ความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียน ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อกัมพูชา

ประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชา กล่าวถึง โอกาสหลังความร่วมมือระหว่างจีนและชาติอาเซียน ได้ขยายความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงศักยภาพข้าวของกัมพูชาที่มีอยู่ในตลาดจีน โดยถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกัมพูชาในการขยายปริมาณการส่งออกข้าวไปยังจีน หรือขอให้จีนขยายโควตาการนำเข้าข้าวจากกัมพูชาเพิ่มขึ้น ซึ่งผลผลิตข้าวของกัมพูชามีความได้เปรียบทั้งในด้านคุณภาพและราคา โดยความร่วมมือทวิภาคีที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นทำให้การค้าข้ามพรมแดนมีความสะดวกยิ่งขึ้น หลังจากที่ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะมีผลบังคับใช้ในไม่ช้า รวมถึงนับตั้งแต่การดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) ในปี 2010 การค้าและบริการระหว่างจีนและอาเซียนได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านการบูรณาการอย่างลึกซึ้งของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่คุณค่า ด้วยการยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับผลิตภัณฑ์ 7,000 รายการ ระหว่างชาติอาเซียนและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50976990/upgraded-china-asean-partnership-amplifies-rcep-co-op/

‘อุตสาหกรรมสิ่งทอ-เครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม’ มีโอกาสสดใสในปี 65

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าจะเติบโตและสร้างรายได้จากการส่งออกราว 40 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า เมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลายลงในเวียดนามและทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญและกิจการจำนวนมาก มองว่ามีสัญญาเขิงบวกต่อตลาดและแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอในปีหน้า ทั้งนี้ นายฝ่ามซานห่ง (Pham Xuan Hong) ประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเมืองโฮจิมินห์ กล่าวว่ากิจการต่างๆ มีปริมาณสั่งซื้อค่อนข้างมากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ แสดงให้เห็นถึงสัญญาเขิงบวกสำหรับการฟื้นตัวของธุรกิจสิ่งทอในเมืองโฮจิมินห์ เช่นเดียวกับกิจการสิ่งทอในภาคใต้ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตและส่งออกสิ่งทอและเสื้อผ้าแห่งชาติของเวียดนาม (Vinatex) กล่าวว่าถึงแม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่ว่าประเทศต่างๆ เริ่มกลับมาฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ และความต้องการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของประเทศที่มีขนาดใหญ่ อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และจีน เริ่มกลับมาดำเนินการเป็นปกติช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดในปี 2562

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-us-trade-likely-to-reach-100-billion-usd-this-year/215948.vnp

‘เวียดนาม’ มีศักยภาพมหาศาลในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล

นาย Kitack Lim เลขาธิการองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) เข้าพบหารือกับนาย Nguyen Hoang Long เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหราชอาณาจักร กล่าวแสดงความชื่นชมเวียดนามว่ามีการพัฒนาอุตสาหกรรมทางทะเลอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยเวียดนามมีประชากรจำนวนมากและแรงงานที่มีศักยภาพ รวมถึงเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางด้านการจัดหาอุปกรณ์เรือและการต่อเรือ เนื่องจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ในอินโดแปซิฟิก และเวียดนามมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเดินเรือทางทะลกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย สาธารณรัฐเกาหลีและจีน อีกทั้ง เอกอัครราชทูตฯ ได้ขอให้เลขาธิการฯ ช่วยเวียดนามในการปรับปรุงขีดความสามารถในการเดินเรือทางทะเล ด้วยเหตุนี้ จึงเปลี่ยนศักยภาพการเดินเรือทางทะเลให้เป็นข้อได้เปรียบของชาติ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-boasts-huge-potential-for-maritime-development-imo-secretary-general-907082.vov

เมียนมาพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต้นปีหน้า

เมื่อวันพุธ (24 พ.ย.64) กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมา เปิดเผยว่ามีแผนเริ่มกลับมารับท่องเที่ยวต่างประเทศในต้นปีหน้า ระยะแรกคาดจะรับนักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคและร่วมหารือกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบเมื่อสนามบินและชายแดนกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ข้อมูลล่าสุดชายแดนเมียนมา-ไทยจะเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนหน้า จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข มีประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 10.4 ล้านคน ซึ่งการระบาดชองโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของเมียนมาหยุดชะงัก ส่งผลให้โรงแรมและเกสต์เฮาส์บางแห่งต้องปิดกิจการลง เมื่อเดือนก.ย.64 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ ราว 100,000 คน ลดลง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีนักท่องเที่ยว 900,000 คน เนื่องมาจากการจำกัดการเดินทางในประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : http://www.news.cn/english/asiapacific/2021-11/24/c_1310330100.htm

สปป.ลาว-โปแลนด์ ตกลงสำรวจการค้าและส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างกัน

