ส.อ.ท.ประกาศลดเป้าผลิตรถ โยนผ้าขาวปี 65 เหลือ 1.7 ล้านคัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ติดตามปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) และชิ้นส่วนรถยนต์ หลังส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกรถยนต์ ทำให้เป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ลดลงจากที่ตั้งไว้ 1,800,000 คัน แบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 800,000 คัน และส่งออก 1,000,000 คัน ซึ่ง คาดว่าตัวเลขการผลิตปีนี้อาจลดมาอยู่ที่ 1,700,000 คัน ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้ 1,800,000 คัน ก่อนหน้านี้ยังไม่มีปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กระทบต่อการขาดแคลนชิป เพราะยูเครนเป็นผู้ส่งออกก๊าซนีออน (Neon) บริสุทธิ์เกือบ 70% ให้กับทั่วโลก เพื่อใช้ผลิตชิป และจีนล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ ทำให้การผลิตชิปหยุดลงอีกรอบหนึ่ง

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2455173

 

ค้าชายแดน-ผ่านแดนคึกคัก ทีทีบีคาดมูลค่าแตะ1ล้านล้านบาท

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 การส่งออกทางการค้าชายแดนอยู่ที่ 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% ซึ่งเป็นการเติบโตจากประเทศคู่ค้าเพื่อนบ้าน นำโดยมาเลเซียยังเป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้าผ่านแดนกับไทยสูงสุด 7.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ส่งออกไปสปป.ลาว และเมียนมา ขยายตัวสูงอยู่ที่ 22% และ 34%ตามลำดับ และคาดทั้งปี 2565 ยอดส่งออกจะอยู่ที่ 1.02 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ดี การส่งออกไป สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่คิดเป็นสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ 31% คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่อาจจะค่อยเป็นค่อยไป เฉพาะ สปป.ลาว กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจด้านการเงินอย่างหนัก ในส่วนของการส่งออกไปเมียนมาที่เติบโตเฉลี่ยเดือนละ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก 2565 แม้อยู่ในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้กระทบสินค้า ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ น้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น แต่การส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงขยายตัว เป็นแรงหนุนให้การส่งออกทางการค้าชายแดนทั้งปี 2565 มีมูลค่า 6.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15%

ที่มา: https://www.naewna.com/business/668885

‘อีเบย์’ ยกอีคอมเมิร์ซอาเซียนโตไม่หยุด ‘ไทย’ ยืน 1 ตีตลาด 10 ประเทศทั่วโลก

นายวิทเมย์ ไนยนี ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย eBay International CBT (Cross Border Trade) กล่าวว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลมีส่วนช่วยให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกไปยังตลาดทั่วโลกได้อย่างลงตัว ด้วยพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่ดี มีบุคลากรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ต้องการของตลาดมากมาย”

ทั้งนี้ ประเด็นน่าสนใจข้อหนึ่ง คือผู้ขายไทยที่ถือเป็นกิจการขนาดเล็กบนอีเบย์นั้น ขายสินค้าส่งออกทั้ง 100% แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มอีเบย์เป็นช่องทางที่ช่วยขยายโอกาสให้ผู้ขายเข้าถึงผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลก ขณะที่ผู้ขายใหม่สามารถทำยอดขายแตะระดับ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2563 และก้าวขึ้นมาเป็นกิจการขนาดเล็กบนอีเบย์ได้ภายใน 4 ปี ซึ่งในบรรดาผู้ขายไทยที่นับว่าเป็นกิจการขนาดเล็กบนอีเบย์ในปี 2563 นั้น มีถึง 56% ที่เป็นผู้ขายใหม่

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/tech/1016195

ททท.จับตาเงินเฟ้อพ่นพิษ รายได้ท่องเที่ยวปี 66 รวม 2.3 ล้านล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้แถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดของ ททท.ในปี 2566 โดยได้วางเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวจากตลาดในประเทศและต่างประเทศรวม 1.25-2.38 ล้านล้านบาท และวางตำแหน่งทางการตลาดไว้ว่าเป็นประเทศที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก ขณะที่เมื่อปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไทยอยู่อันดับที่ 4 ซึ่งในปี 2566 คาดมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11-30 ล้านคน ขณะที่เป้าหมายรายได้ ตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 580,000 ล้านบาทถึง 1.5 ล้านล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 50,000-54,000 บาทต่อคน ลดลงจากไตรมาสแรกของปีนี้ ที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 77,000 บาทต่อคนต่อทริป คาดว่าเกิดจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก และการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวประหยัดการใช้จ่าย

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2448546

‘อนุสรณ์’ยันประเทศไทย ไม่วิกฤตซ้ำรอย‘ศรีลังกา-ลาว’

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังกล่าวถึง ความเป็นไปได้ของเศรษฐกิจไทยที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแบบศรีลังกาหรือลาวว่าจะยังไม่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างน้อยในระยะสองสามปีข้างหน้านี้ แต่มีความเสี่ยงเรื่องฐานะทางการคลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในประเทศจะทำให้ภาระต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของหนี้ภาครัฐ หนี้ภาคเอกชน หนี้ครัวเรือน ด้านผลกระทบของวิกฤตในศรีลังกาและลาว ทำให้ปริมาณการค้าต่อกันลดลงโดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปศรีลังกาลดลง การเจรจาเปิดเสรีทางการค้าแบบทวิภาคีกับศรีลังกาต้องชะงักไป การค้าชายแดนไทย-ลาวลดลง

