‘เวียดนาม’ ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือ หนุนยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน

สำนักงานบริหารเดินเรือเวียดนาม เปิดเผยว่าภาคการเดินเรือของประเทศ มีทิศทางการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 ด้วยปริมาณขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือ 864.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 14% ในขณะที่ปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ยังคงเติบโตได้ดี อยู่ที่ 29.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 21% รวมถึงจำนวนเรือที่ผ่านท่าเรือ 102,670 คัน เพิ่มขึ้น 2% โดยตัวเลขเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงอุตสาหกรรมการเดินเรือของประเทศที่ฟื้นตัว

ทั้งนี้ นาย Nguyen Canh Tinh ผู้อำนวยการ VIETNAM Maritime (VIMC) ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้นของขนาดเรือและปริมาณขนส่งสินค้า ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานทางทะเลไม่สามารถรองรับได้ จึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะประเด็นเร่งด่วน คือ การขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือ เพื่อรองรับเรือขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดี สำนักงานบริหารการเดินเรือ มีปัญหาการขาดแคลนเงินทุนในการพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยหวังว่านายกรัฐมนตรีจะอนุมัติโครงการนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-seaports-need-investment-to-enhance-competitiveness-post310023.vnp

‘เวียดนาม’ ชี้ยังมีโอกาสส่งออกเหล็ก-อลูมิเนียม ไปสหรัฐฯ แม้เผชิญภาษีนำเข้า

คุณ Đỗ Ngọc Hưng ที่ปรึกษาทางการค้า และผู้อำนวยการสำนักงานการค้าเวียดนาม ประจำสหรัฐฯ กล่าวว่าถึงแม้สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม 25% แต่การส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมของเวียดนามยังคงมีศักยภาพในการเติบโตเชิงบวกและมีความพร้อมในการปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯ ยังไม่สามารถตอบสนองกับความต้องการเหล็กในประเทศได้อย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่จะให้เวียดนามส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมไปยังตลาดได้ ในขณะเดียวกัน คุณภาพและราคาเหล็กและอลูมิเนียมของเวียดนาม ได้รับการยอมรับ

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการ มองว่าการขึ้นภาษีศุลกากรดังกล่าว มีผลกระทบน้อยมาก และจากข้อมูลของสมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) ระบุว่าเวียดนามส่งออกเหล็กและเหล็กกล้าในปี 2567 ประมาณ 12.6 ล้านคน ทำรายได้ราว 9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนาม คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 13% รองจากอาเซียน 26% และสหภาพยุโรป 23%

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1692289/viet-nam-still-has-a-chance-to-export-steel-and-aluminium-to-us-despite-tariffs.html

‘เวียดนาม-สปป.ลาว’ จับมือส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นการลงทุน

นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในกรุงเวียงจันทร์ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. โดยมีนักธุรกิจชาวเวียดนามและต่างชาติจากประเทศต่างๆ รวมถึงนายเหงียน ฮ่อง ฮิว (Nguyen Hong Hue) ประธานของสมาคมธุรกิจเวียดนามในต่างประเทศ (BAOOV) และนายเหงียน ดึ๊ก ทัม เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสปป.ลาว เข้าร่วมในครั้งนี้ โดยการประชุมครั้งนี้ นายเหงียน ฮ่อง ฮิว ได้กล่าวสรุปกิจกรรมของสมาคมและแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกจากการสัมมนาที่เกี่ยวกับการลงทุน โอกาสทางธุรกิจในสปป.ลาว ในขณะเดียวกัน หวังว่าการร่วมมือในครั้งนี้ รัฐบาลสปป.ลาว จะช่วยอำนวยความสะดวกในการลงทุน โดยเฉพาะภาคส่วนสำคัญต่างๆ เช่น พลังงาน การขุดเหมืองแร่ การศึกษา การให้บริการดูแลสุขภาพ และการเกษตรไฮเทค เป็นต้น

ทั้งนี้ นายสอนไซ สีพันดอน กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่าสปป.ลาว ให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน ขณะเดียวกัน สปป.ลาว ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าดึงดูดสำหรับธุรกิจเวียดนามและธุรกิจต่างชาติ แม้ว่าสปป.ลาว จะเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่ก็เป็นศูนย์กลางการขนส่งสำคัญที่เชื่อมโยงเวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-enhances-business-connection-for-investment-in-laos-post1154960.vov

