เมียนมาตั้งเป้าส่งออกน้ำตาล 100,000 ตัน ไป เวียดนาม ในฤดูกาลนี้

Myanmar Sugar and Cane Related Products Association เผย เมียนมาตั้งเป้าส่งออกน้ำตาลประมาณ 100,000 ตันไปยังเวียดนามในฤดูเก็บเกี่ยวนี้ โดยผ่านทางทะเล ขณะที่ปีที่แล้วสามารถส่งออกได้ถึง 160,000 ตัน ที่ลดลงเหลือ 100,000 ตัน เนื่องจากผลอ้อยในประเทศน้อยลงและราคาอ้อยที่เพิ่มสูงขึ้น ปีที่แล้วราคาอ้อยอยู่ที่ 42,000-43,000 จัตต่อตันเท่านั้น ส่งผลให้ชาวไร่อ้อยประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากต้นทุนในการเพาะปลูกที่สูงขึ้น จึงลดการปลูกในปีนี้ลง กระทบให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 จัตต่อตัน ซึ่งจากข้อมูลพบว่าปีที่แล้วพื้นที่ในการปลูกอ้อยครอบคลุมพื้นที่ 450,000 เอเคอร์ของทั้งประเทศ แต่ปีนี้เหลือเพียง 430,000 เอเคอร์

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-targets-to-export-100000-tonnes-of-sugar-to-viet-nam-this-sugarcane-season/#article-title

รถโมบายขายน้ำมันปาล์ม เริ่ม เร่ขายแล้วในเขตย่างกุ้ง

สมาคมผู้ค้าน้ำมันของเมียนมา เผย น้ำมันปาล์มเริ่มจำหน่ายผ่านรถโมบายเคลื่อนที่ในพื้นที่เขตย่างกุ้ง ในราคาถูกกว่าราคาผ่านผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก หลังจากที่ถูกระงับชั่วคราวและกลับมาดำเนินการในวันที่ 14 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มแตะ 4,800 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ในตลาดย่างกุ้ง โดยอ้างอิงจากอัตราของธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM)  และนำมาขายในราคายุติธรรม 4,400 จัตต่อ viss ปัจจุบันราคาปรับตัวสูงขึ้นบ้างตามค่าเงินจัตที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้การบริโภคน้ำมันบริโภคภายในประเทศอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านตันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตน้ำมันประกอบอาหารมีประมาณ 400,000 ตัน ส่วนน้ำมันปรุงอาหารประมาณ 700,000 ตัน จะนำเข้าจากมาเลเซียและอินโดนีเซียในทุกๆ ปี

ที่มา: https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6840360

จีนเริ่มสั่งซื้อพริกจากเมียนมา ในราคา 8,000 จัตต่อ viss

สมาคมพัฒนาตลาดและพัฒนาเทคโนโลยีพริกของเมียนมา เผย จากความต้องการพริกแห้งของจีนอย่างต่อเนื่อง ได้สั่งซื้อพริกแห้งจากเมียนมาในราคา 8,000 จัตต่อ viss (1 viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ซึ่งปัจจุบันมีการเก็บเกี่ยวพริกขี้หนูสดในเขตมาเกว อิยาวดี และมัณฑะเลย์ และราคาเริ่มลดฮวบลงเหลืออยู่ที่ 2,000 จัตต่อ viss ขณะที่ปีที่แล้ว ราคาพริกขี้หนูสดอยู่ที่ 4,000 จัตต่อ viss ปีนี้ผลผลิตลดลงเนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศ นอกจากนี้ จำนวนพื้นที่ในการเพาะปลูกยังลดลงอีกด้วย โดยปกติพริกขี้หนูสดพริกของเมียนมาถูกส่งไปออกยังไทยและจีนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การปิดด่าน Muse ด่านสำคัญระหว่างเมียนมาและจีนตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.64 เป็นต้นมา ส่งผลให้การส่งออกต้องหยุดชะงักลง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/dried-chilli-pepper-valued-at-k8000-per-viss-on-china-demand/#article-title

