‘เวียดนาม’ ได้เปรียบต่อการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

นาย Nguyen Bich Lam อดีต ผอ.สนง.สถิติแห่งชาติเวียดนาม ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามมีพื้นที่เพียงพอต่อการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เทียบกับคู่แข่งรายใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการผลิตทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งในปี 2563 เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุน FDI กว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึงแม้จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เม็ดเงินลงทุน FDI มีมูลค่า 23.74 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภาคการผลิตและการแปรรูปยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มองเวียดนามว่าอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นสมาชิกของข้อตกลงการค้าหลายฉบับ ได้แก่ CPTPP, EVFTA และการค้าทวีภาคีหลายฉบับของเวียดนามกับสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-boats-advantages-in-foreign-investment-attraction/216208.vnp

 

‘เวียดนาม’ เผยยอดการลงทุนจากต่างประเทศใหม่ 30 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปีนี้

ตามรายงานทางสถิติของสำนักงานการลงทุนต่างประเทศภายใต้กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศใหม่ที่ได้รับอนุมัติ 2.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือน พ.ย. ส่งผลให้ยอดการลงทุนตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. อยู่ที่ 26.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าในปีนี้ ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศจะสูงถึง 30 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสิงคโปร์ มีความเชื่อมั่นต่อสภาพแวดล้อมทางการลงทุนของเวียดนามและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังวิกฤติโควิด-19 นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป ยังคงเป็นสาขาที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด ด้วยเม็ดเงินลงทุนราว 14 พันล้านเหรียญสหรัฐ (53% ของทุนจดทะเบียน) รองลงมาภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/new-foreign-investment-approvals-seen-hitting-us30-billion-this-year/

 

ราคาถั่วดำตลาดมัณฑะเลย์ พุ่งสูง !

ราคาถั่วดำพุ่งเป็น 152,000 จัตต่อถุง ในปีนี้ เพิ่มจากปีแล้ว 120,000 จัตต่อถุง จากการที่ฤดูเก็บเกี่ยวมาเร็วกว่าปีก่อนทำให้ผลผลิตทะลักเข้าสู่ตลาดมัณฑะเลย์ดันราคาให้สูงขึ้น ถั่วดำหรือนี้เรียกอีกอย่างว่าถั่วนาดอ เป็นพืชเศรษฐกิจที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังอินเดีย จีน ญี่ปุ่น และยุโรป และการที่ชายแดนกำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ ดังนั้นผู้ค้าจากจีนจะต้องกลับเข้ามารับซื้ออย่างแน่นอน จากสถิติของกรมศุลกากรเมียนมา ณ วันที่ 20 ส.ค.64 ในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาส่งออกถั่วดำมากกว่า 48,336 ตัน ซึ่งสร้างรายได้กว่า 26.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/fresh-black-eyed-peas-enter-mandalay-market-at-high-price/#article-title

ชี้โควิดพันธุ์ใหม่ กระทบเศรษฐกิจไทยจำกัด

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวถึงความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งตัวลงอย่างรุนแรง ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ทรุดตัวลงเช่นเดียวกัน เบื้องต้นคาดกระทบบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินไทยอย่างจำกัดในระยะแรกหากควบคุมไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศได้และองค์การอนามัยโลกและประเทศต่างๆ ได้ร่วมมือกันในการจำกัดการแพร่ระบาดให้อยู่ในเฉพาะ 6 ประเทศในแอฟริกา ซึ่งหากสำรวจดูพบว่า 5 ปีที่ผ่านมา (2559-2563) การค้าระหว่างไทยกับประเทศในทวีปแอฟริกาใน มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 9,861 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 0.50% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย ประเทศไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ามาตลอด

ที่มา: https://www.naewna.com/business/618808

พาณิชย์ดันใช้ประโยชน์ FTA ส่งอาหาร-เกษตรแปรรูปบุกจีน

พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ DTN Business Plan Award 2021″ชี้ช่องโอกาส บุกตลาดด้วย FTA” ว่า การดำเนินโครงการครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเกษตรแปรรูปของไทย จะใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการค้าบุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายส่งออกสินค้าไปตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดคู่ FTA ของไทย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปี 2564 นี้ ได้ย้ำให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ มุ่งเน้นให้ความรู้และส่งเสริมผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการค้าและโอกาสขยายส่งออกไปตลาดคู่ FTA ของไทย โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA อาเซียน-จีนที่จีนได้ลดเลิกการเก็บภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ให้กับสินค้าส่งออกจากไทยแล้ว เช่น อาหาร เกษตร และเกษตรแปรรูป เป็นต้น รวมถึงใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2565 ขยายส่งออกสินค้าของไทยไปกลุ่มประเทศสมาชิก RCEP ด้วย

ที่มา : https://www.naewna.com/business/618221

‘เวียดนาม-อาร์เจนตินา’ จับมือส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า

