การส่งออกจากภาคการผลิตทะลุ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 10 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผยว่า มูลค่าการส่งออกจากภาคการผลิตมีมูลค่าถึง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว มีรายได้ 9.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วบ่งชี้ว่าลดลงอย่างมากที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ อย่างไรก็ดี เมียนมาได้ดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อสนับสนุนการส่งออก ภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ประกอบด้วยการผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคส่วนของผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/exports-from-manufacturing-sector-cross-us7-6-bln-in-10-months/#article-title

‘สปป.ลาว เตรียมจัดทำสำมะโนดิจิทัลครั้งแรก’ ในปี 2568

รัฐบาล สปป.ลาว และองค์กรระหว่างประเทศ กำลังเตรียมการสำหรับสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะ (PHC) ครั้งที่ 5 ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นการสำรวจสำมะโนดิจิทัลครั้งแรกในประเทศลาว จากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งก่อนในปี 2558 สปป.ลาว มีประชากรประมาณ 6.5 ล้านคน โดยการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งใหม่นี้ มีเป้าหมายที่จะรวบรวมข้อมูลคุณภาพสูงที่จำเป็นสำหรับการวางแผนการพัฒนาประเทศ โดยกระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) ของ สปป.ลาว ร่วมกับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ได้จัดการประชุมปรึกษาหารือ เพื่อระดมการสนับสนุนและทรัพยากรสำหรับการดำเนินการตามการสำรวจสำมะโนประชากร ทั้งนี้ การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งที่ 5 วางแผนที่จะครอบคลุมประชากรประมาณ 1.4 ล้านครัวเรือนใน 18 แขวง ให้แล้วเสร็จภายในสามสัปดาห์ โดยใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต การสัมภาษณ์บุคคลโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (CAPI) ซึ่งผู้สัมภาษณ์ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการรวบรวมข้อมูลแบบเห็นหน้ากัน และระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เทคโนโลยี (GIS) สำหรับการจัดเก็บ การแสดงภาพ การวิเคราะห์ และการตีความข้อมูลทางภูมิศาสตร์

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/13/71134/

รัฐบาล สปป.ลาว จับตานักท่องเที่ยว 6.2 ล้านคน ใช้จ่ายมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2567

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว​ กล่าวในระหว่างการประชุมเพื่อรายงานสรุปงานประจำปี 2566 ของกระทรวง และแผนปี 2567 โดยรับบาล สปป.ลาว คาดหวังว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติมากกว่า 6.2 ล้านคน เดินทางท่องเที่ยวในประเทศลาวตลอดทั้งปี 2567 โดยคาดการณ์รายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ใช้จ่ายเป็นค่าทัวร์ ที่พักแรม อาหาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ในจำนวนนี้คาดว่านักท่องเที่ยวจะเป็นชาวลาวมากกว่า 2.2 ล้านคน ใช้จ่ายประมาณ 368 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่นักท่องเที่ยวเกือบ 4 ล้านคน จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและจะใช้จ่ายเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_31_Govt_eyes_y24.php

กัมพูชาส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 25% สำหรับในช่วงเดือน ม.ค. 2024

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) รายงานการส่งออกข้าวของกัมพูชาในช่วงเดือน ม.ค. 2024 ที่ปริมาณข้าวสารรวม 46,221 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 32.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในแง่ของมูลค่าการส่งออก โดยส่งออกไปยัง 42 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดในช่วงเดือน ม.ค. ด้วยปริมาณ 25,005 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 54 ของการส่งออกข้าวสารทั้งหมด ตามมาด้วยประเทศในกลุ่มอาเซียนปริมาณรวม 11,999 ตัน ขณะที่การนำเข้าของจีนรวมอยู่ที่ 5,171 ตัน โดยข้าวที่ได้รับความนิยมในตลาดสากลของกัมพูชา ได้แก่ ข้าวหอม ข้าวอินทรีย์ ข้าวขาว ข้าวนึ่ง และข้าวจาโปนิกา ด้านนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต ได้เสนอกลยุทธ์ในการผลักดันอุตสาหกรรมการเกษตร ด้วยการปรับปรุงตลาด การขยายตลาดใหม่ ผ่านข้อตกลงการค้าเสรี และการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคอยติดตามระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำและระบบชลประทานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าเกษตรกรจะทำเกษตรกรรมได้ต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501438196/rice-exports-up-25-percent-in-january/

