รัฐบาล สปป.ลาว ออกมาตรการเข้มแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาล สปป.ลาว ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการคุมเข้าการเพาะปลูก ไม่ให้เผาเศษซากพืชในที่ที่โล่งแจ้ง ซึ่งทำให้เกิดหมอกควันในปัจจุบัน ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่หน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นจะต้องทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหานี้ โดยสั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยกระดับการป้องกันภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนที่เกิดจาก PM2.5 เนื่องจากตัวชี้วัดคุณภาพอากาศบ่งชี้ว่าระดับฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายอยู่ในระดับสูงมากถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีความหนาแน่นของอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในอากาศ ซึ่งสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของปอด ทำให้เกิดหรือทำให้โรคทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้เร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มการเก็บรายได้สูงสุด และปรับปรุงระบบจัดเก็บรายได้ให้ทันสมัย ​​อุดช่องโหว่ที่ทำให้สูญเสียรายได้ พร้อมยึดนโยบายเข้มงวด รวมถึงการใช้เงินตราต่างประเทศอย่างประหยัด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_80_Cabinet_y24.php

เมียนมาคาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในปีนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของกรมประมง คาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำไปยังต่างประเทศจะเกิน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน สำหรับในปีงบประมาณที่แล้ว มีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากกว่า 520,000 ตัน สร้างรายได้จากต่างประเทศเกือบ 730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากเมียนมา ส่งออกไปยังต่างประเทศผ่านช่องทางการค้าทางทะเลและการค้าชายแดน แม้ว่าขณะนี้การส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำยังดำเนินการไปได้ดีแต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เท่าสถานการณ์ก่อนโควิด ทั้งนี้ จากข้อมูลของผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงปลาและกุ้ง เมียนมามีฟาร์มเลี้ยงปลาและกุ้ง 480,000 แห่ง พร้อมด้วยห้องเย็นกว่า 120 แห่ง รวมทั้งเมียนมามีการส่งออกปลามากกว่า 20 ชนิด ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน ไทย และประเทศเพื่อนบ้านเป็นประจำผ่านการค้าชายแดน ตลอดจนประเทศญี่ปุ่นและประเทศในยุโรป

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-expects-over-us-800-million-in-aquatic-product-exports-this-year/

จ๊าดพม่าอ่อนค่าลงทะลุ 3,900 จ๊าดต่อดอลลาร์

ข้อมูลจากตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศรายงานว่าสกุลเงินจ๊าดของเมียนมา ในตลาดซื้อขายที่ไม่เป็นทางการ อ่อนค่าลงอีกครั้งที่ระดับกว่า 3,900 จ๊าดต่อดอลลาร์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเมื่อวันที่ 12 เมษายนก่อนเทศกาล Thingyan อยู่ที่ 3,890 จ๊าดต่อดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นเป็น 3,960 จ๊าดต่อดอลลาร์ ในวันที่ 27 เมษายน ซึ่งเพิ่มขึ้น 70 จ๊าดต่อดอลลาร์ภายใน 15 วัน อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ได้พยายามทำการอัดฉีดเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ตลาดเพื่อควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมทั้งมีการร่วมมือกับหน่วยงานด้านกฎหมายเพื่อให้สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่พยายามแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายใต้กฎหมายที่มีอยู่

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-kyat-depreciates-surpassing-k3900-per-dollar/

World Bank มอบเงินช่วยเหลือตลาดแรงงานกัมพูชา 1.2 พันล้านดอลลาร์

ธนาคารโลก (World Bank) ระบุในรายงานล่าสุดว่าโครงการช่วยเหลือทางสังคมที่มอบเงินให้แก่กัมพูชาในการช่วยเหลือตลาดแรงงานกัมพูชาภายใต้โครงการจัดสรรเงินโอนสู่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถือเป็นโครงการที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจกัมพูชา ซึ่งกรอบความช่วยเหลือนับตั้งแต่ในช่วงเดือนมิถุนายน 2020 จนถึงเดือนกันยายน 2022 คิดเป็นวงเงินรวม 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการป้องกันเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงข้อจำกัดการเดินทาง ข้อจำกัดการรวมตัวของคนจำนวนมาก และการปิดเมืองอย่างเข้มงวด แม้ว่าวิธีดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส แต่ก็ส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก ด้านธนาคารโลกยังกล่าวอีกว่า การสนับสนุนทางการเงินแก่คนงานที่ถูกเลิกจ้างยังช่วยในตลาดแรงงานของกัมพูชา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการส่งออกสินค้าที่ซบเซา งานในภาคการผลิต (ข้อมูลทางการ) ลดลงจาก 1.05 ล้านตำแหน่ง ในเดือนกรกฎาคม 2022 เหลือเพียง 1.0 ล้านตำแหน่ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2023 ก่อนที่จะฟื้นตัวบางส่วนเป็น 1.02 ล้านตำแหน่งในเดือนสิงหาคม 2023 ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อตลาดแรงในปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501478392/covid-19-cash-assistance-of-1-2b-helped-labour-market/

