‘เวียดนาม’ เล็งยกระดับผลิตภาพแรงงานเติบโตเฉลี่ย 6.5% ต่อปี

สำนักข่าวเวียดนาม (Vietnam News Agency : VNA) รายงานว่าเวียดนามได้ตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับการเติบโตของผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป อยู่ที่ 6.5-7% ต่อปี ภายในปี 2573 ตามมาด้วยภาคเกษตรกรรมและภาคบริการ 7-7.5% โดยเวียดนามวางแผนที่จะเพิ่มขีดความสามารถของผลิตภาพแรงงาน และมุ่งมั่นที่จะเป็น 1 ใน 3 ประเทศชั้นนำในอาเซียนภายในปี 2573 อีกทั้ง ผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.65% ในปี 2564-2565 ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตเป้าหมาย 6.5% ต่อปี

ที่มา : https://english.news.cn/20231109/643d4fa42d6749719fb8ae7a3ea79c1d/c.html

‘GSM เปิดตัวบริการแท็กซี่ไฟฟ้าใน สปป.ลาว’ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเดินทางสีเขียวในอาเซียน

บริษัท JSC Green and Smart Mobility ของเวียดนาม (GSM) ได้เปิดตัวบริการแท็กซี่ไฟฟ้าในเวียงจันทน์ สปป.ลาว ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Xanh SM” ขยายสู่ตลาดต่างประเทศแห่งแรกถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในกลยุทธ์ “Go Green Global” ของ GSM เพื่อสร้างตัวเองในฐานะผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าระดับสากล และส่งเสริมการนำยานยนต์สีเขียวมาใช้นอกขอบเขต ทั้งนี้ Xanh SM Laos ยอมรับแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของคู่ค้าชาวเวียดนาม และให้คำมั่นที่จะให้บริการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ 100% และมาตรฐานการบริการระดับ 5 ดาว รวมถึงคุณภาพรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม และทีมงานนักขับมืออาชีพที่ทุ่มเท ซึ่งมีส่วนในการยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งผู้โดยสารใน “ดินแดนแห่งล้านช้าง” นอกจากนี้ Xanh SM Laos กำลังวางแผนที่จะขยายการดำเนินงานไปทั่วประเทศ และคาดว่าจะสร้างโอกาสงานใหม่นับพันตำแหน่งให้กับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น โอกาสเหล่านี้นำโอกาสในการพัฒนาอาชีพที่น่าสนใจโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มแรก ในขณะเดียวกันก็มีรายได้ที่เหมาะสมและการฝึกอบรมทางวิชาชีพด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่ Green SM จะได้รับการมุ่งเน้นให้เป็น “ทูตสีเขียว” ที่เชื่อมโยงแบรนด์กับลูกค้าโดยตรง และมีส่วนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของลาว

ที่มา : https://www.taiwannews.com.tw/en/news/5036912

กัมพูชานำเข้าเนื้อวากิวจากญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 60

กัมพูชานำเข้าเนื้อวากิวจากญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 60 สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี รายงานโดยสื่อญี่ปุ่นโดยอ้างจากแหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่น สำหรับเนื้อวากิวถือเป็นหนึ่งในเนื้อสัตว์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ซึ่งมีราคาเริ่มต้นสูงกว่า 90 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม ด้วยเอกลักษณ์ทางด้านรสชาติที่เข้มข้น มีรสเนย และลายหินอ่อน (มันแทรก) ด้านกัมพูชาเริ่มนำเข้าเนื้อวากิวจากญี่ปุ่นตั้งแต่ในช่วงปี 2020 เป็นต้นมา รวมถึงกัมพูชาและเกาหลีใต้ได้เริ่มกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับการเจรจาการกักกันเนื้อสัตว์ที่นำเข้ามาจากเกาหลีใต้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว โดยเกาหลีใต้หวังผลักดันการส่งออกเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมจำนวนกว่า 2,000 ตัน มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ ไปยังกัมพูชา ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า จากข้อมูลของ Statista รายงานว่าปริมาณการขายเนื้อสัตว์ในตลาดของประเทศกัมพูชา ซึ่งประกอบด้วยเนื้อสด เนื้อแปรรูป และสารทดแทนเนื้อสัตว์ คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2.127 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 8.33 ต่อปี ไปจนถึงปี 2028

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501388703/japanese-wagyu-beef-exports-to-cambodia-decline-by-60-percent/

นายกฯ กัมพูชา ตั้งเป้าดันพระสีหนุเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

