‘รถไฟจีน-ลาว’ ทำรายได้จากการขนส่งสินค้า เพียง 1 ปี ทะลุ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทรัฐวิสาหกิจ Yunnan International Railway Service ระบุว่าการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยรถไฟจีน-ลาว มีมูลค่าเกินกว่า 10 พันล้านหยวน (1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพียงแค่ 1 ปี หลังจากเปิดให้บริการเดินขบวนรถไฟ ในขณะที่ปริมาณขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนของบริษัท เพิ่มขึ้นจากเดิมต่ำกว่า 30,000 ตันต่อเดือน ขยับมาอยู่ที่ 200,000 ตันต่อเดือน ทั้งนี้ ตามภูมิภาคทั่วประเทศ มีสินค้ากว่า 1,200 รายการที่ใช้บริการเส้นทางรถไฟจีน-ลาว และขนส่งไปยัง 10 ประเทศที่อยู่ภายใต้โครงการ “Belt and Road Initiative (BRI)” ได้แก่ สปป.ลาว ไทย เมียนมาและเวียดนาม นอกจากนี้ สถาบันการวิจัยทางด้านสังคมศาสตร์ของมณฑลยูนาน ชี้ให้เห็นว่าการเปิดเส้นทางรถไฟแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจตลอดเส้นทางเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการก่อสร้างระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว และประชาคมแห่งอนาคตร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ

ที่มา : http://www.chinadaily.com.cn/a/202212/01/WS6387fd3aa31057c47eba2087.html

อุตสาหกรรมท่องเที่ยว สปป.ลาว บนเส้นทางสู่การฟื้นตัว

ธุรกิจหลายแห่งภายใน สปป.ลาว เริ่มฟื้นตัว หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ไปในช่วงกลางปีที่ผ่านมา รวมถึงปริมาณนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางกลับยัง สปป.ลาว ตามการเปิดเผยของตัวแทนภาคธุรกิจ โดยปัจจุบัน ธุรกิจที่เติบโตได้ดีและเติบโตอย่างรวดเร็ว คือธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมเกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว กล่าวโดย Daovone Phachanthavong รองประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติ สปป.ลาว ซึ่งได้กล่าวเสริมว่า การเปิดทางรถไฟ สปป.ลาว-จีน เมื่อปลายปีที่แล้ว ถือเป็นการช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาขยายตัวอีกครั้ง เนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางใน สปป.ลาว ได้ง่ายขึ้น โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะไทยและเวียดนาม รวมถึงนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten233_Tourism.php

‘รถไฟจีน-ลาว’ กระตุ้นการท่องเที่ยวในสปป.ลาว

รถไฟจีน-ลาว มีส่วนสำคัญในการยกระดับภาคการท่องเที่ยวในลาว ทั้งด้านการขนส่งผู้โดยสารและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางการเดินทาง นับตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2564 ทั้งนี้ เมื่อสอบถามประชาชน พบว่าคุณกิ่งแก้ว ด้วงพันลำ คุณแม่วัย 32 ปี จากแขวงหลวงพระบาง บอกกับสำนักข่าวซินหัวว่าการเดินทางไปและกลับจากบ้านเกิดของเธอพร้อมลูกน้อยแรกเกิดนั้นสะดวกขึ้นมากตั้งแต่เริ่มเปิดใช้การรถไฟ และยังช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่างเวียงจันทน์และหลวงพระบางจาก 8-9 ชั่วโมง เหลือเพียง 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ รถไฟจีน-ลาว อยู่ภายใต้โครงการ “ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI)” ของรัฐบาลจีน และถือเป็นยุทธศาสตร์ของลาวที่จะเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ไปสู่ประเทศศูนย์กลางการคมนาคมทางบก