กัมพูชาส่งออกยางพาราขยายตัวกว่า 5.1% ในช่วงไตรมาสแรกของปี

กัมพูชาส่งออกยางแห้งปริมาณรวมกว่า 69,322 ตัน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จาก 65,921 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของ General Directorate of Rubber โดยส่งออกไปยังจีนที่มูลค่ารวมถึง 100.5 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากมูลค่า 92.9 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับราคายางแห้งในปัจจุบัน 1 ตัน มีราคาเฉลี่ย 1,450 ดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 41 ดอลลาร์ต่อตัน ด้านการเพาะปลูกยางพาราของกัมพูชาในปัจจุบันมีทั้งหมด 407,172 เฮกตาร์ โดยต้นยางบนพื้นที่ 320,184 เฮกตาร์หรือร้อยละ 79 มีอายุมากพอที่จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501478623/cambodias-rubber-export-up-5-1-pct-in-q1/

เจรจา FTA ไทย-เอฟตา รอบ 9 คืบหน้า เร่งปิดดีลปี 2567

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) หรือ เอฟตา รอบที่ 9 ระหว่างวันที่ 23-26 เมษายนที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ ว่า ทั้งสองฝ่ายเร่งเครื่องการเจรจาอย่างเต็มที่ ซึ่งในภาพรวมมีความคืบหน้าในหลายเรื่อง บางกลุ่มสรุปผลได้แล้ว และหลายกลุ่มใกล้ได้ข้อสรุปผล ขณะที่ การเจรจารอบที่ 10 จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาภายในปี 2567 ตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญในลำดับต้นที่รัฐบาลต้องการเร่งรัดการเจรจา FTA กับคู่ค้าสำคัญให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อขยายโอกาสการค้าและการลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ เอฟตา ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับที่ 16 ของไทย โดยในปี 2566 การค้าระหว่างไทยกับเอฟตา มีมูลค่า 9,882.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.72% ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปเอฟตา มูลค่า 4,385.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากเอฟตา มูลค่า 5,497.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับบริโภค ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1552291

สปป.ลาว – ไทย ผลักดันการเชื่อมเส้นทางขนส่งทางบกให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้า

รัฐบาล สปป.ลาว และไทย วางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการค้าร่วมกัน โดยการสร้างถนนและสะพานเชื่อมเพิ่มเติม รวมถึงสะพานรถไฟพิเศษ ตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศนัดหารือในสัปดาห์นี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของทั้งสองประเทศในการกระชับมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน โดยจะยังคงให้ความร่วมมือในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงในเขตและจังหวัดตามแนวชายแดนลาว-ไทย ตลอดจนความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข เกษตรกรรมและป่าไม้ แรงงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งผนึกกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_79_LaoThailand_y24.php

สปป.ลาว ขาดดุลการค้าเป็นเดือนที่ 2 แม้ส่งออกมันสำปะหลังเติบโต

สปป.ลาว เผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่า ภาพรวมการค้ามีมูลค่า 1,101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นมูลค่าส่งออกประมาณ 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมันสำปะหลังมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกมากที่สุด รองลงมาคือ ทองคำ แร่ทองแดง กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ และแป้งมันสำปะหลัง โดยตลาดจีนยังคงเป็นส่งออกหลักของ สปป.ลาว รองลงมาคือ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และอินเดีย ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่าประมาณ 570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าหลัก คือ ดีเซล รองลงมาคือ ยานพาหนะทางบก อุปกรณ์เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ไทยยังคงเป็นแหล่งนำเข้าหลัก รองลงมาคือ จีน เวียดนาม สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ทั้งนี้ สปป.ลาว ยังคงขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยขาดดุลจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/04/26/laos-faces-second-month-of-trade-deficit-despite-cassava-export-boom/