเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ เงินเฟ้อของเวียดนามคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ในปีนี้ ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้น 4% ในปีหน้า

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/adb-projects-6-gdp-growth-for-vietnam-next-year-post1065201.vov

สปป.ลาว เชิญชวนทั่วโลกสนับสนุนแคมเปญ ” Visit Laos Year 2024″

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศใน สปป.ลาว รัฐบาลได้ติดต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยส่งคำเชิญชวนให้ประเทศต่างๆ สนับสนุนแคมเปญ ” Visit Laos Year 2024″ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะมีส่วนช่วยการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์นี้ สปป.ลาว จึงมุ่งเน้นไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีน ซึ่งใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่ได้รับการพัฒนาสำหรับชื่อมโยงทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ สายการบินหลักๆ เช่น Lao Airlines และ China Eastern Airlines ในปัจจุบันได้ให้บริการเที่ยวบินตรงที่เชื่อมต่อเมืองสำคัญๆ ของทั้งสองประเทศ เช่น นครหลวงเวียงจันทน์และกว่างโจว รวมถึงคุนหมิงในจีน อย่างไรก็ตาม รัฐบาล สปป.ลาว ได้แสวงหาการสนับสนุนในระดับโลกเพิ่มเติมไม่เพียงแต่จีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทยและเวียดนามด้วย ทั้งนี้ กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ระบุว่า ปี 2567 คาดว่าจะเป็นตัวเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ 2.7 ล้านคน และสร้างรายได้ 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/11/laos-targets-global-audience-for-visit-laos-year-2024/?fbclid=IwAR1stwiLNLvo5s5ZfIJXVrlwMKhZmqQAD9TceTM-m6Oi4fLBLxA4gXGnGjM

ธนาคาร-ผู้นำทางธุรกิจ จัดประชุมอัพเดทสถานการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ในปัจจุบัน

ธนาคาร ANZ Laos ร่วมกับ AustCham Lao จัดงานประชุมอัพเดทสถานการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลสถานะปัจจุบันในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของ สปป.ลาว โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร สมาชิกหอการค้าต่างประเทศ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคเอกชนเข้าร่วม บางส่วนของกิจกรรมในงานเริ่มจากการนำเสนอของ Mr.Khoon Goh หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียของธนาคาร ANZ ที่นำเสนอข้อมูลการเปลี่ยนแปลงภาวะเศรษฐกิจระดับโลกและระดับภูมิภาคในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อประเทศลาวในปีหน้าอย่างไร โดยเริ่มจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่กำลังเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจจะเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัวในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศจีน เริ่มมีการฟื้นตัวจากแรงผลักดันของการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และคาดการณ์ว่าเมื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจีนกลับมา ผู้บริโภคจีนก็จะมีเม็ดเงินส่วนเกินประมาณ 6.2 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ ที่จะผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศจีน และแผ่กระจายการบริโภคมายังประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงประเทศลาว นอกจากนี้ นายเพชรสถาพร แก้ววงวิจิตร อธิบดีกรมบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธนาคารแห่ง สปป. ลาว ได้นำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ประกาศใช้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 10 ว่าด้วยการดำเนินการจัดการเงินตราต่างประเทศ โดยมุ่งเป้าไปที่การรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินกีบ การเสริมสร้างทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ และรักษามูลค่าของเงินกีบ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_236_Bankers_y23.php