‘รถไฟความเร็วสูงเชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์’ คาดว่าจสร้างแล้วเสร็จในปี 2571

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงสายหนองคาย-เวียงจันทน์ (HSR) เชื่อมโยงการค้าไทย-จีน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 ภายใต้มูลค่าลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท มีระยะทาง 7.3 กิโลเมตร ซึ่งจะเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และออกแบบโครงการขั้นสุดท้ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2567 ตามด้วยการประมูลก่อสร้างที่มีกำหนดการเริ่มเปิดประมูลในปี 2568 ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จะมีระยะทางครอบคลุม 606 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ถึงหนองคาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการระยะแรก ซึ่งตั้งเป้าที่จะวางเส้นทาง 253 กิโลเมตรระหว่างกรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา มูลค่าลงทุนกว่า 1.79 แสนล้านบาท ปัจจุบันเสร็จสมบูรณ์ 28.6% ซึ่งความล่าช้าที่เกิดจากปัญหาการเวนคืนที่ดินได้ขัดขวางความคืบหน้าในการก่อสร้าง กระทบต่อลำดับเวลาของโครงการ ซึ่งตามหลักการแล้วควรจะอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตาม การศึกษาความเป็นไปได้สำหรับส่วนเชื่อมต่อนครราชสีมาถึงหนองคายได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว กระทรวงฯ รอการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจาก รฟท. เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนต่างๆ เหล่านี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างประเทศไทยและจีน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/15/high-speed-rail-linking-nong-khai-vientiane-expected-to-complete-in-2028/

สปป.ลาว-จีน ‘เล็งขยายทางด่วนเวียงจันทน์ถึงมณฑลยูนนาน’ เชื่อมการค้าและการลงทุน

นายหวัง ห่าว รองผู้ว่าการมณฑลยูนนานของจีนได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของ สปป.ลาว และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุนโครงการความร่วมมือขยายทางด่วนจากนครหลวงเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ถึงชายแดนมณฑลยูนนานของจีน จากเดิมที่มีทางด่วนเฟสที่ 1 เชื่อมระหว่างเวียงจันทน์กับวังเวียงที่เปิดให้ใช้งานมาตั้งแต่ปลายปี 2563 นอกจากนี้ สปป.ลาว ได้ขอให้ทางการจีนให้ความช่วยเหลือในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาและการจัดการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน หลังจากการค้าชายแดนระหว่าง สปป.ลาวและมณฑลยูนนานมีการเติบโตอย่างมาก จนถึงขณะนี้ มีบริษัทข้ามชาติจากมณฑลยูนนานมาลงทุนในลาวแล้วกว่า 297 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวม 4.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสองฝ่ายยกย่องความสำคัญของทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งเชื่อมโยงมณฑลยูนนานกับเมืองหลวงของลาวที่มีส่วนในการสนับสนุนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_244LaosChina_23.php

ผลสำรวจเจโทร ชี้ธุรกิจญี่ปุ่นในเวียดนามทำกำไร ปี 2566

จากการสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ในปี 2566 เปิดเผยว่าธุรกิจญี่ปุ่นในเวียดนามส่วนใหญ่เกินกว่า 50% มีผลกำไรในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียนที่ 6.6% และในกลุ่มตัวอย่างราว 32% ระบุกำไรหรือผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่าปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจกำไรได้ในปีนี้ เนื่องมาจากความต้องการการผลิตไปยังตลาดส่งออกมีมากขึ้น และความต้องการภาคบริการของตลาดในประเทศดีขึ้น

นอกจากนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพและการลดต้นทุน ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในปีนี้

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20231216/over-half-of-japanese-companies-in-vietnam-report-2023-profits-survey/77290.html

‘กรมศุลกากร’ เผย 11 เดือน เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทยมากที่สุด

จากรายงานทางสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าไทยขายรถยนต์ให้กับเวียดนาม จำนวนทั้งสิ้น 50,144 คัน มูลค่ามากกว่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 18% และ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รองลงมาอินโดนีเซียและจีนที่เป็นซัพพลายเออร์รถยนต์รายใหญ่อันดับที่ 2 และ 3 โดยมียอดขายรถยนต์ 40,474 คัน และ 9,843 คัน ลดลง 36.7% และ 39% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในเดือนพฤศจิกายน 2566 พบว่าเพียงเดือนเดียว เวียดนามนำเข้ารถยนต์ 7,508 คัน มูลค่า 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นปริมาณลดลง 21.9% และมูลค่าลดลง 24.3%

