โครงการสนามบินเสียมเรียบ ก่อสร้างแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 40

การก่อสร้างสนามบินนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์แห่งใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 42 แม้จะมีเหตุขัดข้องบางประการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านโฆษกและรัฐมนตรีต่างประเทศของสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนกัมพูชา ได้รายงานข้อมูลต่อ National Radio of Cambodia (RNK) โดยเน้นย้ำว่าความคืบหน้าเป็นไปตามกำหนดที่ได้วางไว้ โดยโครงการนี้ดำเนินการโดยผู้พัฒนาชาวจีนภายใต้บริษัท Angkor International Airport Investment (Cambodia) Co., Ltd. (AIAI) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ซึ่งคาดว่าเมื่อสนามบินก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังเสียมราฐมากขึ้น โดยถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและเพิ่มการจ้างงาน รวมถึงรายได้โดยเฉพาะคนในท้องถิ่น ซึ่งสนามบินนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2020 บนพื้นที่ประมาณ 700 เฮกตาร์ และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2023

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50855895/siem-reaps-new-airport-rapid-taking-shape-40-completed/

กัมพูชากำหนดเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งล่าสุด

รัฐบาลกัมพูชากำหนดโครงการช่วยเหลือทางด้านการเงินสำหรับกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิ-19 ในพื้นที่ที่ถูกล็อกดาวน์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวรายงานโดยผู้อำนวยการฝ่ายการวางแผน กระทรวงแผนการ ในฟอรัมพิเศษที่ถ่ายทอดสดโดย TVK เมื่อวานนี้ โดยทางรัฐบาลกัมพูชาได้แถลงเปิดตัวมาตรการช่วยเหลือด้วยการมอบเงินเพื่อเป็นการเยี่ยวยาในด้านการดำเนินชีวิต หลังรัฐบาลสั่งล็อกดาวน์ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงพนมเปญ เขตเมืองกัลดาล และจังหวัดพระสีหนุ ซึ่งครอบครัวที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือจะได้รับเงินเยี่ยวยาอยู่ในช่วงประมาณครอบครัวละ 39 ดอลลาร์ ถึงเกือบ 78 ดอลลาร์ เป็นระยะเวลา 5 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดของครอบครัว โดยคนงานในโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการถูกล็อกดาวน์จะได้รับเงินเยี่ยวยาจำนวน 40 ดอลลาร์ เป็นระยะเวลา 1 เดือน สำหรับครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จะได้รับเงินเยียวยาเพิ่ม 75 ดอลลาร์ นอกเหนือจากกรณีข้างต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50855861/cash-assistance-programme-for-marginalised-and-adversely-affected-groups-by-covid-19-in-lockdown-areas-to-begin-next-week/

สมาคมยานยนต์เวียดนามเผยยอดขายในเดือนเมษายน ลดลงเล็กน้อย

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่ายอดขายรถยนต์ในเดือนเมษายน อยู่ที่ 30,065 คัน ลดลง 3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หากแบ่งประเภท พบว่ายอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 20,398 คัน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ตามมาด้วยยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ 8,887 คัน และรถยนต์ที่ใช้งานเฉพาะทาง 780 คัน ทั้งนี้ ฮุนได (Hyundai) ติดอันดับยอดขายที่ดีที่สุด รองลงมาโตโยต้า เกีย ฟอร์ต มาสด้าและฮอนด้า เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vama-members-see-slight-fall-in-april-car-sales/201393.vnp

ผู้ซื้อสหรัฐฯ และอียู เลือกเวียดนามเป็นปลายทางสำหรับแหล่งวัตถุดิบในปี 64

ตามรายงาน Qima ระบุว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ซื้อทั่วโลก และ 38% ของผู้ซื้อสหรัฐฯ มองว่าเวียดนามเป็นเป้าหมายของการจัดหาวัตถุดิบในปี 2564 ซึ่งมีทางเลือกแรก ผู้ซื้อจะกระจายออกไปยังประเทศจีน ทำให้เวียดนามกลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อชาวตะวันตกเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ ข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความต้องการตรวจสอบและตรวจบัญชีในเวียดนาม ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นับว่าเติบโต 3 ไตรมาสติดต่อกัน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/us-eu-buyers-to-choose-vietnam-as-sourcing-destination-in-2021-857081.vov

ความต้องการข้าวเพิ่มหลังโควิดคลี่คลาย หนุน ราคาข้าวพุ่ง

ราคาข้าวและพืชผลข้าวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในตลาดในประเทศเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นผู้ค้าจากตลาดค้าส่งหลังการคลี่คลายของ COVID-19 ในประเทศ ราคาข้าวในประเทศเพิ่มขึ้น 700-3,000 จัตต่อถุง ปัจจุบันราคาข้าวขยับอยู่ในช่วง 22,500 ถึง 50,000 จัตต่อถุงขึ้นอยู่กับคุณภาพและสายพันธุ์ ส่วนตลาดต่างประเทศราคาข้าวส่งออกของเมียนมาต่ำกว่าของไทยและเวียดนาม แต่ยังสูงกว่าอินเดียและปากีสถานเมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าว 720,000 ตันในช่วงไตรมาสที่ 1 (1 ต.ค.63 – 15 ม.ค.64) ของปีงบประมาณ 63-64 มีรายได้กว่า 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการค้าชายแดน 308,000 ตันส่วนการค้าทางทะเล 418,000 ตัน ปีที่แล้วส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศ 66 ประเทศ จีนเป็นผู้นำเข้าหลักรองลงมาคือ ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ในปีงบประมาณ 60-61 เมียนมาส่งออกข้าวถึง 3.6 ล้านตัน นับเป็นสถิติการส่งออกข้าวสูงสุดตลอดกาล แต่การส่งออกลดลงเหลือ 2.3 ล้านตันในปีงบประมาณ 61-62