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าปี 68 รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 23 ล้านคน หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว

เวียดนามตั้งเป้าปี 2568 ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ 22-23 ล้านคน ถึงแม้ว่าตัวเลขของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ตั้งไว้อยู่ในระดับสูงมาก แต่เป้าหมายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเวียดนามที่จะผลักดันภาคการท่องเที่ยวให้เป็นเสาหลักเศรษฐกิจของประเทศ โดยปัจจุบันเวียดนามอยู่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ แซงหน้าสิงคโปร์ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16.5 ล้านคน และตามหลังไทยและมาเลเซีย 35 ล้านคน และ 24.5 ล้านคน อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญ มองว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลากประการ ได้แก่ ภัยธรรมชาติต่างๆ และน้ำท่วม ซึ่งเป็นการขัดขวางการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเวียดนาม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/society/1692153/viet-nam-looks-to-welcome-23-million-foreign-visitors-this-year-in-tourism-push.html

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้า GDP ปี 68 เติบโต 8%

นายเหงียน ชี ดุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผน และการลงทุน (MPI) กล่าวในรัฐสภาว่าเวียดนามจะปรับเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2568 ขยายตัว 8% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6.5-7% ตามมาด้วยการนำเข้าและการส่งออก ขยายตัว 12% และประมาณการณ์เกินดุลการค้าราว 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย ในขณะที่การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ คาดว่าจะอยู่ที่ 28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อในระดับเหมาะสมและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-says-revise-up-2025-gdp-growth-target-80-65-70-4932431

‘เวียดนาม’ ทำสถิติรับนักท่องเที่ยว ม.ค. ทะลุ 2.1 ล้านคน โต 36.9%

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเวียดนามในเดือนมกราคม 2568 มีจำนวนราว 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และ 36.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ทำลายสถิติใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเวียดนามที่ทำไว้ในเดือนมกราคม 2563 ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมารั้งอันดับหนึ่งในตลาดการท่องเที่ยวเวียดนาม ด้วยจำนวน 575,000 คน คิดเป็น 27.7% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมที่เดินทางมาเยือนเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ กัมพูชา สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย มาเลเซีย และไทย นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือนมกราคม 2568 ขยายตัวได้ดี สาเหตุมาจากการเติบโตของตลาดขนาดใหญ่ ได้แก่ จีน เพิ่มขึ้น 137.4%YoY ตามมาด้วยกัมพูชา (+168.6%) และสหรัฐอเมริกา (+22.3%) เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamtourism.gov.vn/en/post/20824

‘เวียดนาม-สหรัฐ’ ยอดการค้า ม.ค. พุ่งเกิน 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าการค้าระหว่างประเทศเวียดนามและสหรัฐอเมริกา เดือนมกราคม 2568 มูลค่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกมีมูลค่า 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การนำเข้ามีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าราว 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน (YoY)

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญการค้า กล่าวว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดสำคัญของผู้ประกอบการเวียดนามที่ต้องการขยายธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ซึ่งในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ มองว่าเวียดนามเป็นผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ

ในขณะที่สำนักงานการค้าเวียดนาม ประจำสหรัฐฯ แนะนำให้ธุรกิจเวียดนามประสานความร่วมมือกับผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ รวมถึงนำกลยุทธ์การลดความเสี่ยงมาปรับใช้ และปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-us-trade-tops-11-billion-usd-in-january-post144039.html