ที่มา : http://en.people.cn/n3/2022/1129/c90000-10177510.html

ญี่ปุ่น บริจาคสิ่งของหนุน สปป.ลาว เพื่อเป็นประธานอาเซียนในปี 67

รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดหายานพาหนะ อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มูลค่ากว่า 63 พันล้านกีบ (500 ล้านเยน) ให้แก่สปป.ลาว เพื่อสนับสนุนในการเป็นประธานอาเซียนที่จะจัดการประชุมขึ้นในปี 2567 ซึ่งประกอบไปด้วย รถยนต์โตโยต้า คัมรี ไฮบริด 33 คัน ซึ่งจะใช้ในการขนส่งรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาเมื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนที่ประเทศลาวในปี 2567 และอุปกรณ์ไอทีเพื่อปรับปรุงระบบสื่อสารและสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดยมีนายทองพัน สะหวันเพ็ด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสปป.ลาว และนายเคนอิจิ โคบายาชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศสปป.ลาว เข้าร่วมพิธีลงนามที่กระทรวงการต่างประเทศในเวียงจันทน์เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten232_Japan_y22.php

‘เวียดนาม-ลาว’ ตั้งเป้าการค้าทวีภาคีทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เวียดนามและสปป.ลาว คาดว่าจะบรรลุการค้าทวิภาคี 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเร็วๆนี้ เหตุจากในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ อยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การประชุมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าของลาว กล่าวว่างานประชุมครั้งนี้เปิดโอกาสให้รับฟังข้อกังวลของภาคธุรกิจ และส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติทั้งด้านนโยบาย วิธีการดำเนินงานและกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอกชนให้สามารถยกระดับการผลิตและการส่งออกได้ ทั้งนี้ คุณ Do Quoc Hung รองสำนักงานตลาดเอเชีย-แอฟริกาของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม กล่าวว่าสปป.ลาว อยู่ในอันดับที่ 78 ของประเทศที่เวียดนามเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน เวียดนามก็เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในสปป.ลาว โดยงานดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การบรรลุเป้าหมายทางการค้าระหว่างสองประเทศ และความร่วมมือทางการตลาดและด้านพลังงาน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-laos-eye-us2-billion-in-two-way-trade-post986596.vov

สปป.ลาว จับมือ กัมพูชา ยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกัน

รัฐบาลของกัมพูชาและสปป.ลาว ลงนามความร่วมมือทวิภาคีเพื่อประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งคำมั่นสัญญาดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมระหว่างสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา และนายสายสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติสปป.ลาว ที่ได้เยือนกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ทั้งนี้ผู้นำทั้งสองให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งเสริมความร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

ที่มา: https://english.news.cn/20221125/a46c029fa77f47df8b9f007ef7239258/c.html

เงินเฟ้อทำคน สปป.ลาว กังวลหนักเรื่องค่าครองชีพ

ราคาสินค้าเกือบทุกประเภท เช่น อาหาร พลังงาน ไปจนถึงการขนส่ง ใน สปป.ลาว ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 19.69 ในช่วง 10 เดือนแรกของปี ซึ่งในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 36.75 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.05 ที่ได้มีการบันทึกไว้ในเดือนกันยายน และร้อยละ 30.01 ในเดือนสิงหาคม ตามรายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติ สปป.ลาว โดยราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก ความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจและการอ่อนค่าของค่าเงินกีบ เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อใน สปป.ลาว ส่งผลทำให้ต้นทุนค่าครองชีพของคนในประเทศ สปป.ลาว ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็นที่น่ากังวลของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อได้รับการปรับขึ้นเป็นร้อยละ 17 ภายในสิ้นปี 2022 จากราคาน้ำมันที่สูงกว่าที่คาดการณ์ และค่าเงินกีบอ่อนค่าลงตามรายงานล่าสุดของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB)

