เมียนมาจัดส่งข้าวโพดประมาณ 80,000 ตันไปยัง 3 ประเทศ

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาส่งออกข้าวโพดประมาณ 80,000 ตันไปยังต่างประเทศ 3 ประเทศเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567 จากการที่เมียนมาเร่งความพยายามในการสนับสนุนการส่งออกเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐ เมียนมาจึงส่งข้าวโพด 25,000 ตันไปยังฟิลิปปินส์ทางเรือ (MV Manta Hatice) ผ่านท่าเรือ No 6 Sule Wharf ส่งออก 12,700 ตันถึงไทยทางเรือ (MV Tay Son 4) ผ่านทางท่าเรือ TMT และ 2,700 ตัน ทางเรือ (MV MCL 20) ผ่านทางท่าเทียบเรือ MHM และส่งออกไปยังอินเดียทางเรือ 27,500 ตัน (MV Seiyo Harmony) ผ่านท่าเรืออุตสาหกรรมเมียนมา 2 และ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ตามลำดับ  อย่างไรก็ดี เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปยังประเทศไทยครั้งละ 5,400 ตันโดยเรือ 2 ลำ (MV MCL 8 และ MV MCL 7) ผ่านทางท่าเทียบเรือ MHM เมื่อวันที่ 9 เมษายน และมีกำหนดส่งออกข้าวโพด 6,600 ตันไปยังฟิลิปปินส์โดยเรือ (MV. RAINBOW SYMPHONY) ผ่าน AIPT-3 วันที่ 10 เมษายน นอกจากนี้ เมียนมายังจัดส่งข้าวโพดมากกว่า 2 ล้านตันให้กับคู่ค้าต่างประเทศในฤดูข้าวโพดปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งมายังประเทศไทย และส่วนที่เหลือไปยังจีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ข้าวโพดปลูกในรัฐฉาน กระฉิ่น คะยา และคะยิน รวมถึงภูมิภาคมัณฑะเลย์ สะกาย และมะเกว ซึ่งเมียนมามีฤดูข้าวโพด 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และมรสุม ผลผลิตข้าวโพดของเมียนมาต่อปีอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ล้านตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-around-80000-tonne-corn-to-3-countries/#article-title

ยอดขายมันสำปะหลังพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางความต้องการของจีนที่สูงแม้ราคาจะยังทรงตัว

ตามข้อมูลของผู้ปลูกมันเทศในตลาด ราคามันสำปะหลังในตลาดยังคงทรงตัว แม้ว่ายอดขายจะดีเนื่องจากมีความต้องการสูงจากประเทศจีน โดยราคาขายส่งมันสำปะหลังผงในตลาดอยู่ที่ประมาณ 3,000 จ๊าดต่อviss อย่างไรก็ดี จีนและอินเดียเป็นผู้ซื้อมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของเมียนมา รวมทั้งเมียนมาตั้งอยู่ระหว่างประเทศทั้งสอง ดังนั้นมันสำปะหลังจึงเป็นพืชที่สามารถแสวงหารายได้จากต่างประเทศให้กับประเทศเมียนมาได้ นอกจากนี้ ในอดีตมันสำปะหลังมีการปลูกแบบดั้งเดิมแต่ได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการกำหนดกรอบการผลิตซึ่งสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตได้ โดยผลผลิตหัวมันเทศสามารถขุดได้ภายใน 8 เดือน และผลผลิตสำเร็จรูปอาจลดลงหากขุดหลังจากผ่านไป 15 เดือน ในการทำต้นกล้าสามารถขุดได้หลังจากผ่านไป 10 เดือน และโอกาสที่จะถึงระยะปลูกอาจต่ำหากขุดหลังจาก 15 เดือน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/tapioca-powder-sales-surge-amid-high-chinese-demand-despite-steady-prices/#article-title

การส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของเมียนมาร์เกิน 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมามีมูลค่ารวม 3.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา (เมษายน-มีนาคม) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการลดลง 167.7 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565-2566 อย่างไรก็ตาม เมียนมาส่งออกผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ผ่านช่องทางการค้าทางทะเลและชายแดนเป็นหลัก ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบที่นำเข้าโดยองค์กร CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นหลัก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-agri-produce-exports-exceed-us3-8b-in-fy-2023-2024/#article-title

การค้าต่างประเทศของเมียนมาดิ่งลงเกือบ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เผยว่า การค้าระหว่างประเทศของเมียนมากับคู่ค้าต่างประเทศมีมูลค่าทะลุ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา (เมษายน-มีนาคม) ซึ่งบ่งชี้ว่าลดลงอย่างมากเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2565-2566 ที่มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 3.39 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี การส่งออกของเมียนมามีมูลค่ามากกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามีมูลค่ามากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีการค้าทางทะเลเป็นส่วนหลักของการค้าระหว่างประเทศ โดบมูลค่าการค้าทางทะเลของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 22.36 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนอยู่ที่ 7.7 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-foreign-trade-plunges-nearly-us4b-in-fy-2023-2024/#article-title

ธนาคารพัฒนาเอเชีย คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ปีนี้ จะขยายตัว 4 %