กรมแผนการขนส่งเร่งรัดให้การออกใบอนุญาตผู้ประกอบการภายในประเทศง่ายขึ้น

กรมการขนส่งภายใต้กระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร แจ้งว่ากระบวนการต่ออายุและแก้ไขใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศจะเป็นแบบดิจิทัล โดยจะเริ่มทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 ที่สำนักงานต่างๆ ในภูมิภาคย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ โดย กรมฯ กำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนกระบวนการออกใบอนุญาตให้เป็นแบบดิจิทัลสำหรับใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศที่ออกภายใต้กฎหมายการดำเนินการขนส่งทางถนน พ.ศ. 2559 เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการและปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน นอกจากนี้ กรมจะให้บริการเต็มรูปแบบโดยใช้ระบบดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 โดยขอให้ผู้ประกอบการขนส่งให้ความร่วมมือในเรื่องนี้ บุคคลทั่วไปสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.dotp.gov.mm  อย่างไรก็ดี ภายใต้การอนุมัติจากการประชุมครั้งที่ 6/2024 ของรัฐบาลกลาง U Thint Myat Thu อธิบดีกรมและ U Tun Tun Win ซีอีโอของ Secure Link Co. Ltd. ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อดำเนินการออกใบอนุญาตโดยอัตโนมัติเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2024 ณ ห้องประชุมของกรมฯ ในเนปิดอว์ ตามข้อตกลงดังกล่าว กระบวนการต่ออายุและแก้ไขใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศในรูปแบบดิจิทัลจะเริ่มดำเนินการในสำนักงานต่างๆ ในภูมิภาคย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ภายในหกเดือนหลังจากสร้างระบบเสร็จ ขั้นที่สอง ได้แก่ การออกใบอนุญาตผู้ประกอบการในประเทศผ่านทางเว็บไซต์ เว็บพอร์ทัล และมือถือ (iOS/Android) ในทุกสำนักงานในภูมิภาคและรัฐต่างๆ ซึ่งภายในหกเดือนข้างหน้า ประชาชนสามารถรับบริการออกใบอนุญาตออนไลน์ของกรมได้

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/transport-planning-dept-to-simplify-domestic-operator-licensing/#article-title

‘เวียดนาม’ เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.4%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) ของเวียดนาม เดือนมกราคม 2568 ลดลง 9.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) โดยเมื่อพิจารณาสาขาการผลิตภาคอุตสาหกรรม เห็นได้ว่าการผลิตและแปรรูป ขยายตัว 1.6%YoY ตามมาด้วยการผลิตและการจำหน่ายไฟฟ้า ขยายตัว 0.4% การประปา การจัดการขยะและการบำบัดน้ำเสีย ขยายตัว 9.2% ในขณะที่ภาคการเหมืองแร่ ลดลง 10.4%

ทั้งนี้ การผลิตอุตสาหกรรมหลักของประเทศในเดือนมกราคม พบว่าการผลิตยานยนต์ เพิ่มขึ้น 33.8% ขณะที่การผลิตเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มขึ้น 10.6% และการผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 10.3% การผลิตอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และการผลิตอาหาร เติบโตเล็กน้อยที่ 3.8% และ 2.1% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การผลิตยา ปรับตัวลดลง 29.1% การทำเหมืองถ่านหิน 20.1% และการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า 11.5%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-industrial-production-inches-up-04-in-january-post309588.vnp

ธนาคารกลางเมียนมา อัดฉีดเงิน 23 ล้านเหรียญเข้าสู่ภาคส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ประกาศเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจะอัดฉีดเงิน 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าสู่ภาคส่วนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเมียนมา ขายเงิน 490,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 500,000 หยวน มากกว่าเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 105,900 หยวน และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 500,000 หยวน สำหรับในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมาธนาคารกลางเมียนมา อัดฉีดเงิน 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 13.8 ล้านบาท และ 4.8 ล้านหยวน เข้าสู่ตลาดการเงิน อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางเมียนมา มีเป้าหมายที่จะควบคุมความไม่มั่นคงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการลดค่าเงิน ตามประกาศของ ธนาคารกลางเมียนมา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 ธนาคารได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามและดำเนินคดีผู้ที่พยายามบิดเบือนตลาดสกุลเงินภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ รวมถึงอนุญาตให้ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคารเอกชน) ดำเนินการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศออนไลน์ได้อย่างอิสระตามอัตราตลาดขึ้นอยู่กับอุปทานและอุปสงค์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2566

ที่มา : http://• https://www.gnlm.com.mm/cbm-to-pump-23m-into-fuel-oil-sector/#article-title