ที่มา: https://www.naewna.com/business/667372

ลุ้นคลัง ต่อเวลาลดภาษีสรรพสามิตดีเซล ลิตร 5 บาท อีก 2 เดือน หลังใกล้สิ้นสุด 20 ก.ค.นี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงแนวทางการขยายเวลาภาษีสรรพสามิตน้ำมันว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาอยู่ ส่วนการขอกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน แต่ยอมรับว่า มีความกังวลสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยขณะนี้กรมสรรพสามิต กำลังจัดทำข้อมูลเสนอ รมว.คลัง ถึงการพิจารณาขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล คาดว่าจะมีการเสนอลดภาษีมากกว่า 1 รูปแบบ เช่น ลิตรละ 5 บาทต่อไปอีก 2 เดือน หลังจากมาตรการปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค นี้ โดยหากนายอาคม เห็นชอบ คาดจะเสนอเข้า ครม. อย่างช้าภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ประเมินว่าการลดภาษีครั้งนี้จะทำให้คลังสูญเสียรายได้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในรอบ 8 เดือน ต.ค.64-พ.ค.65 คลังยังจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายเกินอยู่ 1 แสนล้านบาท

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/1241581/

โพลชี้ชัด! ประชาชนรายได้น้อยกว่ารายจ่าย น้ำมัน-อาหารแพงกระทบคุณภาพชีวิต

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ปัญหาการใช้จ่ายของประชาชน” พบว่า รายได้ปัจจุบันของประชาชน พบว่า ร้อยละ 47.10 ระบุว่า รายได้ลดลง รองลงมา ร้อยละ 46.72 ระบุว่า รายได้เท่าเดิม และร้อยละ 6.18 ระบุว่า รายได้มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบรายได้กับรายจ่ายในแต่ละเดือนของประชาชน พบว่า ร้อยละ 60.06 ระบุว่า รายได้น้อยกว่ารายจ่าย รองลงมา ร้อยละ 32.62 ระบุว่า รายได้พอ ๆ กับรายจ่าย และร้อยละ 7.32 ระบุว่ารายได้มากกว่ารายจ่าย เมื่อถามถึงการใช้จ่ายในปัจจุบันที่สร้างผลกระทบมากที่สุด พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 32.73 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง อันดับ 2 ร้อยละ 25.79 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านอาหารประจำวัน อันดับ 3 ร้อยละ 13.47 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านไฟฟ้าในครัวเรือน อันดับ 4 ร้อยละ 6.10 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านแก๊สหุงต้ม อันดับ 5 ร้อยละ 3.36 ระบุว่า การใช้จ่ายด้านการผ่อนชำระค่ารถ เป็นต้น

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/news/686804

 

กัมพูชาจ่อออก Golden Visa ให้กับนักลงทุนไทย

กัมพูชาเปิดตัวโครงการ “My 2nd Home” เพื่อสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในกัมพูชา โดยโปรแกรมนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่า “Golden Visa” ซึ่งจะให้วีซ่ากับนักลงทุนเป็นเวลา 10 ปี โดยไม่จำกัดการเข้าออกประเทศ ควบคู่ไปกับสิทธิประโยชน์อื่นๆที่ทางการกัมพูชาจะมอบให้ ซึ่งผู้ที่ต้องการที่จะสมัครวีซ่าดังกล่าว จะต้องเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ในกัมพูชา และเป็นบุคคลที่รัฐบาลกัมพูชารับรอง โดยไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาหรือความสามารถทางภาษา ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับวีซ่าข้างต้นจะได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงประกันและการรักษาพยาบาลแบบวีไอพี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501108375/cambodia-goes-head-on-with-thailand-in-implementing-10-year-golden-visa/

ไทย-กัมพูชา ลงนาม MoU ปราบแก๊ง Call Center

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงไปรษณีย์ และโทรคมนาคมของกัมพูชา ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค รวมถึงวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทั้งสองประเทศได้แต่งตั้งผู้ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานระหว่างกัน ไปจนถึงการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในประเทศไทยและกัมพูชา เพื่อให้สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้อย่างทันท่วงที ประสานงานและอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศของผู้เข้าร่วมทั้ง 2 ฝ่าย ไปจนถึงมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทั้งไทยและกัมพูชา และ ความร่วมมือทางด้านอื่นๆ ตามที่ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501107583/thai-cambodian-mou-on-suppression-of-cyber-scams-approved/

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อมิ.ย.พุ่ง 7.66% เหตุน้ำมันแพง ส่วนทั้งปีคาด 4-5%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 7.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงขึ้น 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 2.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 2.28%

ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3/65 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อปีนี้ ยังคงกรอบเดิมที่ 4-5% โดยมีค่ากลางที่ 4.5%

ที่มา : http://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=enNGZ3FBSW1BTlU9