รัฐบาลกัมพูชาวางแผนพัฒนาจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเลของกัมพูชา ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งของประเทศ ผ่านการจัดทำแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาจังหวัด กล่าวโดย นายกฯ ฮุน มาเนต ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) เป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟและท่าเรือน้ำลึก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในประเทศ ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อหวังผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว สำหรับในเฟสแรกทางการมีการวางแผนที่จะขยายท่าเรือน้ำลึกเนื่องจากปัจจุบันลานจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์เกือบเต็มพื้นที่ที่ร้อยละ 93 รวมถึงเพื่อที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการจากระหว่าง 400 ถึง 500 ดอลลาร์ ต่อตู้คอนเทนเนอร์ เหลือเพียง 200 ดอลลาร์ ต่อตู้คอนเทนเนอร์ อีกทั้งท่าเรือดังกล่าวยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งอย่างทางรถไฟ 2 สาย เชื่อมไปยังกรุงพนมเปญและปอยเปต ที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501388709/pm-says-preah-sihanouk-set-to-be-countrys-logistics-hub/

‘เวียดนาม’ เล็งเข้ามามีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานด้านการบินและอวกาศ

สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุนของฮานอย (HANSIBA) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานแถลงข่าวและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดสำหรับระบบการจัดการคุณภาพในภาคการบิน เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการของสมาชิกในสมาคมอุตฯ และบริษัทข้ามชาติ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ทั้งนี้ มัตสึโมโตะ อิซูมิ เลขาธิการคนแรกของสถานทูตญี่ปุ่นในเวียดนาม กล่าวว่าบริษัทโอนัมบะของญี่ปุ่นได้เปิดโรงงานในเวียดนาม เพื่อผลิตชิ้นส่วนให้กับผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้ง และยังกำหนดเป้าหมายให้มีการเชื่อมโยงกับองค์กรจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเวียดนามเข้าด้วยกัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-seeks-to-become-player-in-aerospace-supply-chains/270906.vnp

‘เวียดนาม’ ส่งแรงงานไปต่างประเทศ 10 เดือนแรกปีนี้ เกือบ 132,000 คน

กระทรวงแรงงาน และกิจการสังคมของเวียดนาม (MoLISA) เปิดเผยว่าเวียดนามส่งแรงงานไปยังต่างประเทศ มากกว่า 132,000 คน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ โดยตัวเลขเป้าหมายที่กำหนดไว้ทั้งปี อยู่ที่ระดับ 20% ทั้งนี้ จากกลุ่มแรงงานที่ส่งไปยังต่างประเทศ พบว่าแรงงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของแรงงานชาวเวียดนาม มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 67,550 คน ตามมาด้วยไต้หวัน (จีน) 50,960 คน, เกาหลีใต้ 6,000 คน และจีน 1,700 คน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-sends-over-132000-labourers-abroad-in-10-months/270880.vnp

หนังสือเชิญแสดงความสนใจ สำหรับสมาคมวิสาหกิจที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลเมียนมา ในความร่วมมือโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษเจ้าผิวก์

ในการจัดตั้งสมาคมวิสาหกิจที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลของเมียนมา คณะกรรมการกลางเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียนมาภายใต้กระทรวงพาณิชย์จะเรียกร้องให้มีการแสดงหนังสือความสนใจ (EOI) และมาตรการต่างๆ กำลังดำเนินการเพื่อจัดตั้งสมาคมหน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลเมียนมา เพื่อร่วมมือกันในโครงการท่าเรือทะเลลึกนอกชายฝั่ง เขตเศรษฐกิจพิเศษเจ้าผิวก์ บริษัทที่เป็นของชาวเมียนมาจะถูกตรวจสอบเพื่อเข้าร่วมกลุ่มภายใต้กฎและข้อบังคับ โดยบริษัทจะต้องเป็นบริษัทเอกชนในประเทศหรือบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายบริษัทเมียนมาปี 2017 จะต้องดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่การจัดตั้งบริษัท และจะต้องถือแบบฟอร์มแยกบริษัทและใบรับรองการจดทะเบียนบริษัทที่ออกโดยคณะกรรมการการลงทุนและการจดทะเบียนบริษัท และต้อง ไม่ถูกระงับบนระบบทะเบียนออนไลน์ MyCO ของ DICA ทั้งนี้ บริษัทจะต้องจัดตั้งขึ้นมานานกว่า 10 ปีหรือต้องมีประสบการณ์ 5 ปีในกระบวนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ประสบความสำเร็จ หากนิติบุคคลถูกจัดตั้งขึ้นในรัฐยะไข่ ระยะเวลาในการจัดตั้งนิติบุคคลที่กำหนดจะผ่อนคลายลงในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ มูลค่าการซื้อขายขั้นต่ำเฉลี่ยต่อปีจะต้องเท่ากับ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือจำนวนเทียบเท่าในสกุลเงินต่างประเทศหรือสกุลเงินท้องถิ่นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และจะต้องไม่ถูกขึ้นบัญชีดำหรือถูกตัดสิทธิ์โดยกระทรวง สภาเนปิดอว์ และรัฐบาล รวมทั้งบริษัทเหล่านั้นจะต้องจ้างพนักงานที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเพียงพอซึ่งสามารถให้การสนับสนุนทางเทคนิคแก่โครงการได้ แต่ละหน่วยงานจะต้องเสนอเอกสารยืนยันว่าพวกเขาสามารถลงทุนอย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในข้อเสนอ ต้องส่งรายงานงบการเงินในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพร้อมกับใบรับรองด้านภาษีจากสำนักงานสรรพากรที่เกี่ยวข้องด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/eoi-invited-for-myanmar-gde-consortium-in-kyaukphyu-sez-collaboration/#article-title

