FAO คาดการณ์ราคาข้าวที่น่าดึงดูดจะกระตุ้นผลผลิตข้าวในกัมพูชา

องค์การอาหารและเกษตรกรรมแห่งสหประชาชาติ (FAO) คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.9 จากปีก่อนหน้า แตะสถิติสูงสุดที่ 534.9 ล้านตัน ในฤดูกาล 2024/25 โดยรายงานดังกล่าวถูกกว่าไว้ใน World Food Outlook ฉบับล่าสุด ซึ่ง FAO ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียคาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยผลผลิตข้าวโดยรวมของภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 หรือคิดเป็นปริมาณรวมกว่า 478.9 ล้านตัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการปลูกข้าวและการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม คาดว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวจะขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับในประเทศไทยโอกาสที่ผลผลิตจะฟื้นตัวเต็มที่นั้นถูกกระทบโดยความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการปลูกข้าว เนื่องจากความแห้งแล้งในช่วงต้นฤดู รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงการสนับสนุนของรัฐบาลที่ประกาศออกมา ด้านกัมพูชากลับมีแนวโน้มการส่งออกที่สดใส โดย FAO คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวของกัมพูชาจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 หรือคิดเป็น 7.9 ล้านตันในปีนี้ ทำให้กัมพูชาเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดอันดับ 10 ของโลก หลังจากแซงหน้าบราซิลและญี่ปุ่นในปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501506357/fao-expects-attractive-prices-to-boost-rice-output-in-cambodia/

รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ สปป.ลาว เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม BRICS+

นายสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ สปป.ลาว เข้าร่วมการประชุม BRICS Foreign Ministers’ Dialogue with Developing Countries (BRICS+) ที่เมืองนิจนีนอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย โดย ฯพณฯ ท่าน กล่าวในที่ประชุมว่า ในบริบทโลกปัจจุบัน สปป.ลาว อยากเห็นกลุ่ม BRICS มีบทบาทมากขึ้นและปกป้องความร่วมมือแบบพหุภาคีในการพัฒนาและความมั่นคงระดับโลก และการป้องกันขั้วการเมืองโลกแบบฝ่ายเดียว รวมถึงพฤติกรรมสองมาตรฐานในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ สปป.ลาว มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับ BRICS ในทุกระดับ การหารืออย่างมีประสิทธิผลในวันนี้ จะช่วยยกระดับความร่วมมือไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_113_DPM_y24.php

‘เวียดนาม’ ดาวเด่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายไค เว่ย อัง (Kai Wei Ang) นักเศรษฐศาสตร์อาเซียนจากธนาคารยักษ์ใหญ่ Bank of America Merrill Lynch (BAML) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Squawk Box ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี กล่าวว่าเวียดนามยังคงเป็นดาวเด่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับประโยชน์จากยุทธศาสตร์ชองจีน “CHINA+1” ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับกับการขาดแคลนพลังงานในปีที่แล้ว และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเปราะบางก็ตาม โดยนักวิเคราะห์ได้ตั้งช้อสังเกตไว้ว่าจากความได้เปรียบทางการแข่งขันของเวียดนามในด้านแรงงานและข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ช่วยหนุนการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิเช่น สหภาพยุโรป สิ่งเหล่านี้ส่งเสริมให้เวียดนามดึงดูดการลงทุน

ที่มา : https://theinvestor.vn/vietnam-a-bright-spot-in-southeast-asia-bofa-economist-d10684.html

‘สหรัฐฯ’ ยืนยันสถานะทางเศรษฐกิจเวียดนาม หนุนโอกาสส่งออก

ในช่วงต้นเดือน พ.ค.67 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จัดการประชุมการยอมรับทางเศรษฐกิจแบบตลาดของเวียดนาม พบว่าเวียดนามแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะบรรุหลักเกณฑ์ 6 ข้อที่ไว้ในการเป็นเศรษฐกิจแบบตลาดของประเทศ รวมถึงดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ และอื่นๆ ซึ่งจากการปะเมินของนักวิเคราะห์ ได้เห็นถึงศักยภาพของเวียดนามที่เปิดรับหลักเกณฑ์ต่างๆ ของสหรัฐฯ ได้ดีและเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศมากกว่าอินโดนีเซีย แคนาดาและฟิลิปปินส์