ค้าชายแดนเมียนมา ลดฮวบ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค 64 ถึง 7 ม.ค. 65 ของปีงบประมาณรายย่อยปัจจุบัน (2564-2565)  มูลค่าการค้าชายแดนรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ 2.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแบ่งเป็นการส่งออก 1.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 493 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่ทำการค้าขายกับเมียนมา เช่น จีน ไทย บังคลาเทศ และอินเดีย มีด่านชายแดนที่ทำการค้าขายทั้งหมด 19 แห่ง โดยชายแดนเมียวมีมูลค่าการค้าสูงสุดประมาณ 656 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาคือ ด่านตีกี 444 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และด่านมูเซ 324 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เกษตร สัตว์ ทางทะเล ป่าไม้ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ส่วนการนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน วัตถุดิบ สินค้าส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ CMP

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/total-border-trade-down-nearly-1-3-bln/

ราคาหัวหอมช่วงฤดูหนาวของเมืองเจาะบะด้อง ร่วงหนัก !

แม้ว่าฤดูเพาะปลูกต้นหอมในช่วงฤดูหนาวของเมืองเจาะบะด้อง  เขตมัณฑะเลย์ ราคามีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ เกษตรกรยังจำเป็นต้องขายในราคาปกติเพื่อไม่ให้ขาดทุน ทั้งนี้เกษตรกรและผู้ค้าหัวหอมได้รับผลกระทบจากตลาดเนื่องจากขาดความต้องการจากต่างประเทศและสถานการณ์การแพร่ระบาดของของ COVID-19 และยังเผชิญกับต้นทุนการปลูกที่สูงขึ้นถึง 2 ล้านจัตต่อเอเคอร์ ปัจจุบันมีราคาเพียง 300 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กก.) ดังนั้นเกษตรกรจึงดิ้นรนหาทุนสำหรับการเพาะปลูกในฤดูกาลหน้า ในช่วงต้นปี 2563 หัวหอมราคาอยู่ที่ 1,200-1,300 จัตต่อ viss และความต้องการที่สูงขึ้นของตลาดต่างประเทศส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทำให้มีการขยายการเพาะปลูก แต่หลังจากนั้นราคาดิ่งลงอย่างมากในช่วงวิกฤต COVID-19 ขณะที่ตลาดการส่งออกหลัก คือ บังคลาเทศและอินเดีย โดยหัวหอมส่วนใหญ่ปลูกในเขตมัณฑะเลย์ มะกเว ย่างกุ้ง รัฐเนปิดอว์ และรัฐฉาน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/onion-prices-in-bear-market-even-when-winter-growing-season-starts/#article-title

เมียนมาส่งออกกาแฟ 450-500 ตันในฤดูกาลนี้

ศูนย์วิจัยและเผยแพร่เทคโนโลยีกาแฟแห่งเมืองปยีนอู้ลวีน เผย เมียนมาจะส่งออกกาแฟประมาณ 450 หรือ 500 ตันในฤดูการนี้ โดยจะถูกส่งออกไปยัง เช่น อเมริกา เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ไทย และจีน ปัจจุบันมีการปลูกและผลิตกาแฟคุณภาพสูงและจำหน่ายในเดือนธันวาคมและมีนาคมเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันกาแฟเป็นที่ต้องการอย่างมากและมีการแข่งขันสูง โดยราคาจะอยู่ระหว่าง 4 – 5 จัตล้านต่อตัน ขณะที่ราคาในตลาดต่างประเทศสูงกว่า 5 ล้านจัตต่อตัน ทั้งนี้ไร่กาแฟในจีนและบราซิลถูกภัยพายุพัดถล่ม คาดว่าราคากาแฟเมียนมาน่าจะปรับขึ้นมากที่สุดในรอบสามปี

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-to-export-450-500-tonnes-of-coffee-this-coffee-season/#article-title

MEODA เริ่มทยอยขายน้ำมันปาล์มให้ร้านค้าปลีก

กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันพืชแห่งเมียนมา (MEODA) จะเริ่มทยอยขายน้ำมันปาล์มในราคาถูกให้กับผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้ประกอบการรถโมบายขายสินค้าและสมาคมต่างๆ ในภูมิภาคและรัฐต่างๆ โดยผู้มีสิทธิซื้อน้ำมันปาล์มต้องปฏิบัติตามกฎที่กำหนดเพื่อชำระเงินเพื่อซื้อน้ำมันพืช ถ้าไม่ชำระเงินตามระยะเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถซื้อน้ำมันผ่านสมาคมฯ ได้อีก ปัจจุบัน ราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4,800 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) การบริโภคน้ำมันพืชภายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี การผลิตน้ำมันเพื่อประกอบอาหารมีประมาณ 400,000 ตัน เพื่อความเพียงต่อการบริโภคภายในประเทศ เมียนมาต้องนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารจากมาเลเซียและอินโดนีเซียประมาณ 700,000 ตันต่อปี

