สปป.ลาว จับมือ กัมพูชา ยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกัน

รัฐบาลของกัมพูชาและสปป.ลาว ลงนามความร่วมมือทวิภาคีเพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งคำมั่นสัญญาดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมระหว่างสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา และนายสายสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติสปป.ลาว ที่ได้เยือนกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ทั้งนี้ผู้นำทั้งสองให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งเสริมความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

ที่มา: https://english.news.cn/20221125/a46c029fa77f47df8b9f007ef7239258/c.html

‘เวียดนาม’ เปิดตัวแอปอีคอมเมิร์ซของอุตสาหกรรมเครื่องกล

แอปอีคอมเมิร์ซสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลของเวียดนามได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ชื่อว่า “ซุปเปอร์มาร์เก็ตเครื่องกล” โดยมีเป้าหมายที่จะนำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาสู่ชีวิตของผู้คนมากขึ้นและเป็นศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คุณ Nguyen Nhut Minh Tri ตัวแทนของทีมพัฒนาแอปพลิเคชั่น กล่าวว่าแรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเวียดนามมักประสบปัญหาเกี่ยวกับการค้นหาอุปกรณ์ชิ้นส่วน ซึ่งแทบไม่มีสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นั่นคือเหตุผลที่เริ่มต้นแอปนี้ และยังเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแห่งแรกสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องกลในเวียดนาม

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-launches-e-commerce-app-for-mechanical-industry-post120183.html

‘เวียดนาม’ ส่งออกไปยุโรป 10 เดือนแรกปี 65 พุ่ง 23.5%

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างเวียดนามและตลาดสหภาพยุโรป (EU) อยู่ที่ 52.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออก 39.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 23.5% (YoY) โดยปัจจุบันตลาดอียูเป็นคู่ค้าเบอร์ต้นๆ ของเวียดนามและเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับที่ 3 ด้วยอัตราการเติบโตของการส่งออกที่ 7.5% คิดเป็นสัดส่วน 13.6% ของมูลค่าการส่งออกรวมของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2558-2564

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-exports-to-eu-grow-235-in-ten-months-post985857.vov

7 เดือนแรกของ ปีงบฯ 65-66 เมียนมาขาดดุลการค้า 678.226 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ระหว่างวันที่ 1 เมษายนถึง 11 พฤศจิกายน 2565 ของปีงบประมาณปัจจุบัน 2565-2566 เมียนมาขาดดุลการค้า 678.226 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อเทียบบประมาณ 2564-2565  ที่เมียนมาเกินดุลการค้า 315.991 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 7  เดือนที่ผ่านมา เป็นการส่งออกประมาณ 10.072 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 10.751 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมูลค่าการค้าทางทะเลของเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 12.29 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณก่อน แต่การค้าชายแดนลดลงเล็กน้อยเหลือ 62.637 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการค้าชายแดนกับจีนกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากการระบาดของ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้สินค้าส่งออกหลักของเมียนมา คือ ผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่า และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ส่วนการนำเข้า คือ สินค้าทุน วัตถุดิบอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เมียนมาพยายามลดการนำเข้าสินค้าที่ฟุ่มเฟือย โดยเน้นการนำเข้าสินค้าจำเป็น วัสดุก่อสร้าง สินค้าทุน วัสดุสำหรับสุขภาพหรืออนามัย แทน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-registers-trade-deficit-of-678-226-mln-as-of-11-november/

เงินเฟ้อทำคน สปป.ลาว กังวลหนักเรื่องค่าครองชีพ

ราคาสินค้าเกือบทุกประเภท เช่น อาหาร พลังงาน ไปจนถึงการขนส่ง ใน สปป.ลาว ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 19.69 ในช่วง 10 เดือนแรกของปี ซึ่งในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 36.75 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.05 ที่ได้มีการบันทึกไว้ในเดือนกันยายน และร้อยละ 30.01 ในเดือนสิงหาคม ตามรายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติ สปป.ลาว โดยราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก ความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจและการอ่อนค่าของค่าเงินกีบ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อใน สปป.ลาว ส่งผลทำให้ต้นทุนค่าครองชีพของคนในประเทศ สปป.ลาว ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็นที่น่ากังวลของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อได้รับการปรับขึ้นเป็นร้อยละ 17 ภายในสิ้นปี 2022 จากราคาน้ำมันที่สูงกว่าที่คาดการณ์ และค่าเงินกีบอ่อนค่าลงตามรายงานล่าสุดของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB)

