การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก

ภาคอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชามีการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรก โดยมีการดูดซับตลาดที่แข็งแกร่งสำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมตามรายงานล่าสุดจากการประเมินของ VTrust ซึ่งการปรับปรุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงพนมเปญในช่วงครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรกว่า 13,900 ยูนิตจาก 82 โครงการและกำลังดำเนินการก่อสร้างถึง 4,600 แห่ง โดยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการประเมิน VTrust กล่าวว่าอัตราการดูดซับตลาดที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพของภาคธุรกิจ ซึ่งอุปทานใหม่ในกรุงพนมเปญมีมากกว่า 147,000 ตารางเมตร ณ เดือนมิถุนายน โดยประธานสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชากล่าวว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีกห้าปีข้างหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงพนมเปญ สีหนุวิลล์ เค็ป กัมปอต เสียมราฐ พระตะบองและเกาะกง ซึ่งการเติบโตนี้เกิดขึ้นได้จากรายได้ที่สูงขึ้นในหมู่คนท้องถิ่นการสนับสนุนของธนาคารพาณิชย์ความพยายามของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระเบียบข้อบังคับ รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50654869/real-estate-growth-robust-in-h1-vtrust/

บริษัท ญี่ปุ่นสร้างโรงงานแปรรูปมะม่วงหิมพานต์ในกัมพูชา

บริษัท ท็อปแพลนนิ่งเจแปน จำกัด ประกาศที่จะสร้างโรงงานในประเทศกัมพูชาเพื่อแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยได้สรุปการศึกษาการลงทุนที่ดำเนินการโดยความช่วยเหลือขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และได้มีการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของกัมพูชาในกรุงพนมเปญเพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งจากการศึกษา บริษัท พบว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของกัมพูชามีรสชาติดีกว่าในประเทศเวียดนาม อินเดียและแอฟริกา ภายใต้คุณภาพสุขอนามัย มีศักยภาพที่เป็นไปได้ แต่ขาดความทันสมัยในอุตสาหกรรมการผลิตแปรรูปทาง บริษัท จึงต้องการสร้างโรงงานแปรรูปในกัมพูชาที่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล โดยตั้งใจที่จะยกระดับมาตรฐานคุณภาพในภาคการผลิตให้ไปถึงระดับสากล ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาเองกำลังพัฒนาภาคเกษตรทั้งในด้านคุณภาพ มาตรฐานบรรจุภัณฑ์และปรับปรุงอุตสาหกรรมให้ทันสมัย ตามนโยบายรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อส่งออกร้อยละ 12 ของการส่งออกภายในปี 2568 ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่ากัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 169,458 ตัน ไปกว่า 11 ประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50654880/japanese-firm-to-build-cashew-processing-plant/

สปป.ลาว, จีน ยกระดับความร่วมมือด้านไอซี

 สปป.ลาวและจีนกำลังขยายความร่วมมือในการสื่อสารข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อปูทางสำหรับการพัฒนาระบบการสื่อสารข้อมูลในสปป.ลาว ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อน “Belt and Road” ของจีนและริเริ่มการพัฒนาระบบดิจิตอลสำหรับการเชื่อมต่อในระดับภูมิภาคที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังจะกระชับความสัมพันธ์และความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างสปป.ลาวและจีน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือในการใช้ระบบข้อมูลความเร็วสูงเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดความยากจนและการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่าน “Digital Silk Road” และวางแผนที่จะยกระดับระบบดิจิตอลในสปป.ลาว ในโอกาสนี้บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำจากสปป.ลาวและจีนรวม 4 บริษัท ตกลงที่จะร่วมมือในการบำรุงรักษาและการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม โดยจุดประสงค์เพื่อยกระดับระบบโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมในสปป.สู่ระดับสากล นี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาลในการเปลี่ยนสปป.ลาวจากการที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเพื่อเชื่อมโยงทางบกภายในภูมิภาค

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-china-lift-ict-cooperation-new-heights-107095

กระทรวงสปป.ลาวเน้นข้อกังวลเกี่ยวกับข้าราชการที่“ ไม่มีอยู่จริง”