‘สปป.ลาว แสวงหาความร่วมมือจากอินโดนีเซีย’ ลุยส่งออกไม้แปรรูปไปสหภาพยุโรป

นายคำพล มูลละไม อธิบดีกรมตรวจสอบป่าไม้ กระทรวงเกษตรและป่าไม้ สปป.ลาว ร่วมประชุมกับคณะผู้แทนอินโดนีเซีย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดย สปป.ลาว มีความมุ่งหวังที่จะบรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปไปยังสหภาพยุโรปที่เป็นลักษณะคล้ายกับการที่สหภาพยุโรปนำเข้าผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปจากอินโดนีเซีย สปป.ลาว จึงแสวงหาความร่วมมือจากอินโดนีเซีย เนื่องจากมองว่าอินโดนีเซียประสบความสำเร็จในการขยายตลาดส่งออกที่มีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปทำลายสถิติ ถึง 14.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลลัพธ์นี้นำไปสู่การลงนามข้อตกลงความร่วมมือโดยสมัครใจกับสหภาพยุโรป เพื่ออำนวยความสะดวกในการออกใบอนุญาตยกเว้นผลิตภัณฑ์ไม้ของอินโดนีเซีย จากกระบวนการตรวจสอบสถานะภายใต้กฎระเบียบของสหภาพยุโรป

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/08/laos-explores-growth-opportunities-in-wood-processing-industry-through-eu-regional-cooperation/

บลูมเบิร์กตีข่าว KBANK-SCB ร่วมประมูลซื้อกิจการ non-bank ในเวียดนาม

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคารรายใหญ่ของไทย 2 แห่งซึ่งได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้เข้าร่วมการประมูลในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ Home Credit Vietnam ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้บริโภคของเวียดนาม ทั้งนี้ Home Credit Vietnam เป็นธุรกิจในเครือ Home Credit Group ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank) ของเนเธอร์แลนด์ โดย Home Credit Vietnam เริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2551 ปัจจุบันมีพนักงานราว 6,000 คน และมีลูกค้า 12 ล้านราย โดยบริษัทมีสาขาจำนวน 9,000 แห่งในเวียดนาม โดยมีการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อย รวมทั้งให้สินเชื่อสำหรับการผ่อนซื้อมอเตอร์ไซค์และสินค้าเพื่อผู้บริโภค

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2023/348816?fbclid=IwAR1gxRdFs4HKIX0L3VHoS1_vIyla6g2wMDPgpOdtANLruR_K8n0q1-HG4Po

‘ศก.ดิจิทัลเวียดนาม’ จ่อทำรายได้แตะ 45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 68

จากรายงานของกูเกิล (Google) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะขยายตัว 20% ต่อปี ในช่วงปี 2566-2568 และมีแนวโน้มว่าจะทำรายได้สูงถึงประมาณ 45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 นับว่าเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่นาย Nguyen Binh Minh คณะกรรมการบริหารของสมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม (VECOM) คาดการณ์ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจดิจิทัลมีพื้นฐานที่มั่งคง แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของอีคอมเมิร์ซที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ ภาคธุรกิจต่างๆ ยังมีความมั่นใจในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอีคอมเมิร์ซ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ แพลตฟอร์มดิจิทัลของเวียดนาม จึงได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการตอบสนองความต้องการการพัฒนาของธุรกิจท้องถิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-likely-to-achieve-digital-economic-growth-of-around-us45-billion-by-2025-post1057628.vov