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-imports-most-cars-from-thailand-over-11-months-2227668.html

คณะผู้แทนเมียนมาร์เข้าร่วมงานเปิดตัวศูนย์ US-ASEAN ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

กระทรวงการต่างประเทศเมียนมร์รายงานว่า คณะผู้แทนเมียนมาร์เข้าร่วมพิธีเปิดศูนย์ US-ASEAN ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งจัดขึ้นที่สาขา Washington School ของมหาวิทยาลัย American Arizona เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม โดยมีเอกอัครราชทูตจากสถานทูตอาเซียน อุปทูต และรัฐมนตรีสถานทูตเมียนมาร์ในกรุงวอชิงตัน U Thet Win พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ยังเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างไรก็ดี ศูนย์สหรัฐฯ-อาเซียนมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกา โดยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรเอกชน มหาวิทยาลัยแอริโซนา ซึ่งเป็นเจ้าภาพศูนย์ฯ มีประวัติความร่วมมือกับประเทศอาเซียนในโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยยังมีส่วนร่วมกับ United States Agency for International Development (USAID) และอุตสาหกรรมของอเมริกา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-delegation-participates-in-us-asean-centre-launch-in-washington-dc/

การตรวจสอบคลังน้ำมันที่ท่าเรือติลาวา และร้านค้าน้ำมันในย่างกุ้ง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้า จัดเก็บ และจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง U Thant Sin เข้าเยี่ยมชมสถานีจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงที่ท่าเรือติละวา เมือง Thanlyin ในเขตย่างกุ้ง ทั้งนี้ ยังพิจารณาสภาพการทำงานของระบบในการนำเข้าเชื้อเพลิงโดยเรือบรรทุกน้ำมันจากต่างประเทศ เงื่อนไขการรับเชื้อเพลิงที่ถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง และการกระจายเชื้อเพลิงโดยผู้ให้บริการขนส่งไปยังรัฐและภูมิภาค อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ สั่งการให้บริษัทที่นำเข้า จัดเก็บ และจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ดำเนินกิจกรรมรักษาความปลอดภัยตามสถานีจัดเก็บ ท่าเรือ และท่าเทียบเรือ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีน้ำมันรั่วไหลระหว่างการขนถ่ายและสามารถรักษาและกระจายคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงได้จากเจ้าหน้าที่ทุกระดับ เพื่อเปลี่ยนผ่านจากระบบสกัดลูกลอยแบบแมนนวลสำหรับรถหัวจ่าย ไปสู่การสกัดลูกลอยแบบออนไลน์ รวมถึง ติดตั้งและใช้ระบบซอฟต์แวร์เพื่อควบคุมและติดตามสถานะการซื้อและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ร้านค้าน้ำมันเชื้อเพลิงควรใส่ใจเพื่อให้สามารถจำหน่ายและขายสินค้าตามคุณภาพและความต้องการด้วยบริการที่ดีแก่ประชาชน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/fuel-storage-at-thilawa-port-fuel-stores-in-yangon-inspected/

“ทุเรียนเวียดนาม” มาแรง จีนนำเข้าพุ่ง 5.4 หมื่นล้าน คู่แข่งสำคัญ”ทุเรียนไทย”

ข้อมูลจากศุลกากรหนานหนิงระบุว่า มูลค่าสินค้านำเข้าจากเวียดนามผ่านด่านโหยวอี้กวน ช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมของปีนี้ รวมอยู่ที่ 9.14 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.47 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 271.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าผลไม้เวียดนาม 1.17 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.73 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 637.9% โดยมูลค่าการนำเข้าทุเรียนรวมอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.43 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่า 3,084% ทั้งนี้ ทุเรียนเวียดนามมีฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่า และราคาถูกกว่าได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีนภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในปี 2022 โดยปัจจุบันจีนกลายเป็นตลาดส่งออกทุเรียนแห่งหลักของเวียดนาม

ที่มา : https://www.prachachat.net/world-news/news-1459289