EXIM Bank ร่วม CCC ผลักดันการค้าการลงทุนระหว่าง ไทย-กัมพูชา

ความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชา คาดว่าจะได้รับการส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง EXIM BANK และหอการค้ากัมพูชา (CCC) เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ร่วมกับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของบันทึกความเข้าใจคือการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการปรึกษาหารือระหว่าง EXIM BANK และ CCC ในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาอุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่นๆ ที่มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยไทยถือเป็นคู่ค้าสำคัญของกัมพูชา ควบคู่ไปกับจีน สหรัฐฯ และเวียดนาม สำหรับในปี 2022 โดยปริมาณการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ทะลุ 8 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นการส่งออกของไทยไปยังกัมพูชามูลค่า 6.4 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่การนำเข้าจากกัมพูชามีมูลค่ารวม 1.6 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501437767/partnership-between-exim-thailand-and-ccc-to-drive-thai-cambodian-trade-and-investment/

‘แคนาดา’ เปิดประตูสู่ธุรกิจเวียดนามในตลาดโลก

แคนาดาเป็นตลาดที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะผลักดันธุรกิจเวียดนามในการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งการเติบโตของด้านเทคโนโลยี การเงิน กลุ่มลูกค้าและเครือข่ายโลจิสติกส์ในสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันจากข้อได้เปรียบของข้อตกลงการค้าเสรีและคุณภาพแรงงาน ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งข้ามเอเชีย ทำให้เวียดนามสามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจแคนาดากับตลาดเอเชียได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแคนาดาในกลุ่มประเทศอาเซียน และเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับ 7 ของตลาด รองจากสหรัฐฯ และจีน เป็นต้น

นอกจากนี้ นาง Tran Thu Quynh ที่ปรึกษาเชิงพาณิชย์ของสถานทูตเวียดนามประจำประเทศแคนาดา กล่าวว่าแคนาดามีจุดแข็งที่สำคัญในด้านการพัฒนาเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูง เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ชีวการแพทย์ และวัตถุดิบที่นำเข้าจากเวียดนาม อาทิ แร่ธาตุ พลาสติก ไม้ น้ำมัน ธัญพืชและปุ๋ย เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1650430/canada-a-gateway-for-vietnamese-businesses-going-global.html

‘เวียดนาม’ คาดเม็ดเงินทุนไหลเข้า FDI เติบโตต่อเนื่องปี 2567

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ เปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 20 ม.ค. พบว่าเวียดนามดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 2.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีโครงการใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียนสูงถึง 190 โครงการ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.2% และ 66.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ นาย Michael Kokalari ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคและการวิจัยตลาดของ VinaCapital ประเมินว่าในปี 2567 เวียดนามยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและยังคงสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่นที่เห็นโอกาสในการร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศ อาทิ การลงทุนในภาคอสังหาฯ การผลิตและการค้าปลีก ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BCI) ของหอการค้ายุโรป เปิดเผยผลการสำรวจ ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจ 31% มองว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนระดับโลก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-fdi-forecast-to-remain-strong-through-2024/279260.vnp

สปป.ลาว-ลักเซมเบิร์ก เสริมสร้างความร่วมมือในหลายมิติ

รัฐบาล สปป.ลาว และลักเซมเบิร์ก ย้ำความสัมพันธ์ในการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านมิติที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เช่น สุขภาพและโภชนาการ การพัฒนาท้องถิ่น การพัฒนาทักษะและการจ้างงาน หลักธรรมาภิบาล การเข้าถึงความยุติธรรม และหลักนิติธรรม โดยทั้งสองประเทศร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการหุ้นส่วนทวิภาคี ครั้งที่ 15 ที่เวียงจันทน์ การประชุมดังกล่าวมีรัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของ สปป.ลาว นายคำเจน วงศ์โพซี เป็นประธานในการประชุม และ Xavier Bettel รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าต่างประเทศของลักเซมเบิร์ก คณะผู้แทนทั้งสองประเทศได้ทบทวนความคืบหน้าของการดำเนินโครงการภายใต้โครงการความร่วมมือฉบับที่ 5 ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2566-2570 ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือระดับทวิภาคี พหุภาคี และภาคประชาสังคมของทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_30_LaosLuxembourg_y24.php