กระทรวงการต่างประเทศกำลังชี้แจงจำนวนที่แท้จริงของข้าราชการท่ามกลางความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของตำแหน่งที่เรียกว่า ” ghost ” กระบวนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการยืนยันจำนวนที่แท้จริงของข้าราชการพลเรือนในสปป.ลาว ซึ่งมีการแจกบัตรประชาชนข้าราชการ ก่อนที่จะรับบัตรเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้เข้าแถวและแสดงหลักฐานว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อในบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นบัตรเอทีเอ็มเพื่อใช้ในการถอนเงินและไม่สามารถรับบัตรแทนกันได้ การกำหนดให้ข้าราชการแต่ละคนแสดงหลักฐานว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของบัตรประจำตัวที่ออกใหม่จะช่วยให้รัฐบาลตัดสินว่าข้าราชการที่ได้รับเงินเดือนของรัฐมีอยู่จริงหรือไม่ หากพบเจอการมีอยู่ของ“ghost ” จะขอยกเลิกการจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชีธนาคาร และให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณาคดีและลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้แจกจ่ายบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ให้แก่หน่วยงานรัฐ 37 แห่ง และวางแผนที่จะแจกจ่ายบัตรให้กับหน่วยงานกลางของรัฐอีก 9 แห่งและแจกจ่ายบัตรประจำตัวให้กับข้าราชการในจังหวัดในปี 63

ที่มา:http://vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry_addresses_236.php

เวียดนามดึงดูด FDI มากกว่า 29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนปี 2562

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 29.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าว มูลค่าราว 12.38 พันล้านเหรียญฯ ใช้สำหรับโครงการใหม่ประมาณ 3,094 โครงการ และอีก 5.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใช้สำหรับโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83.6 ของมูลค่าในปีที่แล้ว โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นภาคที่ดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด รองลงมาภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ ในขณะที่ ประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ รวมไปถึงเมืองฮานอยที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด รองลงมานครโฮจิมินห์ บินห์ดอง ด่งนาย และบัคนินห์ ตามลำดับ

ที่มา :  https://english.vov.vn/economy/vietnam-attracts-over-29-billion-usd-in-fdi-in-ten-months-405251.vov

ยูนิโคล่จะได้รับกำไอย่างมากในเวียดนาม เทียบกับ HM และ Zara ได้หรือไม่

ยูนิโคล่ (Uniqlo) เล็งเห็นเวียดนามเป็นตลาดสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม แบรนด์คู่แข่งอย่าง Zera, H&M, Elise และ Hnoss จะท้าทายกับแบรนด์ระดับโลกของสัญชาติญี่ปุ่น โดยยูนิโคล่จะเริ่มตั้งร้านแห่งแรกในเวียดนาม อยู่ที่ Parkson Saigon Tourist Plaze ในย่านกลางเมืองโฮจิมินห์ และการเข้ามาทำตลาดของยูนิโคล่นั้น จะทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดผู้บริโภคที่มีอยู่กว่า 95 ล้านคน ซึ่งจากข้อมูลของ Virac, Mitra Adiperkasa (MAP) ระบุว่ากลุ่มแบรนด์ ได้แก่ Zara, Pull & Beer, Staradivarius และ Massimo Dutti ล้วนเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกแฟชั่นเวียดนาม นับว่าเวียดนามเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับสองของบริษัท รองลงมาอินโดนีเซีย นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นเวียดนามในปี 2561 มีมูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 10 ต่อปี

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/will-uniqlo-earn-big-money-in-vietnam-like-hm-and-zara-405276.vov

