ถั่วเมียนมาเริ่มเป็นที่ต้องการจากอินเดีย

ผู้ค้าถั่วเมียนมา เผย ตลาดถั่วและถั่วพัลส์ของเมียนมาคาดว่าจะเติบโตจากกลุ่มผู้ซื้อที่จากอินเดีย ชาวไร่ชาวสวนผู้ปลูกถั่วอินเดียประสบปัญหาสภาพอากาศเลวร้ายต่อการปลูกถั่ว ดังนั้นความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กระทรวงการเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร ของอินเดียอนุญาติให้นำเข้าถั่วดำรวมถึงถั่วพัลส์อื่น ๆ จากเมียนมา ด้วยการผ่อนคลายเงื่อนไขในการขนส่งจนถึงวันที่ 30 ธ.ค.2564ราคาของถั่วมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นราคาจึงไม่น่าจะลดลงจนถึงเดือนธ.ค. ปัจจุบัน ราคาถั่วเขียว (ชเววา) ต่อตะกร้าอยู่ที่ 44,000 จัต ถั่วเขียว 40,000 จัตต่อตะกร้า ถั่วดำ 46,000 จัตต่อตะกร้า และถั่วลิสง 59 ,000 จัตต่อตะกร้า ในปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาออกถั่ว 1.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการส่งออกทางเรือ 966.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 1.24 ล้าน และส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านผ่านชายแดน 604.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากจำนวน 786,920 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-bean-market-sees-high-potential-on-possible-demand-of-india/#article-title

สปป.ลาว UN ตกลงส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันอังคาร รัฐบาลและองค์การสหประชาชาติได้ลงนามในกรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของ สปป. ลาว-UN (UNSDCF) ปี 2022-2026 โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างลาวและสหประชาชาติในการบรรลุลำดับความสำคัญในการพัฒนาของลาว โดยมีลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์สี่ประการ: 1) สวัสดิภาพของประชาชน; 2) ความเจริญรุ่งเรืองรวม; 3) ธรรมาภิบาลและหลักนิติธรรม และ 4) สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยืดหยุ่น กรอบความร่วมมือใหม่นี้จะเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการวางแผนและการดำเนินโครงการพัฒนาประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโลกขององค์การสหประชาชาติที่มุ่งมั่นทำให้ระบบการพัฒนาของสหประชาชาติมีความสอดคล้อง มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานของสหประชาชาติในลาวในช่วงปี พ.ศ. 2565-2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนองความต้องการของสปป.ลาว ในการพัฒนาประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_LaosUN_225_21.php

สปป.ลาวเพิ่มพื้นที่ผลิตผลทางการเกษตรตามแนวรถไฟจีน-ลาว

รัฐบาลสปป.ลาวได้วางแผนที่จะเร่งการจัดสรรพื้นที่การผลิตทางการเกษตรทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่สำคัญในจังหวัดตามแนวทางรถไฟและทางด่วนจีน-ลาว และจังหวัดที่มีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ ตามรายงานของสำนักข่าวลาวเมื่อวันศุกร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ เพชร พรมพิภักดิ์ กล่าวว่า “กระทรวงของเขาได้กำหนดมาตรการพัฒนาการเกษตรที่มุ่งเน้นในปี 2565 มาตรการดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับระบบนิเวศของพืชผลและสัตว์ ซึ่งจะทำการเกษตรเพื่อการค้าและการส่งออก และเพื่อดึงดูดการลงทุนในประเทศและต่างประเทศด้วยการกำหนดนโยบายที่เอื้ออำนวยและสร้างสภาพแวดล้อมในการลงทุนที่เอื้ออำนวย” แผนดังกล่าวจะเน้นไปที่การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปโดยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิต เช่น โรงสีข้าว โรงเลื่อย เครื่องอบแห้ง โรงงานปุ๋ยหมัก โรงฆ่าสัตว์ และสถานีขนถ่ายสินค้าที่สถานีรถไฟ และใช้เทคนิคการผลิตที่ทันสมัยเพื่อลดต้นทุน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50971550/laos-to-increase-agricultural-production-areas-along-china-laos-railway/