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/meoda-to-sequentially-sell-palm-oil-to-retailers/

 

เกษตรกร ปลื้ม ปีนี้ ขายกะหล่ำปลีได้กำไรงาม

เกษตรกรจากหมู่บ้านในเขตอำเภอวู่นโต และกอลี่น เขตซะไกง์ กำลังปลูกะหล่ำปลีโดยใช้น้ำชลประทานจากลำห้วย Daungmyu กำลังปลื้มกับราคากะหล่ำปลีในปีนี้ โดยทปีที่แล้วขายกะหล่ำปลีหนึ่งหัวได้ในราคา 600 แต่ปีนี้ราคาพุ่งไปถึง 1,500 ต่อหัว แม้ปีนี้ต้นทุนการปลูกจะสูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อยเนื่องจากราคาปุ๋ยและยาฆ่าแมลงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยต้นทุนการเพาะปลูกอยู่ที่ประมาณ 70,000 จัตต่อ 2,000 ต้น หากราคากะหล่ำปลีไม่ตกต่ำ เชื่อว่าเกษตรกรจะสามารถทำกำไรได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cabbage-growers-making-handsome-profits-this-year/#article-title

ราคาแตงโมเมียนมาในตลาดจีน ร่วงหนัก!

ก่อนวันที่ 8 ม.ค.65 ราคาแตงโมคุณภาพคุณภาพดี อยู่ที่ 7 หยวนต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันลดฮวบต่ำกว่า 5 หยวนต่อกิโลกรัม  ศูนย์การค้าผลไม้ชายแดนมูเซได้ขอให้เกษตรกรรอการจัดส่งในวันที่ 10 ม.ค.65 อย่างไรก็ตาม ราคายังคงทรงตัวที่ 5 ถึง 7 หยวนต่อกิโลกรัม ความล่าช้าของรถบรรทุกทำให้เกิดผลเสียต่อคุณภาพของแตงโม ปัจจุบันใช้เวลาประมาณ 20 วัน จากสวนสู่ตลาดจี นอกจากมาตรการจัดการการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แล้ว กฎระเบียบศุลกากรของจีนยังส่งผลให้เกิดความล่าช้าและด่านชายแดนจีนจะเก็บภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งการค้าจะกลับสู่ภาวะปกติหลังจากที่จีนผ่อนคลายกฎเกณฑ์และมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้จีนจำเป็นต้องปิดด่านชายแดนมูแซเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ด่านชายแดน Kyinsankyawt ระหว่างเมียนมาและจีน ได้ปิดตัวลงไปแล้วตั้งแต่ 8 ก.ค.64 และได้เปิดทำการค้าขายชั่วคราวอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย.64 ที่ผ่านมา

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/watermelon-prices-fall-again-in-chinese-market/

รถโมบายขายสินค้าราคาถูก ช่วย ชาวเมียนมา ช่วงโควิด-19 ระบาด

สมาพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา (UMFCCI) เผย รถโมบายขายสินค้าสำหรับตลาดเคลื่อนที่ราคาได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง ในวันที่ 7 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ในห้าเขต อาทิ ดาลา เซอิคยี คะนองโต ทวันไต ไคเมียนดีน และคามายุต เพื่อลดความแออัดในการไปซื้อสินค้าที่ตลาดในช่วงการระบาดของ COVID-19 และลดค่าครองชีพของชาวเมียนมา โดยผู้บริโภคสามารถซื้อข้าวสารได้ในราคา 1,000 จัต (สำหรับข้าวคุณภาพต่ำ) และ 1,700 จัต (สำหรับพันธุ์ ปาว ซาน) และน้ำมันพืชอยู่ที่ 1,850 จัตต่อขวด เป็นต้น แผนการตลาดเคลื่อนจะดำเนินการที่ไปสี่เขตของย่างกุ้ง โดยจะอัปเดตการขายรายวันผ่านเพจ Facebook และแผ่นป้ายไวนิลในเขตเมืองย่างกุ้งเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mobile-market-trucks-offer-food-at-fair-prices/#article-title