รัสเซียกระตือรือร้นสำรวจธุรกิจในเมียนมา

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ รมต.กระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนธุรกิจของรัสเซียในเนปิดอว์ โดยได้หารือถึงโอกาสการลงทุนและการค้ากับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซียและเอกอัครราชทูตของสหพันธรัฐรัสเซีย ในการหารือเมียนมาเรียกร้องให้รัสเซียให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมด้านเทคนิคและการอาชีพสำหรับชาวเมียนมาและส่งเสริมการร่วมทุนในภาคเกษตร อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน และการท่องเที่ยว และผลักดันโครงการของรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนเพิ่ม และสร้างเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศ ในที่ประชุมเดือน ก.ย. รัสเซียเสนอการช่วยเหลือการเปลี่ยนสื่อออกอากาศของท้องถิ่นจากระบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิตอล และสนับสนุนในด้านดิจิทัล เช่น ร่างกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นครั้งแรก สร้างแพลตฟอร์มรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาเมืองอัจฉริยะ รัสเซียเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับที่ 22 ด้วยเงินลงทุนกว่า 90 พันล้านเหรียญสหรัฐในธุรกิจท้องถิ่นสองแห่ง การค้าระหว่างประเทศมีมูลค่ารวม 46 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 61-62

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/russia-keen-explore-business-opportunities-myanmar.html

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภาคชนบทได้รับทุนสนับสนุน

ตลาดเกิดใหม่เมียนมา (EME- พม่า) มีบริษัทอีคอมเมิร์ซสำหรับร้านค้าปลีกในชนบทที่ตั้งอยู่ในย่างกุ้ง โดยมีตัวเลขการลงทุนรวมหกหลักแต่ยังไม่เป็นที่เปิดเผย Ezay ก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคมเริ่มต้นด้วยการให้บริการแพลตฟอร์มมือถือสำหรับลูกค้าที่จะซื้อหุ้นใหม่จากผู้ค้าส่งรวมถึงจัดส่งสินค้าออนไลน์ แทนที่จะมาร้านค้าด้วยตัวเอง เพื่อเชื่อมโยงผู้ค้าส่งและผู้ค้าปลีกผ่านแพลตฟอร์มมือถือ ทำให้การส่งมอบสินค้าสู่ร้านค้าปลีกทำได้ง่ายขึ้น สามารถแก้ปัญหานี้ในชนบททั่วประเทศ ผลตอบรับเป็นไปในเชิงบวกจากผู้ค้าปลีกว่ามีความสะดวกสบาย การจัดส่งและราคาไม่ต่างกันเมื่อเปรียบเทียบกับออฟไลน์มากนัก บริษัทวางแผนขยายธุรกิจในเมียนมาให้เร็วมากกว่านี้ และพัฒนาด้านซัพพลายเชนการค้าปลีกและสร้างความพึงพอใจของลูกค้า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเมียนมายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่มีมูลค่าตลาด 6 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามการช็อปปิ้งออนไลน์บนโซเชียลมีเดียนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากขึ้นเนื่องจากบัญชี Facebook มีมากกว่า 85% ของปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดของประเทศ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/rural-e-commerce-startup-secures-funding.html

พุกามจัดงานวิ่งส่งเสริมการท่องเที่ยว

การวิ่งของเมียนมาจัดขึ้นครั้งแรกจัดขึ้นที่พุกามเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยมีผู้เข้าร่วมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 300 คนซึ่งประกอบด้วย หน่วยงาน บริษัทต่างๆ และผู้ที่สนใจสุขภาพเข้าร่วมงาน จัดขึ้นโดย China Daily และ RVIPS Publications โดยวิ่งผ่านจุดชมทิวทัศน์และวัฒนธรรมอันงดงามของพุกาม งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการจัดมิตรภาพระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมโครงการ Belt and Road รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพและมิตรภาพระหว่างประเทศ จากยอดค่าธรรมเนียมเข้าชมแหล่งมรดกโลกพุกามท ราว 5 จัต (ประมาณ 3,313 ดอลลาร์สหรัฐ) ช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวได้ออกแคมเปญรณรงค์งดใช้พลาสติกในพุกามเพื่อเป็นการพัฒนาประเทศ การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามโดยมีผู้ชมนับร้อยและเมื่อกีฬาวิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วประเทศควรส่งเสริมการเชื่อมสัมพันธ์ วิถีชีวิต และการรักสุขภาพผ่านกิจกรรมนี้

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/bagan-run-promotes-friendship-tourism

