เศรษฐกิจปีหน้าจะโต 4% ต้องทำอะไรอีกมาก

ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2564 จะออกมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และทำให้หลายฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจไทยพ้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ติดลบ 12.1% แล้วก็ตาม แต่เมื่อเข้าสู่เดือนแรกของไตรมาส 4 ปี 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่าเศรษฐกิจไทยช่วงเวลาดังกล่าวยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชน ยกเว้นการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวระหว่าง 3.5-4.5% มีค่ากลางอยู่ที่ 4.0% โดยปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ 100% ว่าจะไม่เกิดการระบาดวงกว้างรอบ 2 จนถึงระดับที่จะต้องประกาศล็อกดาวน์อีกหรือไม่ แน่นอนว่าถ้าถึงระดับดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2564 อย่างแน่นอน นอกจากนี้ การส่งออกที่มีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจไทยสูงก็ยังต้องขึ้นกับการฟื้นตัวของการค้าโลกในปี 2564 ด้วย ซึ่งต้องส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศและกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญ ในขณะที่การท่องเที่ยวและธุรกิจบริการในระยะยาวอาจต้องลดการพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวและเปลี่ยนมาพึ่งการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูง

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/911383

เอสแอนด์พี โกลบอล คาดเศรษฐกิจเวียดนามโตสูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ปี 64 โต 10.9%

เวียดนามจะกลับมาบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีหน้า คาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 10.9 นับว่าสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ นาย Vishrut Rana นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P) กล่าวว่าถึงว่าแม้มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัววัคซันในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ส่งผลไปในทิศทางที่เป็นบวกแก่กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก แต่เวียดนามก็ยังคงเป็นประเทศที่ขยายตัวได้ดีกว่าในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจ ด้วยสัดส่วนร้อยละ 6 ของ GDP และคาดว่าจะเผชิญกับความท้าทายในปีหน้า ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนนั้น จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติเร็วๆนี้ แต่การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวยังคงหดตัวลงอยู่ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม เนื่องมาจากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 2.5-3 ในปีนี้ และจะพุ่งขึ้นร้อยละ 6 ในปี 2564

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-gdp-to-record-highest-growth-in-asia-pacific-at-109-in-2021-sp-315173.html

ราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม ปรับตัวพุ่งแตะ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

หน่วยงานด้านการแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวทั้งหมด 5.74 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแง่ของปริมาณ ลดลงร้อยละ 2.2 ในขณะที่ ด้านมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด มีสัดส่วน 32.9% ของส่วนแบ่งการตลาดรวม ตามมาด้วยอินโดนีเซียและจีน อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวขาว 5% ในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 495 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 498 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ ราคาข้าวขาว 5% ของไทย พุ่งสูงขึ้นจาก 466 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 480 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ส่งผลให้การส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสหภาพยุโรปให้โควต้าสำหรับข้าวของเวียดนาม 80,000 ตันต่อปี ด้วยอัตราภาษีร้อยละ 0

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/rice-export-price-soars-to-roughly-us500-per-tonne-822735.vov

รัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในอีก 5 ปีข้างหน้า

รัฐบาลมีแผนที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจโดยกรอบของแผนจะเริ่มในปี 2564-2568 และแผนดังกล่าวรัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโตอย่างยั่งยืน มีการกำหนดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 4-5 ต่อปีเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2564-2568 ขณะที่ระดับอัตราเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน Mr.Sonexay Siphandone กล่าวว่า “มีเป้าหมายหลายประการที่จะบรรลุในอีกห้าปีข้างหน้าและยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเพิ่มรายได้ของประเทศและการลดการรั่วไหลทางการเงิน” อีกด้านหนึ่งการปรับปรุงโครงสร้างของเศรษฐกิจโดยให้ความสำคัญกับ SMEs และการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวระเบียงเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจที่สำคัญของสปป.ลาว อย่างไรก็ตามความท้าทายอย่างหนึ่งของสปป.ลาวคือภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ผันผวนปัจจัยนี้เองจะเป็นอุปสรรคที่ท้าทายต่อเศรษฐกิจของสปป.ลาวในการเติบโตให้ได้ตามเป้าในอีก5 ปีข้างหน้า

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_239.php

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในช่วง 10 เดือน

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งตัวเลขรายงานโดยสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2020 กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐฯมีมูลค่าอยู่ที่ราว 5.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ในขณะเดียวกันการนำเข้าของกัมพูชาจากสหรัฐฯมีมูลค่าอยู่ที่ 269 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงกว่าร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของกัมพูชาไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า สินค้าด้านการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตร ในขณะที่สินค้านำเข้าหลักจากสหรัฐฯ ได้แก่ ยานพาหนะ อาหารสัตว์ และเครื่องจักร ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50790716/cambodia-u-s-trade-increases-by-16-percent-in-first-10-months/

กัมพูชาคาดโซล่าฟาร์ม 3 แห่ง จะช่วยเสริมปริมาณพลังงานสู่กริดในต้นปีหน้า

สถานีพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง จะเริ่มสร้างพลังงานและเชื่อมโยงกับกริดแห่งชาติในต้นปีหน้า เนื่องจากขณะนี้โครงการยังไม่แล้วเสร็จ โดยในปัจจุบันโครงการดำเนินไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งโครงการก่อสร้างโซล่าฟาร์มทั้งสามโครงการเพิ่งได้รับการอนุมัติในการก่อสร้างเมื่อปีที่แล้ว โดยอธิบดีด้านพลังงานและโฆษกกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกล่าวว่านักลงทุนกระตือรือร้นที่จะก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้เพื่อสร้างพลังงานให้กับกริดแห่งชาติ ซึ่งทั้งสามโครงการถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 20 เมกะวัตต์ ที่ลงทุนโดย บริษัท Green Sustainable Ventures Co., Ltd. ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบาเว็ตจังหวัดสวายเรียง ส่วนโรงผลิตที่สองมีขนาด 30 เมกะวัตต์ตั้งอยู่ในจังหวัดบันเตียเมียนเจยลงทุนโดย Ray Power Supply Co,. Ltd. และโรงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามขนาด 60 เมกะวัตต์ในจังหวัดพระตะบองลงทุนโดย Risen Energy Co., Ltd.

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50790719/three-solar-stations-set-to-generate-power-earlier-next-year/

อพาร์ทเมนท์ราคาประหยัดพร้อมรุกตลาดในเมียนมา

กรมพัฒนาที่อยู่อาศัยในเมือง (DUHD) ภายใต้กระทรวงการก่อสร้างจะเสนอพาร์ทเมนท์ราคาประหยัด 388 ห้องภายในเดือนธันวาคม 63 นี้ สำหรับประชาชนราว 4,710 คน ที่มีเงินออมมากกว่า 3 ล้านจัต ณ เดือนกันยายน 63 จะมีโอกาสสมัครสินเชื่อช่วยเหลือโดยตรง (ODA)  และต้องมีบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐาน (CHID bank ) โดยการลงทะเบียนออนไลน์จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 11 ธันวาคม 63  ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดต่อ ได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของ DUHD สำหรับผู้ซื้อที่มีสิทธิ์สามารถลุ้นผลการจับสลากบนเฟสบุ๊คแฟนเพจ CHID bank และ DUHD จากผู้มีสิทธิ์ราว  2,000  คนจากการกู้เงินของ ODA และมีผู้จำนองทั้งหมด 5,041 คนจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม การชำระเงินรายเดือนจะมีตั้งแต่ 50,000 จัต ถึง K 100,000 จัต

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/low-cost-housing-units-set-hit-market.html