‘สิงคโปร์’ ก้าวเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในเวียดนาม ในช่วง 10 ด.

กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนสิงคโปร์ลงทุนในเวียดนาม มีมูลค่ากว่า 6.77 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำลงทุนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองลงมาเกาหลีใต้ ด้วยทุนจดทะเบียน 4.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ และญี่ปุ่น 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. พบว่านักการเงินอัดฉีดเม็ดเงิน 23.74 พันล้านเหรียญสหรัฐไปยังเวียดนาม เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป มีมูลค่า 12.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 53.7% ของเงินทุนจดทะเบียน นอกจากนี้ สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ กล่าวว่าปัจจุบัน การระบาดของโควิด-19 ค่อยๆ อยู่ภายใต้การควบคุม และรัฐบาลได้ใช้นโยบายต่างๆ เพื่อขจัดอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนช่วยฟื้นฟูการผลิตและกิจกรรมทางธุรกิจในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/singapore-leads-foreign-investment-in-vietnam-in-10-months-37296.html

‘เวียดนาม’ เผย 10 ด. ปีนี้ การเบิกจ่ายโครงการลงทุนภาครัฐ แตะ 55.8%

กระทรวงการคลัง รายงานว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนสาธารณะ ณ เดือน ต.ค. มีมูลค่ากว่า 257.3 ล้านล้านดอง (11.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) หรือคิดเป็น 55.8% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตัวเลขข้างต้นนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (67.25%) ทั้งนี้ ตามตัวเลขสถิติชี้ว่ากระทรวงจำนวน 7 แห่งและหน่วยงานท้องถิ่น 20 แห่ง มีการเบิกจ่ายงบกว่า 65% อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในการจัดหาวัตถุดิบที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะปัญหาการนำเข้า ขาดแคลนแรงงานก่อสร้างและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ล้วนส่งผลกระทบต่อการประเมินโครงการ ตลอดจนปัญหาราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เพื่อเร่งการเบิกจ่าย ทางกระทรวงจึงขอให้หน่วยงานปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลที่ 63 ฉบับที่ 7036/CD-VPCP เกี่ยวกับการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสและการเร่งเบิกจ่ายลงทุนภาครัฐฯ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/public-investment-capital-disbursement-reaches-558-percent-in-10-months/211896.vnp

ราคาน้ำตาลเคลื่อนไหวผันผวน หนุนราคาอ้อยพุ่งขึ้น 60,000 จัตต่อตัน

ชาวไร่อ้อยจากตำบลที่-กไหย่ง์ อำเภอกะตา  เขตซะไกง์ เผย หลังขึ้นราคาน้ำตาล ราคาอ้อยพุ่งขึ้นเป็น 60,000 จัตต่อตัน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 43,000 จัตต่อตัน ในช่วงฤดูหีบอ้อยที่ผ่านมาเก็บเกี่ยวอ้อยได้เพียง 400,000 ตันทั่วประเทศ ลดลง 100,000 ตันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนต้นทุนการเพาะปลูกต่อเอเคอร์อยู่ที่ประมาณ 600,000-700,000 จัต และหนึ่งเอเคอร์เก็บเกี่ยวอ้อยได้ประมาณ 30 ตัน ปัจจุบันมีการปลูกอ้อยประมาณ 65,850 เอเคอร์ในจังหวัดชเวโบ จังหวัดกั่นบะลู และจังหวัดกะทะ ของเขตซะไกง์ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ราคาอ้อยถูกกำหนดไว้ที่ 40,000 จัตต่อตัน ในปีงบประมาณ 2562-2563

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/sugar-price-hike-rally-continues-sugarcane-price-surges-to-over-k60000-per-tonne/

“ศักดิ์สยาม” ถก ปธ.วุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิส ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมอาเซียน

รมว.คมนาคม ต้อนรับประธานวุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิส และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ หารือกระชับความร่วมมือ ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน โดยมีโครงการสำคัญ ดังนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดพื้นที่ EEC ของประเทศไทย โดยการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่างๆ นอกจากนี้ ได้หารือถึงโอกาสด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการลงทุนและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการพัฒนาระบบคมนาคมระหว่างสองประเทศ การเชิญชวนนักลงทุนชาวสวิสเซอร์แลนด์มาร่วมลงทุนในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000109560

รัฐบาลสปป.ลาวเร่งกระตุ้นจีดีพี ลดเงินเฟ้อ

นักเศรษฐศาสตร์และสมาชิกสภานิติบัญญัติได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์ที่ได้รับจากการรถไฟลาว-จีนเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทางรถไฟได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนและเปิดประเทศใหม่เพื่อลดผลกระทบจากการระบาดใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจ ในปี 2565 รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไว้ที่ร้อยละ 4 และอัตราเงินเฟ้อที่ร้อยละ 5-7 อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมการวางแผน การเงิน และตรวจสอบของรัฐสภา และนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ดร.ลีเบอร์ ลีบูเปา กล่าวกับที่ประชุมรัฐสภาว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทบทวนตัวเลขเหล่านี้ “โดยหลักการแล้ว การเติบโตของ GDP จะต้องสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเชิงบวกในการพัฒนาประเทศ หากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า GDP ก็หมายความว่าไม่มีการเติบโต”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt217.php