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) และหอการค้าโปแลนด์-อาหรับแห่งชาติ (NPACC) ได้ตกลงที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า และความเป็นไปได้สำหรับความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างลาวและโปแลนด์ ด้วยความปรารถนาร่วมกันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป และสำรวจความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างลาวและโปแลนด์และประเทศอาหรับในบริบทของโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายจะเริ่มจากความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงแรกเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก นักลงทุนและการค้าให้มีควาสะดวกมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพรวมทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_poland_231.php

ภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา เริ่มเห็นสัญญาการฟื้นตัว

ด้วยการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของกัมพูชา ที่ใกล้จะครอบคลุมจำนวนประชากรภายในประเทศ ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลน้ำราว 910,150 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 10,281 คน ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า การเติบโตด้านการท่องเที่ยว เป็นผลมาจากการที่นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางสาธารณะสุข รวมถึงการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำการฉีดวัคซีนครบตามจำนวนแล้วเข้ามาภายในประเทศโดยไม่ต้องกักตัว โดยสัญญาณบ่งชี้อีกอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวคือผู้คนภายในประเทศเริ่มใช้จ่ายเงินไปกับการเข้าพักในโรงแรมและร้านอาหารมากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50976289/domestic-tourism-revival-bodes-well-for-return-of-international-visitors/

ฮุน เซน คาดเศรษฐกิจกัมพูชาขยายตัวร้อยละ 3 ในปีนี้

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน คาดเศรษฐกิจกัมพูชาขยายตัวร้อยละ 3 ในปีนี้ อันเนื่องมาจากการเติบโตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดย ฮุน เซน ได้กล่าวไว้ในพิธีการเปิดสะพาน Stung Trang-Krouch Chhmar ในวันที่ 23 พ.ย. ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว หลังจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่ง ฮุน เซน กล่าวเสริมว่าหากอีก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมดำเนินไปได้ด้วยดี จะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาขยายตัวได้ถึงประมาณร้อยละ 3 ภายในสิ้นปีนี้ โดยในปีงบประมาณ 2022 รัฐบาลคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไว้ที่ประมาณร้อยละ 2.4 โดยฟื้นตัวจากในปี 2020 ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 โดยภาคบริการซึ่งส่วนใหญ่คือภาคการท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบมากที่สุด คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เนื่องจากรัฐบาลอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนเดินทางมายังกัมพูชาโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งคาดว่าภาคส่วนนี้จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50976291/economic-growth-revised-to-3-percent-this-year/

คู่ค้ารายใหญ่โลก “อาเซียน-จีน” ร่วมลงทุน 3 แสนล้านดอลลาร์

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN) ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนขาออกที่สำคัญของจีนและแหล่งที่มาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ก่อตั้งความสัมพันธ์จีน-อาเซียน เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ด้วยการลงทุนร่วมกันเกิน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างทั้งสองฝ่าย นักลงทุนในอาเซียนได้เห็นโอกาสในจีน ซึ่งในปี 2020 การลงทุนของวิสาหกิจจีนในกลุ่มประเทศอาเซียนสูงถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 23.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1.059 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน การลงทุนของกลุ่มอาเซียนในจีนแผ่นดินใหญ่ก็มีการลงทุนมูลค่าสูงถึง 7.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี สำหรับช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ การลงทุนจากอาเซียนเพิ่มขึ้น 39% สู่ระดับ 7.61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (2021) ปริมาณการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 7.03 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 30% และคาดว่าตัวเลขปีนี้จะกลายเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่

ที่มา : https://www.banmuang.co.th/news/inter/259800

พาณิชย์ เผย 10 เดือนแรกไฟเขียวต่างชาติลงทุนในไทย 213 ราย จ้างงานกว่า 5 พันคน

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.64) คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 213 ราย เงินลงทุนรวมกว่า 11,554 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 5,000 คน ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 82 ราย คิดเป็น 38% สิงคโปร์ 33 ราย คิดเป็น 15% และฮ่องกง 20 ราย คิดเป็น 9%

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/148468

‘ยอดการค้าเวียดนาม-สหรัฐฯ’ มีโอกาสแตะ 100 พันล้านเหรีญสหรัฐ ปีนี้

การค้าระหว่างประเทศเวียดนาม-สหรัฐฯ มีแนวโน้มแตะ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 221 เท่าเมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2538 เมื่อทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ระดับปกติ นาย Hoang Quang Phong รองประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) กล่าวในที่ประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมการค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ภายใต้บริบทใหม่ ว่าแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อหวงโซ่อุปทาน แต่ในปี 2563 ถือเป็นปีแรกที่ยอดการค้าทวีภาคีระหว่างเวียดนาม-สหรัฐฯ มีมูลค่ามากกว่า 90 พันล้านเหรียญสหรัฐ

อีกทั้ง ปัจจัยทางการค้าถือเป็นเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์การค้าระหว่างเวียดนาม-สหรัฐฯ โดยเวียดนามสนใจที่จะทำธุรกิจในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากจำนวนผู้บริโภคมีขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านคน ประกอบกับนโยบายที่เปิดกว้าง มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับตลาดอาเซียนผ่านข้อตกลงการค้าเสรี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-us-trade-likely-to-reach-100-billion-usd-this-year/215948.vnp