เกษตรกรเร่งรัฐฯ เจรจาส่งออกสับปะรดไปจีน

สมาคมผู้ปลูกสับปะรดกำลังขอให้รัฐบาลเจรจาส่งออกไปยังประเทศจีนโดยเร็วที่สุด ภายหลังเกษตรกรได้รับความเสียหายราว 700 ล้านจัต (458 ล้านเหรียญสหรัฐ) เนื่องจากจีนห้ามนำเข้าผลไม้จากเมียนมาซึ่งมีความเสียหายมากกว่า 24,800 ตันที่เขตการค้าชายแดมูเซ แม้ว่าสมาคมผู้ผลิตผักและผลไม้ของเมียนมา (MFVP) จะขอเจรจาการส่งออกสับปะรดและอโวคาโดแต่ทางการจีนร่วมการือเฉพาะการส่งออกกล้วย ข้าว มันสำปะหลัง และเสาวรส ซึ่งรัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามมีความล่าช้าและอีก 6 เดือนเท่านั้นก็จะถึงฤดูเพาะปลูกแล้ว โดยปกติแล้ว 90% ของอาโวคาโดจะถูกส่งออกไปยังไทยและควรมีการเจรจากับจีนเพื่อเร่งการส่งออกก่อนการการเก็บเกี่ยว MFVP กล่าวว่าเกตรกรต้องการลงทุนในลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เพื่อสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์และโรงงานอบแห้งเพื่อเพิ่มมูลค่าในการส่งออก และเพิ่มทุนสำหรับวัตถุดิบ เครื่องจักร และต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ทว่าเอสเอ็มอีเผชิญกับความยากลำบากในการจัดหาหลักประกันด้านสินเชื่อของธนาคาร ดังนั้นรัฐบาลควรเข้ามาสนับสนุน ทั้งนี้กระทรวงการคลังและวางแผนกล่าวว่าธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรจะให้สินเชื่อพิเศษสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ และกำลังเจรจากับธนาคารเอกชนและธนาคารของรัฐเรื่องข้อกำหนดสำหรับสินเชื่อ SME ต่อไป

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/pineapple-growers-call-official-export-channels-china.html

รถไฟวงแหวนย่างกุ้งแล้วเสร็จพฤษภาคม 63

การยกระดับของเส้นทางรถไฟรอบย่างกุ้งจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม 63 ทางรถไฟเวียนย่างกุ้งซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนตะวันออกและตะวันตกใกล้จะแล้วเสร็จ ส่วน Danyinkone- Insein และ Insein-Kyinmyindine และส่วน Kyinmyindine-Bayarlan จะเสร็จสิ้นในปลายเดือนธันวาคม สี่ในห้าส่วนของทางรถไฟจะแล้วเสร็จปลายเดือนธันวาคม ส่วนทางทิศตะวันออกจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 63 แต่ละขบวนจะวิ่ง 10-12 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วนสามารถลดระยะเวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 50 นาทีในการวิ่งแต่ละครั้ง สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 240,000 คน การพัฒนาระบบต่างๆ ของรถไฟใช้เงินกู้ 107 ล้านเหรียญสหรัฐจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ปัจจุบันมีผู้โดยสารประมาณ 90,000 คนใช้บริการในแต่ละวันวันและจะเพิ่มขึ้นประมาณ 300,000 คน หลังการปรับปรุงเสร็จสิ้น

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/yangon-circular-railway-upgrades-to-finish-in-may-2020

เมียนมาส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปไปตุรกี

จากการหารือส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป การจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับแรงงาน การลงทุน งานแสดงสินค้าระหว่างสองประเทศและการส่งเสริมภาคการค้า ระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และเอกอัครราชทูตตุรกีประจำเมียนมาเมื่อต้นเดือนธันวาคม การส่งออกเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ ข้าว ถั่ว และข้าวโพดเพิ่มเป็น 4 เท่าภายใน 5 ปี มูลค่าของการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป CMP (Cutting, Making, Packing) อยู่ที่ 325 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 25 ตุลาคมของปี 62-63 อย่างไรก็ตามการส่งออกปีที่ผ่านมามีมูลค่ามากกว่า 287 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ต่อปีจากระบบ CMP ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกหลักคือญี่ปุ่นและยุโรป นอกจากนี้ยังมีตลาดในเกาหลีใต้ จีน และสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโรงงานเสื้อผ้ามากกว่า 400 แห่ง ด้วยค่าแรงที่ต่ำสามารถดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตต่างประเทศ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmars-apparel-exports-to-surge-to-turkey

ภาคเกษตรกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมียนมา

ปัจจุบันรัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรมากกว่าการท่องเที่ยวเนื่องจากรัฐฉานมีศักยภาพที่จะเป็นโรงไฟฟ้าการเกษตรในเมียนมา ซึ่งประชากรในรัฐฉานยังพึ่งพาการเกษตรเพื่อการดำรงชีวิต ข้าว, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง โดยส่งออกไปยังจีน และยังเป็นที่ตั้งของเขตการค้าชายแดนมูเซและท่าขี้เหล็ก มีพลังงาน น้ำ โครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนนที่ปรับปรุงให้ใช้งานได้ ฉานมีพื้นที่ 2.3 ล้านเฮกเตอร์ (5.7 ล้านไร่) ที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกแต่มีการใช้พื้นที่เพียงประมาณ 800,000 เฮกตาร์ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ การปะทะกันของกลุ่มติดอาวุธยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ความท้าทายของรัฐฉานคือขาดข้อมูล เทคโนโลยี และการพัฒนาวิจัย การเก็บรักษา บรรจุภัณฑ์และการเชื่อมโยงตลาดเป็นจุดอ่อนที่สุดการลงทุน ปัจจุบันบริษัทค้าปลีกและค้าส่งจากเยอรมนี METRO Wholesale ได้ขยายกิจการในรัฐฉานเพื่อรับผลิตภัณฑ์โดยตรงจากเกษตรกรและผู้เลี้ยงปศุสัตว์เพื่อจำหน่าย และได้เปิดศูนย์จัดซื้อในอองแพนในรัฐฉาน รัฐบาลของรัฐฉานกำลังวางแผนที่จะดำเนินโครงการระยะสั้นเพื่อพัฒนาการเกษตรและโครงการลงทุนระยะยาวเพื่อเพิ่มการลงทุนในรัฐ แม้วรัฐฉานจะมีศักยภาพ แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเอาชนะได้ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการพัฒนาด้านการตลาด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/agriculture-economic-driver.html

EU เตรียมเพิกถอน GSP ของเมียนมา

รายงานของสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI)  สหภาพยุโรป (EU) อาจเตรียมที่จะเพิกถอนสถานะระบบสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี (GSP) ของเมียนมา ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยเสื้อผ้า สิ่งทอ สหภาพยุโรปเริ่มพิจารณาการถอน GSP ที่มีมาตั้งแต่ปี 2556 หลังจากความรุนแรงต่อชาวมุสลิมในรัฐยะไข่ในปี 2560 ซึ่ง 60% ของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปอียูมาจากภาคการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป (CMP) หาก GSP ถูกถอนออกไปอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นเสื้อผ้า ซึ่งเมียนมาไม่มีทางเลือกนอกจากหาตลาดใหม่ สหภาพยุโรปได้ให้สิทธิ GSP ให้กับสปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาและบังคลาเทศ และถ้าหากถูกเพิกถอนสิทธิ์ ประเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคู่แข่งที่สำคัญอย่างยิ่ง และแน่นอนอยู่แล้วที่สหภาพยุโรปจะหันไปซื้อสินค้าจากคู่แข่งที่ราคาถูกกว่าเพราะราคาที่ไม่สามารถแข่งขันได้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/eu-preparing-revoke-myanmar-gsp-umfcci.html

การนำเข้าสินค้าทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเวลาสองเดือน

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 29 พ.ย.ในปีงบประมาณปี 62-63 มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุนสูงถึง 1,021 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่มูลค่าของปีที่แล้วอยู่ที่ 934.902 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกินกว่า 86.701 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีธุรกิจต่างประเทศ 35 แห่งที่ได้รับการอนุมัติมีการลงทุน 496.282 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาดังกล่าวธุรกิจที่ลงทุนอยู่แล้วได้ขยายการลงทุนเป็น 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนใหม่มีมูลค่า 514.882 ล้านเหรียญสหรัฐ จำนวนการลงทุนจากต่างประเทศที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่ามีมูลค่าถึง 14.303 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นการลงทุนจากต่างประเทศรวม 529.189 พันล้านเหรียญสหรัฐรวมถึงการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เมียนมาตั้งเป้าที่จะได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศรวมกว่า 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐใน 20 ปี และมีเป้าหมายที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางภายในปี 2573

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/capital-goods-import-value-over-1bn-in-two-months

จำนวนนักท่องเที่ยวชายแดนเมียวดีเพิ่มขึ้น

นักท่องเที่ยวจากประเทศที่สามกว่า 37,000 คนเดินทางผ่านชายแดนเมียวดีของเมียนมา ใน 11 เดือนของปีนี้เพิ่มขึ้น 23,000 คนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปี 61 มีเพียง 14,000 คนที่มาเยือนเมียนมาผ่านทางชายแดนเมียวดีและจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยใช้ e-visas เพื่อเริ่มธุรกิจและการท่องเที่ยว ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจำนวน 5,937 คน มีชาวเมียนมามากกว่า 26,800 คนเดินทางมาไทยด้วยวีซ่าหนังสือและมีเพียง 13,000 คนที่เดินทางกลับ เมียนมาปิดประตูชายแดนเพื่อให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 56 และนิยมใช้ e-visas ผ่านระบบออนไลน์

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/number-of-tourist-arrival-via-myawady-border-increases