“ราคาข้าวเวียดนาม” ยังคงพุ่งสูงขึ้นในตลาดโลก

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าราคาส่งออกข้าวหัก 5% ของเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มสูงที่สุดในตลาดโลก นับตั้งแต่เดือน ส.ค.2565 แซงหน้าข้าวไทยที่อยู่ระดับ 15-27 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และอินเดียที่ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และเมื่อปีที่แล้ว ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนาม 7.1 ล้านตัน สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ถึงแม้ว่าปริมาณการส่งออกข้าวลดลงมากกว่า 20% ในเดือนแรกของปีนี้ แต่ราคาส่งออกข้าวมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 519 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในช่วง 2 เดือนแรกของปี ทั้งนี้ สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ระบุว่าราคาส่งออกข้าวหัก 5% ในปัจจุบัน อยู่ที่ 463 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบปีที่แล้ว นอกจากนี้ สถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากซัพพลายเออร์ต้นทุนต่ำรายอื่นๆ เช่น อินเดียและปากีสถาน รวมถึงข้อจำกัดของการกระจายตลาด

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnams-rice-prices-stay-highest-in-world-market-323203.html

Credit Suisse หนี ‘Lehman Moment’ ยันเวียดนามไม่กระทบ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าการช่วยเหลือครั้งประวัติศาสตร์ของตลาดการเงินโลกในครั้งนี้ ธนาคาร UBS กลุ่มธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ได้บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อธนาคารเครดิต สวิส (Credit Suisse) มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อป้องกันวิกฤตธนาคารที่จะลุกลามไปยังยุโรปและทั่วโลก โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้ามาจัดการกับปัญหาการล่มสลายของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และธนาคาร Signature Bank และธนาคารรายใหญ่สหรัฐฯ บางรายต้องอัดฉีดเงิน 30 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) ในขณะเดียวกัน นาย Michael Kokalari หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุน VinaCapital แสดงความคิดเห็นว่าการล่มสลายของธนาคาร SVB และ Signature Bank และวิกฤต Credit Suisse จะไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเวียดนาม และมองว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงต่อความสามารถในการทำกำไร หรือความสามารถในการชำระหนี้ของธนาคารเวียดนาม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/credit-suisse-escapes-lehman-moment-vietnam-unaffected-post1009172.vov

เมียนมามุ่นมั่นส่งออกกาแฟเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 66

เมื่อวันพุธที่ 22 มีนาคม 2566  กระทรวงพาณิชย์ เผย ภายในปี 2566  เมียนมาตั้งเป้าส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็นจำนวน 10,000 ตัน ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านเมียนมาส่งออกกาแฟ 5,800 ตัน โดยตลาดนำเข้าสำคัญได้แก่  เช่น จีน ไทย สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม และสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนพื้นที่เพาะปลูกกาแฟของเมียนมา พบว่า มีประมาณ 50,000 เอเคอร์ แบ่งเป็น 38,000 เอเคอร์เป็นกาแฟพันธุ์อาราบิก้า และ 12,000 เอเคอร์เป็นกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งไร่กาแฟส่วนใหญ่อยู่ในเขตมัณฑะเลย์ รัฐฉาน และรัฐกะเหรี่ยง ทั้งนี้ ผลผลิตกาแฟต่อปีของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 9,000 ตัน

ที่มา : https://english.news.cn/20230323/84c83a24e49a4f049de088aadea7879f/c.html

“สปป.ลาว” แบนนำเข้าเนื้อสุกรจากเวียดนาม

กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ประกาศระงับการนำเข้าเนื้อสุกรและเนื้อสุกรแปรรูปจากประเทศเวียดนามและประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้าอย่างผิดกฎหมายที่บริเวณชายแดนและสนามบินนานาชาติ นอกจากนี้ เนื้อสุกรที่ลักลอบนำเข้าหรือนำเข้าอย่างผิดกฎหมายในสปป.ลาวจะต้องถูกทำลาย ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 สปป.ลาวระงับการนำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศจีนและไทย หลังจากตรวจพบการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 7 ครั้ง โดยมีหมูตาย 973 ตัวในแขวงสาละวัน และล่าสุดในเดือนมกราคม 2566 สปป.ลาวก็ระงับการนำเข้าเนื้อสุกรจากไทยเช่นเดียวกัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/laos-suspends-pork-imports-from-vietnam-2123587.html

เวียดนาม-กัมพูชา วางแผนอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างกัน

นายกรัฐมนตรีเวียดนาม Phạm Minh Chính ให้การต้อนรับ Prak Sokhonn รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปเยือนยังเวียดนามอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือและสร้างความร่วมมือระหว่างกันในการกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ โดยในปี 2022 การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเวียดนามแตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นการขยายตัวเกือบร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปี 2021 ขณะที่การลงทุนของนักลงทุนเวียดนามในกัมพูชามีมากถึง 205 โครงการ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 29,400 ล้านดอลลาร์ ส่งผลทำให้เวียดนามถือเป็นกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่รายสำคัญของกัมพูชาในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501260736/vietnam-cambodia-seek-to-further-facilitate-cross-border-trade/

จีนยังคงเป็นแหล่งวัตถุดิบรายใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา

นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวว่า จีนยังคงเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ใหญ่ที่สุดให้กับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา โดยผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชานำเข้าวัตถุดิบในการผลิตมากกว่าร้อยละ 80 จากจีน ก่อนที่จะทำการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มหรือการ์เม้นท์ ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุด ในขณะเดียวกันก็สร้างการจ้างงานให้กับคนในท้องถิ่นนับแสนคน โดยในปี 2022 กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มมูลค่า 9.03 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นกว่าร้อยละ 40.1 ของการส่งออกทั้งหมดที่มีมูลค่ารวมกว่า 22.48 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501260728/china-remains-as-top-supplier-of-raw-materials-to-cambodias-garment-industry/

“เวียดนาม” ชี้ภาคการท่องเที่ยว ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น

จากการประชุมหารือโต๊ะกลมระหว่างผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 ที่จัดขึ้นโดย Vietnam Investment Review (VIR) พบว่าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นพ้องตรงกันว่าเวียดนามยังไม่สามารถที่จะปลดล็อคศักยภาพได้อย่างเต็มที่ คุณ Nguyen Thi Le Huong รองผู้อำนวยการของบริษัทเวียดทราเวล กล่าวว่าด้วยแนวชายฝั่ง 3,000 กม. เวียดนามมีศักยภาพที่จะเป็นจุดหมายปลายทางของรีสอร์ทและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอินเดีย เกาหลีและมองโกเลีย เนื่องจากเห็นถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวดังกล่าวที่จะมองหาชายหาดที่สวยงาม อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวได้ คือ รัฐบาลและธุรกิจชุมชนต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ นาย Hoang Nhan Chinh หัวหน้าของคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยว (TAB) กล่าวว่าอัตรานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเวียดนามในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ บรรลุได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ อยู่ที่ 10-12 ล้านคนในปี 2566 และเชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามจะขยายตัวสูงขึ้นไปอีก

ที่มา : https://vir.com.vn/tourism-in-vietnam-can-achieve-more-100581.html

สื่อสิงคโปร์! ย้ำเวียดนามมีศักยภาพการเติบโตของฟินเทค

‘AsiaOne’ สื่อชื่อดังของสิงคโปร์ เผยแพร่บทความ “Vietnam: Can it become the Fintech Mecca of the east?” โดยเน้นว่าฟินเทคของเวียดนามได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดใหม่ และยังเติบโตสูงขึ้นจากกรอบกฎหมายใหม่ ในขณะเดียวกัน โครงการปรับเปลี่ยนประเทศสู่ความเป็นดิจิทัล (Digital Transformation) ของเวียดนามในปี 2565 เป็นตัวเร่งให้ไปสู่ฟินเทค ทั้งนี้ ผลจากการบรรลุความสำเร็จขององค์กรฟินเทคที่สามารถเชื่อมโยงกับภาคธนาคารได้ ทำให้เกิดการสร้างความผสมผสานความร่วมมือระหว่างองค์กรได้อย่างเข็มข้นขึ้น นอกจากนี้ สมาคมธนาคารเวียดนาม (VNBA) เป็นแนวหน้าในการนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมบริการทางการเงินของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าบริการ SMS หรือส่งเสริมผู้ให้บริการอย่าง Visa และ Mastercard ลดค่าธรรมเนียมหลายประเภทของธนาคารเวียดนามในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/singaporean-site-highlights-vietnams-potential-for-fintech-growth/250293.vnp

เมียนมา-จีน ร่วมหารือส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าชายแดน

เมื่อวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2566 ณ กระทรวงพาณิชย์ในกรุงเนปยีดอ ของเมียนมา Mr. U Myint Thura อธิบดีกรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา และ Mr. Du Jianhui นายกเทศมนตรีเมืองล้านช้าง จากประเทศจีน ได้ร่วมหารือเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ การลงนามข้อตกลงว่าด้วยการค้าผ่านแดนระหว่างเมียนมาและจีน และการอำนวยความสะดวกในการนำค้าสินค้าจากประเทศที่ 3 ผ่านชายแดนเมียนมา-จีน และการส่งเสริมเพื่อยกระดับการค้าชายแดนให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-china-economic-trade-promotion-meeting-held/

สปป.ลาว ลงนาม MoU เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าทางผ่านแดน

บริษัทของทั้ง สปป.ลาว และไทย ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจไตรภาคี (MoU) ซึ่งได้ลงนาม ณ เวียงจันทน์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟระหว่าง สปป.ลาว-ไทย และ สปป.ลาว-จีน โดยข้อตกลงนี้ลงนามโดยผู้อำนวยการรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งชาติลาว (LNR) ร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Global Multimodal Logistics, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Pan-asia Silk Road และประธานบริษัท Kaocharoen Train Transport ซึ่ง LNR จะประสานงาน อำนวยความสะดวก ซึ่งตั้งเป้าหมายในการขนส่งทุเรียนและผลไม้อื่นๆ อย่างน้อย 20,000 ตันต่อเดือน จากไทยไปยังตลาดจีน โดยหลังจากทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน เปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2021 ความต้องการทั้งการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนจากจำนวนผู้โดยสารที่พุ่งสูงขึ้น ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แตะ 417,400 คน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 256.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การขนส่งสินค้ารวมอยู่ที่ 647,700 ตันในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 320

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten57_Deal_y23.php