ฉาน สันติภาพและใบชา

ในบรรดาสินค้าเกษตรมากมายของเมียนมาใบชามีศักยภาพสูงในตลาดส่งออกเพราะเป็นพืชอินทรีย์ที่ปลูกได้เองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงกับความขัดแย้งในรัฐฉานซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลูกหลักสำหรับการเพาะปลูก หากหยุดการสู้รบการส่งออกชาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะการไม่ต้องใช้สารเคมีดังนั้นจึงมีข้อได้เปรียบมากมาย พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถขอใบรับรองได้ ตลาดส่งออกสำคัญคือจีน ซึ่งสวนชา 80 แห่งในตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มั่นคงทำให้ต้นทุนการผลิตจึงสูงกว่าในประเทศอื่น ๆ มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 8900 เฮคเตอร์ทั่วประเทศ  52 ตันถูกส่งออกไปจีน ไม่นานมานี้ผู้ปลูกชาเข้าร่วมในงาน China-ASEAN Expo ครั้งที่ 16 ซึ่งใบชาแห้งและเปียกได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก ทั้งจีนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับรองคุณภาพและถือเป็นข้อได้เปรียบของเมียนมา ปัจจุบันมีการส่งออกไปยังไต้หวัน ไทย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ แต่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็นจีน ดังนั้นสันติภาพในรัฐฉานเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับภาคการผลิตชา เมียนมาจึงต้องการความสงบสุขอย่างเร็วที่สุด

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/shan-states-peace-and-tea-leaves.html

การทำประมงที่ผิดกฎหมายต้องกำจัดให้หมดไป : รองนายกรัฐมนตรี

รองนายกรัฐมนตรี Trinh Dinh Dung ได้ตรวจสอบการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และสั่งการหน่วยงาน/กระทรวงท้องถิ่นให้รีบเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ในจังหวัดทางตอนใต้เกียนซางเวียดนาม (Kien Giang) ณ วันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในเดือนตุลาคม 2560 คณะกรรมการธิการยุโรป (EC) ประกาศให้ใบเหลือง หรือเป็นการเตือนว่าประเทศนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมง IUU ในขณะที่ เดือนกันยายนของปีนี้ มีเรือประมงที่จดทะเบียน 9,858 ลำ และได้ทำการบันทึกสถิติจับสัตว์น้ำทั้งหมด 450,593 ตัน ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.24 ของยอดเป้าหมายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการละเมิดการประมงที่ผิดกฎหมายอยู่ 52 ครั้ง ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และทางหน่วยงานรัฐฯที่เกี่ยวข้องพยายามควบคุม/ตรวจสอบการทำประมง และจัดการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/iuu-fishing-must-be-eradicated-deputy-pm/162556.vnp

เวียดนามเผยการส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปลดลงอย่างมาก

จากรายงานทางสถิติของสมาคมผู้ส่งออกอาหารทะเลและผู้ผลิตเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกกุ้งมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ การส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 20.8 นับว่าเป็นลดลงอย่างมาก เป็นผลมาจากราคากุ้งดิบลดลง ประกอบกับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ สินค้าคงเหลือสูงในตลาดหลากหลาย และการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งจากประเทศอื่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคานำเข้ากุ้งต่ำกว่าราคาในประเทศเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกกุ้งมากกว่า 61 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปสหภาพยุโรป ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ ตลาดจีน สถานการณ์มีแนวโน้มเป็นบวก ด้วยมูลค่า 382.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 ในช่วงหลายที่ที่ผ่านมา

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/shrimp-exports-to-eu-suffer-steep-decline-405144.vov

2 สัปดาห์การค้าทางทะเลเมียนมาพุ่ง 880 ล้านเหรียญสหรัฐ

รายรับจากการส่งออกทางทะเลสูงถึง 880 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปีงบประมาณ 62-63 สูงกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 11 ต.ค. ปีนี้มีรายรับ 877.283 ล้านเหรียญสหรัฐจากการค้าทางทะเลสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 859.598 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ผลิตภัณฑ์จากป่า ผลิตภัณฑ์แร่ แร่ สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป (CMP) และอื่น ๆ เพื่อลดการขาดดุลการค้ากระทรวงพาณิชย์ใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การนำแผนยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ มาตรการผ่อนคลาย การสนับสนุนภาคเอกชน รับ GSP และขยายตลาดส่งออก ในปี 61-62 คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งหมดจะสูงถึง 15.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อสิ้นปีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 17 พันล้านเหรียญสหรัฐมากกว่า 473.218 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/about-880m-earned-from-maritime-trade-in-two-week-this-fy