ศุภชัย มั่นใจปีหน้า เศรษฐกิจไทย กลับมาเติบโต

นายศุภชัย  พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก เปิดเผยภายหลังการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทาเศรษฐกิจไทยเดินหน้าอย่างไร ในวิกฤตไทย วิกฤตโลก” ภายในงานสัมมนาประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จากวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐไทย และทุกประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การที่จีนได้ฟื้นตัวจากภาวะโควิดอย่างรวดเร็ว จะส่งผลดีกับประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยผูกติดกับห่วงโซ่การผลิตของจีนสูงมาก ประกอบกับไทยรับมือกับปัญหาโควิดได้ดี และประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะ CLMV ได้รับผลกระทบจากโควิดไม่รุนแรง ทำให้การส่งออกของไทยจะค่อย ๆ ฟื้นตัว เห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้นในทุก ๆ ไตรมาส อาจทำให้ GDP ปีนี้ไม่ได้แย่อย่างที่คาดไว้ ส่วนการส่งออกในปีหน้าก็จะดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ ธปท. เข้ามาดูแลในเรื่องค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปจนกระทบต่อการส่งออกนั้น ส่วนตัวมองว่าค่าเงินบาทเป็นปัจจัยหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด หากเศรษฐกิจโลกดีการส่งออกก็จะดีตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ภาคอุตสาหกรรมไทยควรจะเร่งปรับตัวขยายหาตลาดใหม่ ๆ การสร้างนวัตกรรม พัฒนาสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด จะทำให้แข่งขันได้โดยไม่ต้องพึ่งค่าเงินอ่อน นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลอย่างเพิ่งเร่งเปิดประเทศ ควรจะเปิดแบบค่อยเป็นค่อยไป เปิดทีละนิดแล้วตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยชาวต่างชาติที่ควรเปิดให้เข้าประเทศ คือ กลุ่มนักลงทุน ที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย เพราะจะทำให้เกิดการลงทุน และการจ้างงาน แก้ปัญหาการว่างงานได้ตรงจุด โดยควรจะแก้ไขกฎระเบียบเข้าประเทศให้ง่ายขึ้น แต่จะต้องผ่านกระบวนการตรวจโควิดที่เข้มงวด

ที่มา :  https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/909828

รัฐบาลและธุรกิจ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม

จากข้อมูลของ Central Institute for Economic Management (CIEM) ระบุว่าการผลักดันของการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน จะต้องร่วมกันสร้างความก้าวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลในเวียดนาม สำหรับภาครัฐบาลแล้วนั้น ได้เล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ตามหลักสากล ทั้งนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลควรครอบคลุมไปยังพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงผู้หญิงหรือคนจน นอกจากนี้ ผลการศึกษาของ Google, Temasek และ Bain เปิดเผยว่าผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม ขยายตัวร้อยละ 16 ในปีนี้ คิดเป็นมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2568 อยู่ที่ 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตข้างหน้า รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่าโลกไซเบอร์มีความปลอดภัย และปรับปรุงกฎหมายแก่เศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนนโยบายภาษีแก่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัล และประเด็นในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/government-firms-are-key-to-create-breakthroughs-in-vietnam-digital-economy-315008.html

“อีคอมเมิร์ซ” ประตูส่งออกสำคัญของเวียดนาม

สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) และบริษัท Innovative Hub ได้จัดงานสัมมนาเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าในท้องถิ่นผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในบริบทของการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ห่วงโซ่อุปทานต่างๆ เกิดการหยุดชะงัก และการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ขี้ให้เห็นถึงจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังคงรักษาความสามารถในการดำเนินงาน ทั้งนี้ คุณ Zoe Zuo CEO ของบริษัท Innovative Hub ได้แชร์กระบวนการทำงานของอีคอมเมิร์ซในสิงค์โปร์ที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังแนะนำให้เลือกกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าให้ชัดเจน เพื่อที่จะนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ จากข้อมูลของสมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ระบุว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 ด้วยมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเติบโตถึง 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/european-firms-in-vietnam-more-positive-about-q3-performance/191126.vnp

ก๊าซ LNG จากมาเลเซีย ถูกลำเลียงไปยังโรงไฟฟ้าย่างกุ้ง

จากรายงานของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 63 เมียนมานำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นครั้งที่ 2 จากมาเลเซีย จำนวนทั้งหมด 126,000 ลูกบาศก์เมตรถูกส่งไปยัง CNTIC VPower ที่ท่าเรือติวาลาในย่างกุ้งและจะถูกถ่ายโอนไปยังโรงไฟฟ้าตั่นหลิน (Thanlyin) กำลังผลิต 350MW และโรงไฟฟ้าธาเกตา (Thaketa) กำลังผลิต 400MW โดยได้ลงนามในข้อตกลงกับ Petronas LNG Ltd ของมาเลเซียและ CNTIC VPower ของจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพื่อซื้อ LNG เป็นระยะเวลา 5 ปี LNG จะถูกใช้ในโรงงานใหม่ 7 แห่งใน Magwe, Shwe Taung, Kyun Chaung, Ahlone, Kyauk Phyu, Thanlyin และ Thaketa เพื่อผลิตพลังงานรวม 1166MW สำหรับฤดูร้อนในปีนี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-takes-delivery-lng-yangon-power-plants.html

รัฐบาลสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 80 พันล้านกีบเพื่อช่วยเหลือ SMEs

เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมูลค่ามากถึง 80 พันล้านกีบ (มากกว่า 8.6 ล้านเหรียญสหรัฐ) ได้ถูกมอบให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในอัตราดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอเพียงร้อยละ 3  คุณสมจิตร อินทมิตรรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์กล่าวในการประชุมรัฐสภาของสมัชชาแห่งชาติ (NA) เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ผู้สมัคร SMEs จำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อขอรับเงินกู้ มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนการ ฝึกอบรมวิชาชีพ SMEsได้รับการรับรองจากภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ในการจัดทำบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี” เกณฑ์เหล่านี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเงินกู้ถูกนำไปใช้อย่างเป็นประโยชน์ในการระดมทุนอย่างต่อเนื่องและป้องกันไม่ให้กลายเป็นเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้โดยผู้กู้จะมีเวลาหนึ่งปีในการเตรียมตัวให้เข้าตามเกณฑ์ที่ทางธนาคารพาณิชย์กำหนดรวมถึงการวางระบบบัญชีที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานการบัญชี รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs การให้เงินทุนสนับสนุนเป็นมาตรการที่มีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจสปป.ลาว ปัจจุบัน SME คิดเป็นประมาณร้อยละ 99 ของภาคธุรกิจที่จดทะเบียนทั้งหมดในสปป.ลาวจึงถือเป็นภาคส่วนที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_80232.php

ความร่วมมือภาครัฐและเอกชนจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยว ในสปป.ลาว

กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวและบริษัท Amazing Lao Sole จำกัด ร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU) เพื่อวางแผนบริษัทที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวที่จะให้คำแนะนำแก่ธุรกิจที่พิจารณาลงทุนด้านการท่องเที่ยวในสปป.ลาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติวัฒนธรรมประวัติศาสตร์และเกษตรกรรมและศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวของสปป.ลาวนอกจากนี้ยังมุ่งปรับปรุงมาตรฐานของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งดึงดูดการลงทุนในการพัฒนาการท่องเที่ยวมากขึ้น ภายใต้ MOU ทั้งสองฝ่ายจะหาแหล่งเงินทุนตลอดจนหน่วยงานด้านเทคนิคและธุรกิจเพื่อลงทุนในการท่องเที่ยว โดยจะจัดทำแผนการพัฒนา การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและกำหนดแผนการตลาดการท่องเที่ยว จะร่วมกันจัดทำแคมเปญข้อมูลการท่องเที่ยวในสปป.ลาวสำหรับนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศซึ่งจะสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Public232.php

เซเว่นอีเลฟเว่นวางแผนกลับมาเริ่มดำเนินธุรกิจในกัมพูชา

บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการขยายสาขาร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นไปยังกัมพูชาและ สปป.ลาวจะยังคงเกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้เมื่อสถานการณ์การระบาดดีขึ้น โดยซีพีออลล์ (กัมพูชา) และซีพีออลล์ (สปป.ลาว) ต่างได้รับสิทธิแฟรนไชส์ในการก่อตั้งและดำเนินการร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นเวลา 30 ปี ซึ่งนอกจากกลุ่มบริษัททั้งสองนี้แล้ว กัมพูชายังได้รับความสนใจจากนักธุรกิจไทยที่ต้องการสำรวจโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนในกัมพูชาหลังจากที่ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี (FTA) กับจีนเป็นครั้งแรก โดยการลงทุนเหล่านี้จะช่วยให้การค้าระหว่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจากสถิติของสถานทูตกัมพูชาในประเทศไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2020 การค้าข้ามพรมแดนของไทยกับกัมพูชามีมูลค่าอยู่ที่ 6.1 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50786446/7-eleven-expansion-into-the-kingdom-coming-as-planned/

กัมพูชาสร้างจุดแข็งด้านการค้าทวิภาคีระหว่างไทย

กัมพูชาประกาศการเปิดสำนักงานตัวแทนกัมพูชาประจำประเทศไทยในกรุงเทพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการค้าและกิจกรรมทางธุรกิจระหว่างสองประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ CBCC จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนด้านธุรกิจในการให้บริการแบบครบวงจรสำหรับชาวกัมพูชาในประเทศไทย โดยจะช่วยในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา การให้ข้อมูล และการฝึกอบรม รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสองประเทศตั้งเป้าหมายทางการค้าทวิภาคีให้บรรลุ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และโฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสองกระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผลักดันมูลค่าการค้าให้สูงขึ้นทั้งยังจะต้องการส่งเสริมการค้าทวิภาคีต่อไป โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2563 การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 5.569 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ของไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50786411/indications-of-new-strength-in-bilateral-trade-with-thailand/