เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน พร้อมเสวนารับมือโควิด
การประชุมสุดยอดครั้งที่ 38 และ 39 ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เปิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม โดยมีการอภิปรายเน้นไปที่ความพยายามร่วมกันในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 รวมถึงประเด็นอื่นๆ ทั้งการเสริมสร้างความร่วมมือของอาเซียนในการตอบสนองต่อภัยธรรมชาติและในการส่งเสริมพหุภาคีและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทบทวนความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา และสังเกตบทบาทสำคัญของอาเซียนในเวทีระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ แต่ประเด็นที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้อยู่ในเรื่องของการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ บรรดาผู้นำได้หารือถึงความพยายามร่วมกันในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ พวกเขาสังเกตเห็นการจัดตั้งศูนย์สุขภาพและกองทุนรับมือ Covid-19 รวมถึงการจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินและภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญในภายภาคหน้าต่อระบบสาธารณสุขในประเทศที่อ่อนแอและระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวมอีกด้วย
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Asean_210_21.php
ธปท. เผยนักวิเคราะห์ยังหั่น GDP ไทยปีนี้โตเหลือ 0.6% แม้เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวช่วงไตรมาส 4 ห่วงโควิดกลับมาระบาดรุนแรง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ต่อเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/64 โดยผลสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือ 0.6% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 1.3% แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัว สะท้อนจากการคาดการณ์ว่าทุกเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจจะขยายตัวเล็กน้อย จากแรงสนับสนุนทั้งนโยบายด้านการคลังและการเงิน รวมถึงการฉีดวัคซีนที่คืบหน้าไปมาก และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว
ที่มา : https://thestandard.co/gdp-growth-of-thailand-this-year-to-0-6per/
เศรษฐกิจเวียดนาม ตามแรงกดดันเงินเฟ้อ
สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) รายงานว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.88% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากกำลังซื้อที่ตกต่ำจากผลกระทบของโควิด-19 โดยทางดร. Nguyen Duc Do รองผู้อำนวยการสถาบันการเงินและเศรษฐกิจ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปีนี้น่าจะอยู่ที่ราว 2% ราคาอาหารปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้ง เมื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างสมบูรณ์ ราคาอาหารจะปรับตัวลดลงอีกครั้ง ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ของประชาชนลดลงและเมื่อกำลังซื้อต่ำ ราคาดังกล่าวจะไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ นอกจากนี้ ดร. Pham The Anh มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่าดัชนี CPI ที่อยู่ในระดับต่ำ สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่แย่จากการได้รับผลกระทบของโควิด-19
ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/national-economy-under-inflationary-pressure-900562.vov
ยอดค้าเวียดนามกับเอเชีย ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แตะ 313 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เอเชียคงเป็นคู่ค้าสำคัญของเวียดนาม ตามตัวเลขสถิติของกรมศุลกากรเวียดนามการค้า พบว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมกันทั้งสิ้น 313 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แบ่งเป็นการส่งออก 115.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14% และการนำเข้า 197.77 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.7% เวียดนามขาดดุลการค้ามากกว่า 82 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามไปยังตลาดภูมิภาค ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์ สินค้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเหล็กกล้า วัตถุดิบสำหรับเสื้อผ้าและสิ่งทอ เครื่องจักรและอะไหล่ เป็นต้น โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในเอเชีย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 119.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเกาหลีใต้ อาเซียนและญี่ปุ่น 56.39, 50.97 และ 30.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ
“ราคาข้าวในประเทศดิ่ง” จากการบริโภคที่หดตัวลง
สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) เผย ราคาข้าวทั้งคุณภาพสูงและช้าวคุณภาพต่ำในประเทศลดลงเล็กน้อย ในตอนนี้ ข้าวหอม “Pearl Paw San” ราคาอยู่ที่ 47,000 จัตต่อถุง ลดลงเหลือ 46,000 จัตต่อ ในทำนองเดียวกัน ราคาข้าว. “Kyarpyan” อยู่ในช่วง 49,000-50,000 จัตต่อถุง ขยับลดลงเหลือ 47,500-48,000 จัตต่อถุง ในทำนองเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวคุณภาพต่ำตั้งไว้ที่ 26,500 จัตต่อถุง แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 25,000 จัตต่อถุง ข้าวอายุ 90 วัน ซื้อขายกันในราคา 31,000 จัตต่อถุง แต่ตอนนี้มีราคาเพียง 30,000 วอนต่อถุงเท่านั้น โดย MRF ให้ข้อมูลว่าราคาข้าวที่ลดลงน่าจะเกิดจากความต้องการบริโภคข้าวในประเทศที่ลดน้อยลง
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/domestic-rice-price-falls-slightly/#article-title
รัฐบาลกัมพูชาวางแผนออกพันธบัตรรัฐบาลในปีหน้า
รัฐบาลกัมพูชาวางแผนที่จะออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกเพื่อระดมทุนสนับสนุนโครงการลงทุนสาธารณะ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพของประเทศ ซึ่งการออกพันธบัตรรัฐบาลถือเป็นส่วนหนึ่งของการลดปริมาณเงินกู้จากต่างประเทศลง โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศมากกว่า เพื่อนำมาสนับสนุนโครงการลงทุนสาธารณะประมาณ 35 โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ชลประทาน โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงระบุเสริมว่าการออกพันธบัตรถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ รวมถึงในปัจจุบันปริมาณหนี้สาธารณะของกัมพูชายังคงอยู่ในระดับต่ำอีกด้วย