การประชุมเชิงปฏิบัติการ “การเสริมสร้างศักยภาพและการส่งเสริมการค้าระหว่างเวียดนาม-อาร์เจนตินา” เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นาย Duong Quoc Thanh เอกอัครราชทูตเวียดนาม กล่าวที่ประชุมว่าความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสองประเทศดำเนินด้วยดีมาโดยตลอด นับตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว ปัจจัยทางการค้าถือเป็นจุดที่ทำให้ทั้งสองประเทศได้จัดทำกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วน โดยในปี 2553 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นมาอยู่ที่ราว 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตเวียดนาม มองว่าการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างประเทศ ยังคงมุ่งเน้นไปที่สินค้าหลัก ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเหลือง อาหารเลี้ยงสัตว์และเภสัชภัณฑ์จากอาร์เจนตินา ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดสำหรับธุรกิจของทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/10821802-vietnam-argentina-boost-trade-cooperation.html

 

‘เวียดนาม-ญี่ปุ่น’ ลงนาม MOU ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการค้าและอุตสาหกรรม

นาย เหงวียน ฮ่ง เญียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ นายโยชิโนบุ นิซากะ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านการค้าและอุตสาหกรรม (MOU) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. รัฐมนตรีเวียดนามมองว่ามีโอกาสอีกมากจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมธุรกิจเวียดนามและญี่ปุ่น โดยได้ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ ด้วยการสนับสนุนธุรกิจญี่ปุ่นให้เข้ามาทำการลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยธุรกิจของจังหวัดวากายานมะในการเข้าถึงตลาดที่มีประชากร 100 ล้านคนเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าถึงประชากรในประเทศสมาชิกอาเซียนราว 600 ล้านคน หรือตลาดที่ใหญ่กว่า อาทิ RCEP และ CPTPP นอกจากนี้ การลงทุนของธุรกิจของจังหวัดวากายามะ จะทำให้เวียดนามสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตและการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรและทักษะความเชี่ยวชาญ ตลอดจนทรัพยากรมนุษย์ยุคใหม่

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-industry-trade-ministry-japanese-prefecture-seal-cooperation-deal-907375.vov

“สิงคโปร์” รั้งอันดับ 2 ผู้นำสินค้ารายใหญ่จากเมียนมา

จากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผย ปีงบประมาณ 2563-2564 สิงคโปร์เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับสองของเมียนมา มีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปีงบประมาณที่แล้ว มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯแบ่งเป็นการส่งออกมีมูลค่าถึง 207.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้ามีมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมียนมาขาดดุลการค้าประมาณ 2.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสิงคโปร์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของเมียนมาในภูมิภาค รองจากไทย โดยเมียนมาส่งออกสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร รองเท้า สิ่งทอและเสื้อผ้า แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ขณะที่นำเข้าพลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง สินค้าอุปโภคบริโภค โลหะ และเคมีภัณฑ์

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/singapore-ranked-myanmars-second-largest-importer-in-fy2020-2021/

EXIM BANK ร่วมการประชุมระดับสูงด้านเศรษฐกิจการทูตในโครงการรถไฟจีน-ลาว

นายเชิดชัย ใจไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วย นางวรังคณา วงษ์คาหลวง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ของ EXIM BANK ได้เข้าร่วมการประชุม Economic Diplomacy High-Level Meeting on the China-Laos Railroad Projects โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ในการประชุมที่จัดโดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศของ MFA ผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลและหุ้นส่วนเอกชนรายสำคัญได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมุมมองทางเศรษฐกิจมหภาคและการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้อง แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและการเตรียมความพร้อมของประเทศตลอดจนโอกาสและความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน ผ่านการทูตทางเศรษฐกิจ เส้นทางใหม่นี้เป็นโอกาศที่สำคัญของสปป.ลาวในการเชื่อมต่อด้านเศรษฐกิจการค้า กับนานาประเทศรอบข้างโดยเฉพาะด้านที่ใหญ่อย่างจีนที่เป็นจุดหมายปลายทางของประเทศส่งออกทั่วโลกและประเทศไทยผู้ส่งออกรายสำคัญของสปป.ลาว เมื่อเริ่มปิดใช้บริการเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญระดับภูมิภาค

ที่มา : https://www.ryt9.com/en/prg/254377

รัฐบาลกัมพูชารายงานถึงผลการจัดเก็บภาษี ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี

ทางการรัฐบาลกัมพูชารายงานถึงรายรับของภาครัฐบาลที่สูงถึง 11,921 พันล้านเรียล (ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังรายงานว่ารายรับของรัฐบาลที่รวบรวมได้คิดเป็นกว่าร้อยละ 75 ของเป้าหมายในปีงบประมาณ 2021 ที่ได้กำหนดไว้ที่ประมาณ 15,895 พันล้านเรียล (ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์) สำหรับรายจ่ายของภาครัฐบาลได้ใช้จ่ายไป 15,552 พันล้านเรียล (ประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์) คิดเป็นร้อยละ 57 ของเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ที่ 27,285 พันล้านเรียล (6.8 พันล้านดอลลาร์) ที่ระบุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง กล่าวว่า รายรับและรายจ่ายของประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ภายใต้การควบคุมแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของโครงการปฏิรูปการจัดการการเงินสาธารณะ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในความเพียงพอต่องบประมาณในการแก้ปัญหางานเร่งด่วนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50977133/government-revenue-reaches-75-percent-of-budget-bill-in-first-three-quarters/