ในขณะเดียวกัน นาง Nguyen Thi Thu Trang ผู้อำนวยการศูนย์ WTO และหอการค้าและการอุตสาหกรรมของเวียดนาม (VCCI) กล่าวว่าการที่เวียดนามคว้าโอกาสจากการยอมรับสถานะทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการเวียดนาม โดยเฉพาะธุรกิจการผลิตและการส่งออก เนื่องจากได้รับการลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ ผู้ประกอบการสหรัฐฯ ก็สามารถกระจายห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจได้มากขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/early-us-recognition-of-market-economy-to-increase-opportunities-for-vietnamese-exports-post288493.vnp

ปรับปรุงเส้นทางการค้าด่านหม่อตอง-สิงขร ดึงดูดผู้ค้ามากขึ้น

ตามการระบุของผู้ค้าท้องถิ่น เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปริมาณการค้าที่ด่านชายแดนหม่อตอง-สิงขร ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนเมียนมา-ไทยในเขตตะนาวศรี เพิ่มขึ้นเนื่องจากเส้นทางการค้าที่ดีขึ้น ดึงดูดธุรกิจการค้าชายแดนเมียนมาให้ยกระดับการค้าผ่านด่านมากขึ้น โดบมีผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเป็นสินค้าส่งออกหลัก เช่นเดียวกับผลผลิตทางการเกษตร เช่น พริก กล้วย และหัวหอม ผลไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค และอาหาร นำเข้าจากประเทศไทย เนื่องจากมีเส้นทางการค้าที่ดี พื้นที่นี้จึงอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสำหรับผู้ประกอบการและคนในท้องถิ่น ทั้งนี้ ตามสถิติที่เผยแพร่โดยกระทรวงการค้า ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 8 มิถุนายน มูลค่าการส่งออกที่ชายแดนหม่อตองอยู่ที่ 0.8377 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออก 0.8220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 0.0157 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ประตูชายแดนหม่อตองได้รับการเปิดอย่างถาวรโดยเมียนมา ในขณะที่ประตูชายแดนสิงขรในประเทศไทยยังคงถูกกำหนดให้เป็นประตูชายแดนชั่วคราวพิเศษ ซึ่งระยะทางจากมะริดไปยังหม่อตองคือมากกว่า 120 ไมล์ และค่าใช้จ่ายในการขนส่งรถบรรทุกอยู่ที่ประมาณ 700,000 จ๊าด หรือเกินกว่าจำนวนนั้นเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นระหว่างทาง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/improved-trade-routes-at-mawtaung-singkhorn-border-checkpoint-attracts-more-traders/

‘ADB’ ช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการหญิงในเวียดนาม

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และธนาคาร Lien Viet Post (LPBank) ร่วมลงนามข้อตกลงโครงการจัดหาเงินทุนทางการเงินให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของธุรกิจ (WSMEs) ในเวียดนาม มูลค่าเงินทุนสูงถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการจัดหาเงินทุนดังกล่าว ประกอบไปด้วยเงินกู้จากเงินทุนสามัญของธนาคารเอดีบี 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินกู้ร่วม 50 ล้านเหรียญสหรัฐที่มาจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน (CEXIM) และความร่วมมือระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ซูซาน กาบูรี ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการภาคเอกชน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) กล่าวว่าความร่วมมือกับธนาคาร LPBank ในครั้งนี้ จะช่วยเหลือผู้ประกอบการสตรีในเวียดนามและมีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ตลอดจนยังช่วยสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจในเวียดนามที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของธุรกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/adb-supports-financial-access-for-women-owned-businesses-in-vietnam-post288523.vnp

สปป.ลาว เผชิญการขาดดุลการค้าต่อเนื่อง และเงินกีบอ่อนค่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