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์เศรษฐกิจ สปป.ลาว ปี 2567 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวปานกลาง โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ภายนอกที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ โดยคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ สปป.ลาว จะเติบโต 4% ในปี 2567 และปี 2568 การเติบโตนี้จะได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอก โดยเฉพาะในภาคบริการ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านคนในปี 2567 โดยได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงทางรถไฟและการปรับปรุงถนนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในโครงการพลังงานทดแทน รวมถึงโครงการพลังงานลม คาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมในระดับปานกลาง ทั้งนี้ แม้จะ สปป.ลาว จะยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไปในปีนี้ แต่ยังมีอุปสรรคจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงินกีบที่อ่อนค่า และหนี้สาธารณะที่ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_74_Laostosee_y24.php

3 เดือนแรกปีนี้ มีชาวจีนเข้ามายัง สปป.ลาว กว่า 2.4 แสนคน โดยใช้รถไฟลาว-จีน

หากย้อนไปในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 45,000 คน เดินทางด้วยรถไฟลาว-จีนมายัง สปป.ลาว และในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 641,314 คน โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 242,193 คน ที่เดินทางมายัง สปป.ลาว โดยใช้เส้นทางรถไฟสายนี้ เนื่องจากทางการรถไฟได้เสนอข้อเสนอการซื้อตั๋วรถไฟในช่วงเทศกาลปีใหม่ลาวแบบพิเศษ ซึ่งประชาชนต้องการเดินทางในช่วงวันหยุดปีใหม่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวันที่ 13-16 เมษายน 2567 สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้สูงสุดเจ็ดวันก่อนวันเดินทางที่วางแผนไว้ โดยเปิดเผยว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปพักผ่อนในเมืองทางภาคเหนือของ สปป.ลาว นอกจากนี้ ทางการรถไฟยังให้บริการรถไฟ EMU จำนวน 2 ขบวนติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2567 (หมายเลข C92/1 และ C84/3) ระหว่างเวียงจันทน์และหลวงพระบาง และคาดว่าการเดินทางในเส้นทางนี้จะถึงระดับสูงสุด เนื่องจากหลวงพระบางเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงวันหยุดปีใหม่ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_75_Laoschina_y24.php

‘นายกฯ เวียดนาม’ เข้าพบทิม คุก หารือหนุนการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นาย ฝ่ามมิงห์ ชินห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เข้าพบกับนายทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล เมื่อวันที่ 16 เม.ย. โดยนายกฯ ยอมรับว่าดีใจที่ได้เจอกันเป็นครั้งที่ 2 และกล่าวขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญให้มาเยือนเวียดนามในครั้งนี้ รวมถึงหารือการขยายธุรกิจของแอปเปิลในประเทศและการสร้างงานให้กับคนเวียดนามมากกว่า 2 แสนตำแหน่ง ทั้งนี้ เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม-สหรัฐฯ นายกฯ กล่าวว่าเวียดนามรอคอยที่จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากแอปเปิลทั้งในแง่การส่งเสริมการเติบโตสีเขียว การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทน พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-pm-meets-ceo-tim-cook-seeks-apples-support-for-green-growth/

AMRO คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาโต 6.2% ในปี 2024

แนวโน้มเศรษฐกิจระดับภูมิภาคซึ่งรายงานโดยสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 (AMRO) ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 เม.ย.) คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายในปี 2024 ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโตที่ร้อยละ 6.2 ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.3 ในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป ภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ เป็นสำคัญ โดยในรายงานได้เสริมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาที่คาดว่าจะขยายตัวถึงร้อยละ 6.4 ในปี 2025 ภายใต้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 2.8

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501470536/cambodias-growth-forecast-at-6-2-pct-in-2024-amro/

6 เดือน CDC อนุมัติโครงการลงทุนในกัมพูชากว่า 173 โครงการ

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนกว่า 173 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2023 ถึง ก.พ. 2024 ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 83 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัตินี้คาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นถึง 180,225 ตำแหน่ง โดยคาดว่าเป็นผลมาจากการปรับปรุงกฎหมายด้านการลงทุนฉบับใหม่ของกัมพูชา ซึ่งเป็นกฎหมายที่เปิดให้นักลงทุนทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวกัมพูชาหรือชาวต่างชาติได้มีโอกาสในการลงทุนมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501470535/cdc-endorses-173-investment-projects-worth-approximately-4-billion-in-six-months/

‘เวียดนาม’ ส่งออกข้าวไตรมาสแรก โตพุ่ง 42%

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าการส่งออกข้าวของเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ที่ 2.1 ล้านตัน สร้างรายได้กว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากผู้ซื้อข้าวเวียดนามรายใหญ่ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน กานา มาเลเซียและสิงคโปร์ ส่งผลให้ยอดการส่งออกข้าวเติบโตอย่างน่าประทับใจ

อย่างไรก็ดี กลุ่มประเทศเหล่านี้มองหาการกระจายอุปทานข้าว ซึ่งทำให้ลดการพึ่งพาข้าวจากเวียดนามอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ กระทรวงฯ ร้องขอให้ผู้ส่งออกข้าวในชนบทมองหาตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

นอกจากนี้ ในฐานะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก เวียดนามตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้จากการส่งออกข้าวในปีนี้ มูลค่าราว 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-q1-rice-exports-grow-42-y-o-y/