กัมพูชากำลังพัฒนาด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศเพื่อรองรับอนาคต

ด้วยข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 5 ฉบับที่เกิดขึ้นในปีนี้ กัมพูชาจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องพัฒนาโครงข่ายด้านโลจิสติกส์เพื่อรองรับต่อปริมาณการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยรัฐบาลกัมพูชาได้วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิเช่น ขยายถนนในเขตจังหวัดบาเว็ดจากสี่เลนเป็นหกเลนภายในระยะเวลา 6 เดือน สร้างทางด่วนพนมเปญไปยังสีหนุวิลล์ที่แล้วเสร็จแล้วร้อยละ 35 มีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2022 นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อสำรวจเส้นทางใหม่จากพนมเปญไปยังบาเว็ด นอกจากนี้ยังมีแผนการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าสีหนุวิลล์แห่งใหม่มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2025 เมื่อแล้วเสร็จท่าเรือจะสามารถรับสินค้าได้กว่า 5,000 TEU ณ ความลึก 40.5 เมตร โดยดัชนีประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ของธนาคารโลกได้ให้คะแนนกัมพูชาไว้ที่ 2.8 ในปี 2018 ซึ่งถูกจัดอันดับไว้ต่ำกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก อีกทั้งผลสำรวจและการรวบรวมข้อมูลของสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) พบว่ากัมพูชามีต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่สูงเมื่อเทียบกับไทยและเวียดนามอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811861/kingdom-is-bolstering-its-logistics-in-anticipation-of-string-of-ftas/

ซีพี พร้อมยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารในกัมพูชา

CP ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ HACCP หลังดำเนินธุรกิจในกัมพูชามาร่วม 12 ปี ตั้งแต่ปี 2008 โดยมองถึงประโยชน์ 3 ประการที่จะเกิดขึ้นจากการได้รับมาตรฐานข้างต้น คือ ประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชา ในการมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตที่ดีในกัมพูชา ให้สามารถทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้ ส่วนประการถัดมาคือประโยชน์ต่อประชาชนชาวกัมพูชาที่จะมีโอกาสได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพปลอดภัยถูกสุขอนามัยและสะดวกสบายที่ผลิตในท้องถิ่นโดยไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า ประการสุดท้ายประโยชน์ต่อ บริษัทเอง นอกจากนี้การนำ GMP และ HACCP มาใช้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจการผลิตอาหารของบริษัทเอง ทั้งในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยของผู้ประกอบการในทุกขั้นตอนการผลิต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50811862/cp-is-ready-to-raise-the-standard-of-food-products-in-cambodia/

‘พาณิชย์’ เผย ‘รัฐสภา’ เห็นชอบให้สัตยาบันความตกลง RCEP แล้ว คาดมีผลบังคับใช้ปีนี้

กระทรวงพาณิชย์เผย รัฐสภาเห็นชอบการให้สัตยาบันความตกลง RCEP เรียบร้อยแล้ว เตรียมเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกประกาศและแนวปฏิบัติรองรับการใช้ประโยชน์ คาดมีผลบังคับภายในปีนี้ ย้ำผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้ประโยชน์จริง โดยในที่สุดรัฐสภาของไทยมีมติ ‘เห็นชอบ’ การให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) แล้วเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจาก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำเสนอข้อมูล เหตุผล ความจำเป็น และประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการให้สัตยาบันในข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับความตกลง RCEP เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของไทย โดย RCEP จะเป็น FTA ฉบับที่ 14 ของไทย ซึ่งจะช่วยสร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการในการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 2,200 ล้านคน สินค้าส่งออกหลายรายการของไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรจะได้รับการลดและยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศผู้นำเข้า โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งจะเปิดตลาดใน RCEP ให้ไทยเพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ เช่น สินค้าประมง, แป้งมันสำปะหลัง, สัปปะรด, น้ำมะพร้าว, น้ำส้ม, อาหารแปรรูป, ผักและผลไม้แปรรูป เป็นต้น

ที่มา : https://thestandard.co/parliament-agreed-to-ratify-the-rcep-agreement/