จ.พระสีหนุ จุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวภายในกัมพูชา

จังหวัดชายฝั่งอย่างพระสีหนุ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่นักท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวรายงานถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า 180,000 คน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้คิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจำนวน 175,801 คน และชาวต่างชาติอีกจำนวน 4,495 คน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของสัปดาห์ก่อน โดยสถานที่ท่องเที่ยวและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั่วประเทศได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและได้เตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลน้ำที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ยังได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดการกักกันสำหรับผู้โดยสารที่รับวัคซีนครบตามกำหนด ทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. เป็นต้นไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50971480/preah-sihanouk-province-the-most-visited-destination-last-weekend/

กัมพูชายกเลิกการกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หลังจากนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้ประกาศเปิดประเทศสำหรับนักธุรกิจที่จำเป็นต้องเดินทางมายังกัมพูชาเพื่อดำเนินธุรกิจ ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ย. กัมพูชาได้ขยายขอบเขตการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตั้งเป้าที่จะต้อนรับผู้โดยสารขาเข้าไม่ว่าจะเป็นชาวกัมพูชาที่เดินกลับมาจากต่างประเทศ หรือชาวต่างชาติ อาทิเช่น นักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ผู้ที่จะเดินทางมายังกัมพูชาต้องทำการตรวจแบบ PCR ก่อน โดยผลตรวจต้องไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางมายังกัมพูชา และเมื่อมาถึงกัมพูชาผู้โดยสารต้องทำการทดสอบอีกครั้งที่สนามบิน ซึ่งใช้เวลารอประมาณ 20 นาที จึงจะทราบผลหากผลเป็นลบนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังที่ใดก็ได้ในกัมพูชา แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนยังคงต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามกำหนด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50971326/end-of-quarantine-means-the-country-is-truly-back-in-business/

ผู้แทนจากสปป.ลาวและประเทศสมาชิก SEAMEO อนุมัติแผนพัฒนาการศึกษา

สมาชิกขององค์การรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMEO) ได้อนุมัติแผนกลยุทธ์สำหรับปี 2564-2568 เพื่อจัดการกับความร่วมมือระดับภูมิภาคในการพัฒนาการศึกษา แผนดังกล่าวจะส่งเสริมความยืดหยุ่นในการเผชิญเหตุฉุกเฉินพร้อมกับการศึกษาและการฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา และการปรับปรุงการศึกษาของครู ในระหว่างการประชุม ในนามของผู้แทนลาว ผู้อำนวยการของ SEAMEO CED รองศาสตราจารย์ ดร. Niane Sivongxay กล่าวว่า “รัฐบาลลาวได้สร้างโอกาสสำหรับพลเมืองลาวทุกคนในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน ศูนย์ของเรามีบทบาทสำคัญในการจัดการกับอุปสรรคในการรวมและส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับโรงเรียน” แผลกลยุทธ์ดังกล่าวจะยกระดับการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ในสปป.ลาวให้ดีเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาคนพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_Asian_224.php

การเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปโดยปลอดภาษีของ สปป. ลาว

ปัจจุบัน สปป. ลาวเป็นประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ได้ประโยชน์จากการเข้าถึงสินค้าทั้งหมดโดยปลอดภาษีและปลอดโควตา (DFQF) ไปยังตลาดสหภาพยุโรปสำหรับสินค้าทั้งหมด ยกเว้นเครื่องกระสุนปืนและอาวุธ การเข้าถึงพิเศษนี้มีให้ภายใต้โครงการ Everything But Arms (EBA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในสามประเภทของโครงการที่สหภาพยุโรปจัดทำขึ้นภายใต้ ‘Generalised Scheme of Preferences’ (โครงการ GSP) อีกสองหมวดคือ Standard GSP และ GSP+ ซึ่งใช้กับประเทศกำลังพัฒนา  สปป. ลาวได้ใช้ประโยชน์จาก EBA ของตนมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการส่งออก EBA จาก สปป. ลาวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม การส่งออกของ สปป. ลาวไปยังสหภาพยุโรปในปัจจุบันมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของการส่งออกทั้งหมด ถึงอย่างนั้น สปป. ลาวมีศักยภาพที่สำคัญในการขยายการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและเพิ่มส่วนแบ่งการส่งออกไปยังตลาดสหภาพยุโรปได้ในอนาคตจากการใช้ประโยชน์จากโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_The_lao_pdr_224.php