สปป.ลาว ประสบปัญหาการขาดดุลการค้าติดต่อกันสี่เดือนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ สถานการณ์นี้รุนแรงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้เงินกีบอ่อนค่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมูลค่าการค้าเดือนพฤษภาคม 2567 อยู่ที่ 1.122 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นมูลค่าการส่งออก 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขาดดุลการค้า 198 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดในรอบปีและเป็นการขาดดุลการค้าต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน ขณะเดียวกัน เงินกีบขยังคงอ่อนค่าลงจนแตะระดับต่ำสุดใหม่เป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เช่น บาทไทย ดอลลาร์สหรัฐ และหยวนจีน โดยราคาขายดอลลาร์สหรัฐขายอยู่ที่ 21,825 กีบต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และบาทไทยขายอยู่ที่ 694.45 กีบต่อ 1 บาท อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลของร้านแลกเปลี่ยนเงินในท้องถิ่น มีการขายในอัตราที่ไม่เป็นทางการที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 25,000 กีบต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และมากกว่า 710 กีบต่อ 1 บาท

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/06/13/laos-sees-fourth-months-of-trade-deficit-lao-kip-hits-record-low/

เวียดนามคุมเข้ม “พ่อค้าแม่ค้าไลฟ์สด” ต้องจ่ายภาษีตามกฎระเบียบ

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่า นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม สั่งการให้กระทรวงการคลังติดตามการไลฟ์สดขายสินค้า ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ บุคคลที่มีรายได้มากกว่าปีละ 100 ล้านดอง (ราว 144,000 บาท) ต้องสำแดงและชำระภาษีภายใต้กฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของเวียดนาม และรายงานโดยกระทรวงการคลังเวียดนามระบุว่า กลุ่มนักสร้างคอนเทนต์หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์จำนวนมาก ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เนื่องจากไม่แจ้งข้อมูลรายได้ต่อหน่วยงานทางการ ส่วนผู้ที่อยู่ในสาขาอื่น เช่น การตลาด ไอที บริการ การค้าดิจิทัล และโซเชียลมีเดีย จัดอยู่ในกลุ่มที่มีหนี้ภาษีจำนวนมาก

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/3530881/

‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ เดือน พ.ค. พุ่ง 6%

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศ เดือน พ.ค. อยู่ที่ 25,794 คัน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เป็นผลมาจากตัวแทนจำหน่ายออกมาตรการจูงใจซื้อรถยนต์มากขึ้น และหากจำแนกประเภทรถยนต์ พบว่ายอดขายรถยนต์นั่ง อยู่ที่ 18,235 คัน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ในขณะที่ยอดขายรถยนต์พาณิชย์และรถยนต์ใช้งานพิเศษ อยู่ที่ 7,292 คัน และ 267 คัน ตามลำดับ

ทั้งนี้ จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่ายอดขายรถยนต์สำเร็จรูป (CPU) มีการเติบโตสูงกว่ารถยนต์ในประเทศ เนื่องจากรถยนต์นำเข้าที่มีอัตราการใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ 40% จะได้ลดภาษีศุลกากรเหลือ 0% ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามลงนามไว้

นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ได้แนะนำให้ภาครัฐฯ ควรใช้มาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันสำหรับรถยนต์ที่ประกอบในประเทศในระยะยาว

ที่มา : https://ven.congthuong.vn/domestic-auto-sales-inch-up-6-in-may-51100.html

การส่งออกผลผลิตทางการเกษตรของเมียนมาทะลุ 970 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเม.ย.-พ.ค

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา การส่งออกสินค้าเกษตรของเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็น 971.957 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 379 ล้านดอลลาร์ เทียบกับที่บันทึกไว้ (592.7 ล้านดอลลาร์) ในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2566-2567 อย่างไรก็ดี เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปผ่านช่องทางการค้าทางทะเลและชายแดน ในขณะที่นำเข้าสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบที่นำเข้าโดยวิสาหกิจ CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยได้ดำเนินยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ (NES) พ.ศ. 2563-2568 เพื่อกระตุ้นการส่งออก ซึ่งภาคส่วนที่มีลำดับความสำคัญของ NES ได้แก่ การผลิตทางการเกษตร เครื่องนุ่งห่มและเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจประมง ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ การผลิตและบริการดิจิทัล บริการโลจิสติกส์ การจัดการคุณภาพ บริการข้อมูลการค้า นวัตกรรม และภาคผู้ประกอบการ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-agri-produce-exports-cross-us970m-in-apr-may/