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten228_Inflation.php

ธุรกิจกว่า 19,300 แห่ง เข้าจดทะเบียนกับกระทรวงเศรษฐกิจ และการคลังกัมพูชา

ธุรกิจมากกว่า 19,300 แห่ง ได้เข้าจดทะเบียนกับกระทรวงเศรษฐกิจ และการคลัง ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน โดยได้รับการอนุมัติด้วยทุนจดทะเบียนรวม 5.51 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานจากระบบการลงทะเบียนธุรกิจออนไลน์ ของกระทรวงเศรษฐกิจ และการคลัง ซึ่งจำนวนมูลค่าการลงทุนตามภาคส่วนนำโดยภาคการก่อสร้างร้อยละ 17 หรือคิดเป็นมูลค่า 963 ล้านดอลลาร์, ภาคอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 12 มูลค่า 643 ล้านดอลลาร์, กิจกรรมที่ปรึกษาด้านการจัดการร้อยละ 5 มูลค่า 289 ล้านดอลลาร์, ภาคการผลิตร้อยละ 5 มูลค่า 269 ล้านดอลลาร์, กิจกรรมทางการเงินและการประกันภัยร้อยละ 5 มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ และภาคส่วนอื่นๆ ร้อยละ 56 มูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ โดยกระทรวงและสถาบันของรัฐหลายแห่ง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กรมภาษีอากร กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพ กระทรวงมหาดไทย และสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา ถูกรวมเข้ากับระบบการลงทะเบียนธุรกิจบนแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Single Portal เพื่อเสริมเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนและเจ้าของธุรกิจ ให้สะดวกในการเข้าจดทะเบียนเนื่องจากก่อนหน้าได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501189424/over-19300-businesses-registered-with-mef-portal/

กัมพูชาจัดฟอรั่มหารือจีนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ

การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-กัมพูชา ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในวันนี้ (23 พ.ย.) ซึ่งงานจัดขึ้นโดย Asian Vision Institute (AVI) ร่วมกับ Economic Daily และ China Economic Net ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ตั้งแต่เวลา 13:00-17:00 น. โดย AVI กล่าวว่าฟอรั่มนี้จะเน้นไปที่การทบทวนและประเมินความร่วมมือระหว่างกัมพูชากับจีน รวมถึงความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดในกรอบทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก อาทิเช่น ข้อริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (BRI), แผนริเริ่มการพัฒนาโลก (GDI) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เป็นสำคัญ ด้านกรมศุลกากรและสรรพสามิต กล่าวเสริมว่า ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 9.62 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 เดือนของปีนี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักของกัมพูชาที่ส่งไปยังจีน ได้แก่ ข้าวสาร กล้วย มะม่วง มันสำปะหลัง และเครื่องแต่งกาย ในขณะที่กัมพูชาเน้นไปที่การนำเข้าวัตถุดิบตัดเย็บเสื้อผ้า เครื่องจักร ยานพาหนะ อาหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501189596/forum-set-to-discuss-cambodia-china-trade-ties/

ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ต.ค. โต 15.51% จำนวน 94,228 คัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ต.ค.2565 อยู่ที่ 94,228 คัน ขยายตัว 15.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 84,917.32 ล้านบาท จาก 71,410.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยอดส่งออกขยายตัวดีขึ้นหลังปัญหาชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลาย ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่าจำนวนรถที่ส่งออกไปเนื่องจากเป็นรถยนต์ PPV ทีมีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์นั่งและรถยนต์กระบะ ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.65) อยู่ที่ 800,672 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.48% โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 727,468.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.60%

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/article/news/fti-export-cars-24112022