 

5 พ.ย. 64 ส่งออกสินค้าเกษตรเมียนมา ลดลง 315 04 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาอยู่ที่ 315.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของงบประมาณย่อย (ต.ค. 2564 ถึงมีนาคม 2565) ลดลง 28.49 04 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2563-2564 ที่ 343.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากคู่ค้าหลักอย่างจีนปิดปิดชายแดนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในภาคการส่งออก อุตสาหกรรมการเกษตรคิดเป็น 37% ของการส่งออกโดยรวม สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าวและข้าวหัก ถั่วและข้าวโพด ผลไม้และผัก งา ใบชาแห้ง น้ำตาล และอื่นๆ โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และศรีลังกา ปัจจุบันเมียนมาพยายามวางแผนการส่งออกเนื่องจากปัจจุบันตลาดโลกมีความผันผวน การค้าแบบ G to G จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยสร้างตลาดที่แข็งแกร่งสำหรับเกษตรกร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำลังช่วยเหลือเกษตรกรในด้านต่างๆ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูง การจัดหาเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ ต้นทุนการเพาะปลูก และสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ปัจจุบันการส่งออกสินค้าเกษตรพุ่งขึ้นเป็น 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2563-2564 สวนทางกับการส่งออกสินค้าอื่นๆ จะมีแนวโน้มลดลง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/agricultural-export-tops-315-mln-as-of-5-november/#article-title

ยอดขนส่งสินค้า ‘รถไฟเวียดนาม-จีน’ พุ่ง

ตามข้อมูลทางสถิติของการรถไฟเวียดนาม (VRN) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างเวียดนาม-จีนผ่านช่องทางชายแดนด่านหล่าวกายและด่งดัง อยู่ที่ 838,000 ตัน เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าไนไตรมาสที่ 3 การระบาดของโควิด-19 จะลุกลามไปยังหลายจังหวัด ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขนส่งสินค้าในประเทศที่อยู่เส้นทางรถไฟสายเหนือ-ใต้ ทั้งนี้ Pham Duc Khai หัวหน้าสถานีรถไฟด่งดัง (Dong Dang) กล่าวว่าแม้จะเผชิญกับการระบาดของเชื้อโรค แต่ปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศผ่านสถานีดังกล่าว มากกว่า 400,000 ตัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/railway-goods-transport-between-vietnam-china-surges/215495.vnp

 

นักเศรษฐศาสตร์ ชี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เวียดนามจำเป็นต้องมีการลงทุนภาครัฐที่แข็งแกร่ง

ตามรายงานของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจุดข้อบกพร่องหลายอย่าง โดยตั้งแต่ปี 2545-62 การลงทุนภาครัฐ มีส่วนแบ่งจาก GDP ลดลงจาก 22% มาอยู่ที่ 11% ขณะที่ความต้องการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง รายงานว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐ อยู่ที่ 257.38 ล้านล้านดอง (11.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) หรือประมาณ 55.8% ของเป้าหมายทั้งปี นอกจากนี้ ประเด็นโควิด-19 ระบาดระลอกที่ 4 ในเวียดนาม ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมทั่วประเทศที่ต้องเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP เหลืออยู่ที่ 2%-2.5% ปีนี้

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/economy/item/10770502-vietnam-s-growth-and-recovery-require-strong-public-investment-economists.html