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rice-prices-spike-up-on-local-demand/

แขวงตอนกลางและภาคใต้ สปป.ลาว ยกระดับการควบคุมชายแดน

แขวงภาคกลางและภาคใต้ที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยกำลังดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 โดยการตั้งจุดตรวจเพิ่มเติมและตรวจตราพื้นที่ชายแดนเพื่อป้องกันการผู้แพร่เชื้อที่อาจเดินผ่านทางช่องธรรมชาติอย่างผิดกฎหมาย จากข้อมูลของคณะทำงานแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุมโควิด -19 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ทั้งหมด 50 คนในแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งมีพหรมแดนติดกับประเทศไทยทำให้สปป.ลาวต้องออกคำสั่งปฏิบัติตามมาตรการขั้นสูงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โดยมีกรอบระยะเวลาไปจนถึงวันที่ 21 พฤษภาคมเป็นอย่างน้อย การปิดชายแดนครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มงวดส่งผลให้การค้าระหว่างชายแดนที่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 80 ของการส่งออกทั้งหมดของสปป.ลาวเกิดความล่าช้าและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นจากการที่ต้องมีการตรวจเชื้อผ็ขับรถบรรทุกขนส่งก่อนเข้าประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Central91.php

สถานการณ์สินเชื่อภายในประเทศกัมพูชายังคงทรงตัว

สำนักงานข้อมูลเครดิตกัมพูชา (CBC) เปิดเผยดัชนี Credit Consumer Index ประจำไตรมาสแรกท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการล็อกดาวน์ การปรับโครงสร้างเงินกู้ และการหยุดชะงักของภาคการผลิตภายในประเทศ โดยรายงานแสดงให้เห็นว่า “หนี้ที่พ้นกำหนดชำระแล้ว” (DPD) ในช่วง 30 วันเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.24 ทั่วกระดานถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ยอดเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.44 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส จากข้อมูลของสมาคมธนาคารในกัมพูชา (ABC) รวมถึงสถาบันการเงินรายย่อยได้รับคำขอกู้จำนวนมากระหว่าง 400,000 ถึง 500,000 คำขอในแต่ละเดือน ในจำนวนนี้ประมาณร้อยละ 50 ได้รับการอนุมัติ โดยสถาบันทางการเงินหรือธนาคารกำหนดจะอนุมัติเปิดบัญชีเงินกู้รายใหม่ประมาณ 200,000 บัญชีต่อเดือน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50855062/outstanding-loans-not-at-worrisome-level-abc/

สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเริ่มเห็นการฟื้นตัว

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 7 ถึง 9 พฤษภาคม โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในประเทศประมาณ 19,709 คน รายงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ซึ่งในจำนวนนี้คิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา 19,492 คน และเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกจำนวน 217 คน แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศจะยังอยู่ในระดับต่ำแต่ก็ยังเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวได้แนะนำให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ทราบถึงมาตรการป้องกันทางสุขภาพ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและชุมชนโดยรอบ จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะดีขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50855139/domestic-tourism-kicks-off-with-almost-20000-tourists-last-weekend/

ไทยร่วมถกอัปเกรดเอฟทีเอ “ออสซี-กีวี” ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ครั้งที่ 12 เพื่อปรับปรุงความตกลงให้ทันกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังบังคับใช้มาครบ 10 ปี หรือตั้งแต่ปี 53 ว่า ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นที่ควรจะปรับปรุง เช่น มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี, กฎถิ่นกำเนิดสินค้า, การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตัวเอง, พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า เป็นต้น ตั้งเป้าหมายปรับปรุงให้เสร็จภายในปี 65 สำหรับเอฟทีเอดังกล่าว มีบทบาทต่อการค้าและการลงทุนในภูมิภาค ซึ่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากอาเซียนทุกรายการแล้ว ส่วนไทยได้ยกเลิกเก็บภาษีนำเข้าจาก 2 ประเทศในสัดส่วน 98% ของสินค้าที่ค้าขายกัน การส่งออกของไทยไป 2 ประเทศไตรมาสแรกของปีนี้ มีมูลค่า 3,432.75 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 21.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ขนส่งน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน, รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ 1,500-2,500 ซีซี,ปลาทูน่าแปรรูป เป็นต้น

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2090840

ญี่ปุ่นยกระดับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับลาว

สถานทูตญี่ปุ่นได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการใหม่สำหรับความร่วมมือในอนาคตระหว่างสปป.ลาวและญี่ปุ่น เมื่อไม่นานมานี้ Mr.Yoshihide Suga นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้โทรศัพท์ไปหานายMr.Phankham Viphavanh นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว การหารือกันครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนทางโทรศัพท์ครั้งแรกระหว่างผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศ ในโอกาสที่นี้ได้มีการประกาศ ‘แผนปฏิบัติการ’ เพื่อความก้าวหน้าของหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างญี่ปุ่นและสปป.ลาวต่อสาธารณะ แผนปฏิบัติการประกอบด้วยหัวข้อหลัก 5 หัวข้อ ได้แก่ ด้านการเมืองและความมั่นคง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การค้าและการลงทุน ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและสังคมวัฒนธรรม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan_90.php