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten228_Inflation.php

‘สปป.ลาว’ จำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ตามรายงาน Lao Economic Monitor ฉบับประจำเดือนตุลาคม 2565 เปิดเผยว่าการปฏิรูปจะสามารถช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รายงานดังกล่าวยังระบุว่าเงินกีบอ่อนค่าลง 68% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม เป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ในขณะที่หนี้สาธารณะและหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน คาดว่าจะเกินกว่า 100% ต่อ GDP ในสิ้นปีนี้ ด้วยเหตุนี้ ธนาคารโลกจึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสปป.ลาว ในปี 2565 เหลืออยู่ที่ 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.8% ถึงแม้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนของปีนี้ ตารายได้ของคนลาวกลับเพิ่มตามมาไม่ทันเงินเฟ้อ ดังนั้น ธนาคารโลกได้เสนอให้ทำการปฏิรูป 5 ประการ ได้แก่ การยกเว้นภาษี เพิ่มรายได้ของรัฐบาลและปกป้องการใช้จ่ายทางสังคม, ปรับปรุงการบริหารการปกครองสาธารณะ, ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ, เสริมสร้างความมั่งคงของภาคการเงิน และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten227_Reform_y22.php

สปป.ลาว คาด ต้องใช้เงินถึง 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะครั้งที่ 5

จากรายงานในการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะครั้งที่ 5 (PHC) ของ สปป.ลาว เปิดเผยว่าจะต้องใช้งบประมาณราว 3.21 แสนล้านกีบหรือ 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการจัดทำสำมะโนประชากรและสำมะโนเคหะ นาย. คำเจน วงษ์โพธิ์ศรี รมว.กระทรวงแผนและการลงทุน และ นางสาว Mariam A. Khan ตัวแทนจาก UNFPA (กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ) ในสปป.ลาว พร้อมด้วยภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ซึ่งการสำรวจสำมะโนประชากรและสำมะโนเคหะจะมีขึ้นทุกๆ 10 ปี ซึ่งระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้รัฐบาลสปป.ลาว ได้นำเสนอในแผนงบประมาณการลงทุนสำหรับปี 2566-2568 โดยได้จัดสรรเงินจำนวน 6 หมื่นล้านกีบ (4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับในการสำรวจส่วนที่เหลือจะมาจากองค์กรระหว่างประเทศและประเทศที่เป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา จากกการประมาณการจำนวนประชากรของสปป.ลาวภายในปี 2573 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.1 ล้านคน

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/11/21/laos-requires-usd-22-million-for-its-5th-population-and-housing-census/

บริษัทเกาหลี เร่งเครื่องลงทุนอสังหาฯ ในสปป.ลาว

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา KB Lao Group บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากเกาหลีใต้ได้เปิดตัวอาคารอพาร์ตเมนต์ระดับพรีเมียมภายใต้ชื่อโครงการ “The Riverfront Apartments”  ซึ่งนับเป็นการพัฒนาตลาดที่พักอาศัยที่สำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสปป.ลาว ในพิธีนี้มีผู้เข้าร่วมได้แก่ นาง Suanesavanh Vignaket  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว, นาง Phonevanh Outhavong, นาย Hwang Soo Nam ซีอีโอของ KB Lao Group และ นาย Yungsoo Jung เอกอัครราชทูตเกาหลีประจำสปป.ลาว ร่วมเป็นสักขีพยาน โดย The Riverfront Apartments ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Phanman อำเภอศรีสัตตนาค ของเวียงจันทน์ ซึ่งอพาร์ทเมนท์มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและที่สำคัญคืออยู่ติดริมแม่น้ำโขงที่งดงาม ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถเติมความรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับการมองดูพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามเหนือแม่น้ำโขง โดยอพาร์ตเมนต์จะมีทั้งหมด 9 ชั้น 39 ห้องที่มีขนาดแตกต่างกันไป มีทั้งแบบ 1 – 3 ห้องนอน และยูนิตพิเศษอย่างห้องชุดเพนต์เฮาส์ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า โรงหนัง สนามกอล์ฟจำลอง และฟิตเนสเซ็นเตอร์

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten226_Korean.php