บริษัทในสหรัฐฯ ยืนยันการขยายธุรกิจในกัมพูชา

บริษัทในสหรัฐฯ ยืนยันที่จะขยายธุรกิจและอัดฉีดการลงทุนเพิ่มเติมในกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของกัมพูชาในระยะถัดไป รายงานโดยรองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการระดับภูมิภาคของ U.S.-ASEAN Business Council ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการประชุมเสมือนจริงระหว่าง รมว.พาณิชย์กัมพูชา นอกจากนี้ การเข้าร่วมการประชุมยังมีตัวแทนจากสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกัมพูชาและบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้แก่ConocoPhillips, FordMotor, Amazon, Walmart, Pernod Ricard, Visa และ Jhpiego โดยปัจจุบันการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50964563/u-s-companies-confirm-business-expansion-in-cambodia/

กัมพูชาเตรียมดึงดูด FDIs ผ่านกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่

เอกอัครราชทูตกัมพูชา ที่ปรึกษาทั่วไป และคณะทูต ได้รับมอบหมายให้ส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ผ่านกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ สำหรับนักธุรกิจจากต่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศร่วมกับสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเผยแพร่กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่แก่นักการทูตกัมพูชาที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายคือการรวมกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่เข้ากับกลยุทธ์ทางการทูตที่เรียกว่าการทูตเชิงเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และเพิ่มผลผลิตของอุตสาหกรรมในประเทศและถือเป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตในประเทศกับระดับภูมิภาคและระดับโลก เป็นสำคัญ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2021 CDC ได้อนุมัติโครงการลงทุนทั้งหมด 134 โครงการ ด้วยเงินลงทุนรวม 3.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่มุ่งเน้นไปที่ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร การท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50964747/cambodian-diplomats-tasked-with-promoting-new-investment-law-to-attract-fdis/

รัฐบาลเวียดนาม อนุมัติเปิดรับนักท่องเที่ยว 5 จ. ภายในเดือนนี้

รัฐบาลกลางได้อนุมัติให้เปิดรับบริการการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ 5 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเดือนนี้โดยไม่ต้องกักตัว ประกอบไปด้วยเมืองฟูก๊วก (จ.เกียนยาง), จังหวัดคั้ญฮหว่า, จังหวัดกว๋างนาม, จังหวัดกว๋างนิญและเมืองดานัง ได้รับเลือกให้ดำเนินโครงการนำร่อง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวนั้น หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวเสนอโครงการต่อรัฐบาล โดยโครงการดังกล่าวมีระยะการดำเนินการ 3 เฟส 1) เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. จะเป็นบริการทัวร์แบบครบวงจรและชาวต่างชาติจะเที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างประเทศไปยัง 5 เมืองสำคัญข้างต้น 2) เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีหน้า เปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น สามารถเข้าร่วมโครงการนำร่องได้และยังไปสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ใน 5 สถานที่ได้หลังจากเสร็จวิ้นการเดินทาง 7 วันไปยังจุดหมายแรก 3) จะเปิดบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 และผลการตอบรับการท่องเที่ยวในช่วงเฟส 1-2

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/five-provinces-set-to-welcome-back-intl-tourists-this-month/

‘ไนกี้’ เล็งขยายธุรกิจในเวียดนาม

Noel Kinder ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความยั่งยืนของบริษัทไนกี้ “Nike” กล่าวกับฝ่าม มิงห์ จิ๋ง นายกรัฐมนตรีเวียดนามที่ประชุมหารือนอกรอบของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่ามีความมุ่งมั่นที่จะลงทุนและขยายการผลิจในเวียดนาม โดยทางคุณ Kinder ชี้ว่าโรงงานของบริษัทมากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ได้กลับมาดำเนินการผลิจอีกครั้ง หลังจากที่ปิดการดำเนินงานจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้ง ยังได้แสดงความขอบคุณกับรัฐบาลเวียดนาม กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือธุรกิจจากการเผชิญการระบาดของเชื้อโรค นอกจากนี้ ตามตัวเลขสถิติของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อุตสาหกรรมรองเท้าทำรายได้จากการส่งออกถึง 13.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/nike-to-expand-operations-in-vietnam-902390.vov

ข้าวเปลือกเก่า เมืองบ้านเมาะ เขตซะไกง์ พุ่ง ตะกร้าละ 8,000 จัต

ข้าวเปลือกเก่าขายในราคา 8,000 จัตต่อตะกร้า (1 ตะกร้าเท่ากับ 46 ปอนด์) ของเมืองบ้านเมาะ อำเภอกะตา เขตซะไกง์ สร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี โดยราคาก่อนหน้าอยู่แค่ 4,000 จัตต่อตะกร้า จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร ปีนี้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 80 ถึง 100 ตะกร้าต่อเอเคอร์ โดยมีพื้นที่เพาะปลูกในบ้านเมาะ มากกว่า 4,000 เอเคอร์ และชาวนามักปลูกข้าวพันธุ์ชิน 3 ทั้งนี้ราคาข้าวเปลือกตามเกณฑ์ที่รับซื้อ อยู่ที่ความชื้น 14% ตั้งราคาไว้ที่ 540,000 จัตต่อ 100 ตะกร้า

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/old-rice-paddy-fetches-k8000-per-basket-in-bamauk-township/#article-title