กัมพูชาคาดเศรษฐกิจปี 2024 โต 6.4%

Chea Serey ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตร้อยละ 6.4 ในปี 2024 จากการเติบโตร้อยละ 5.5 ในปี 2023 โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการผลิตที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี ภายใต้ความเสี่ยงนอกประเทศอย่างกระแสการค้าระหว่างประเทศที่ลดลง การลงทุน ตลอดจนความไม่แน่นอนของตลาดเงินระหว่างประเทศ ในขณะที่ความเสี่ยงภายในประเทศอาจเป็นผลมาจากการฟื้นตัวที่ช้าในส่วนของภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศที่หดตัวเป็นสำคัญ ด้าน Mey Kalyan ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและประธานสถาบันทรัพยากรเพื่อการพัฒนากัมพูชา กล่าวเสริมว่า รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะเชิงปฏิบัติ ซึ่งคาดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยให้กัมพูชาได้รับประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในระดับภูมิภาคและข้อตกลงการค้าเสรีที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501430154/cambodias-economy-expected-to-grow-6-4-pct-in-2024/

ไทยครองแชมป์ นักท่องเที่ยวต่างชาติมากสุดในอาเซียน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาซียน ครั้งที่ 27 (ASEAN Tourism Forum : ATF 2024) ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้หัวข้อ “การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ: มุ่งสู่อนาคตอาเซียนที่ยั่งยืน”(Quality and Responsible Tourism – Sustaining ASEAN Future)” โดยรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ ที่จะฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รับผิดชอบ และยั่งยืน มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ผ่านการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี 2559-2568 ประเด็นที่น่าสนใจที่ได้จากการประชุม พบว่าในปี 2566 ตัวเลขท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 153% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า โดยแคมเปญการตลาดในปี 2566 ทั้งสองแคมเปญได้แก่ แคมเปญ imaginASEANและแคมเปญฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากถึง 2,500 ล้านคนทั่วโลก ด้านนางสาวสุดาวรรรณ กล่าวว่า ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสูงสุดในปี 2566 จำนวน 28.09 ล้านคน เพิ่มขึ้น 153.94% จากปีก่อนหน้าที่มี 11.06 ล้านคน

ที่มา : https://news.trueid.net/detail/g6l3pP7orbDR

‘เวียดนาม’ เผย ม.ค. ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ระลอกใหม่ 2.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในเดือน ม.ค.2567 นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนาม มูลค่าเกินกว่า 2.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีเงินทุนจดทะเบียนใหม่ราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 66.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยเม็ดเงินทุนจดทะเบียนรวมกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 59.5% ของเงินทุนทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 72.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รองลงมาญี่ปุ่นและจีน ในขณะเดียวกัน เมืองฮานอยเป็นแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มีเม็ดเงินทุนจดทะเบียนสูงถึง 867 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยเมืองโฮจิมินห์

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-attracts-us2-36-billion-in-new-foreign-investments-in-january/

‘กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า’ เสนอปรับขึ้นค่าไฟฟ้า

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เสนอยื่นให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในปีนี้ หลังจากผลักดันให้เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดต้นทุนและช่วยเหลือการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ในการจ่ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และทางการเวียดนามได้อนุมัติให้มีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในทุกๆ 6 เดือน ในกรณีที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 3% ขึ้นไป ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของบริษัทเวียดคอมแบงก์ เซคิวริตี้ มองว่าแนวโน้มการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจะประกาศเร็วๆนี้ เนื่องมาจากผลกระทบของเอลนีโญ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในโรงไฟฟ้าพลังน้ำอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่นาย Dinh Trong Thinh นักวิเคราะห์จากสถาบัน Academy of Finance กล่าวว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะลดต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ทางการไฟฟ้าเวียดนามต้องดำเนินการให้มีความโปร่งใส

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/ministry-wants-another-electricity-price-hike-4705526.html

ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในวันที่ 26 มกราคม

ราคาน้ำมันของเมียนมาแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในหนึ่งวัน 120 จ๊าดต่อลิตรในตลาดเชื้อเพลิงในประเทศ โดยเมื่อวันที่ 25 มกราคม ราคาน้ำมันค่าออกเทน 92 อยู่ที่ 2,585 จ๊าดต่อลิตร น้ำมันค่าออกเทน 95 อยู่ที่ 2,720 จ๊าดต่อลิตร ต่อมาในวันที่ 26 มกราคม ราคาน้ำมันค่าออกเทน 92 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,705 จ๊าดต่อลิตร ในขณะน้ำมันค่าออกเทน 95 อยู่ที่ 2,845 จ๊าดต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซล และดีเซลพรีเมียมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2,430 จ๊าดต่อลิตร และ 2,495 จ๊าดต่อลิตร ในวันที่ 25 มกราคม เป็น 2,450 จ๊าดต่อลิตร และ 2,515 จ๊าดต่อลิตร ในวันที่ 26 มกราคม อย่างไรก็ดี ดัชนีราคาที่กำหนดโดย Mean of Platts Singapore (MOPS) ซึ่งเป็นพื้นฐานการกำหนดราคาสำหรับผลิตภัณฑ์กลั่นจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาเชื้อเพลิงในประเทศ ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้า การจัดเก็บ และการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ รัฐกำลังขับเคลื่อนตลาดเพื่อลดการสูญเสียระหว่างผู้นำเข้า ผู้ขาย และผู้ใช้พลังงาน รวมทั้งพยายามจำหน่ายน้ำมันในราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/petrol-prices-indicate-sharp-rise-on-26-jan/#article-title

ราคายางเมียนมามีแนวโน้มขาขึ้น

เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ราคายางยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่มากกว่า 1,700 จ๊าดต่อปอนด์ในตลาดยางของรัฐมอญ โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ขึ้นสูงสุดที่ 1,745 จ๊าดต่อปอนด์ และ 1,730 จ๊าดต่อปอนด์สำหรับยางตากแห้ง ซึ่งจากเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ราคายางตากแห้งแตะ 1,610 จ๊าดต่อปอนด์และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 1,630 จ๊าดต่อปอนด์ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 115-125 จ๊าดต่อปอนด์ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ความต้องการยางจากทั่วโลก การผลิตยางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาดมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับราคายางของเมียนมา ทั้งนี้ ณ วันที่ 29 ธันวาคม เมียนมาส่งออกยาง 114,855 ตัน โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 144.046 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณ 2023-2024 นอกจากนี้ การผลิตยางในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมามีมากกว่า 360,000 ตัน และมีการขนส่งยางมากกว่า 200,000 ตันไปยังคู่ค้าต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rubber-prices-on-upward-trend/#article-title

รมว.ท่องเที่ยวอาเซียนเข้าร่วมประชุม M-ATM ครั้งที่ 27 ที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว

รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จัดการประชุมครั้งที่ 27 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ โดยมุ่งมั่นเพื่อการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบสูง และยังคงส่งเสริมอาเซียนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน นางสวนสะหวัน วิกนาเกตุ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ ได้หารือเกี่ยวกับข้อเสนอแนะขององค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติอาเซียน (NTOS) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคโดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเชื่อมต่อที่มากขึ้นเพื่อเชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ในอาเซียนให้มากขึ้นและส่งเสริมจุดหมายปลายทางร่วมกัน จุดหมายปลายทางและเมืองบางแห่งในอาเซียนขาดเส้นทางบินที่เหมาะสมในการเชื่อมต่อระหว่างกัน ดังนั้น ความพยายามในการฟื้นฟูและปรับปรุงการเชื่อมต่อทางอากาศจะต้องดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศและภายในอาเซียนโดยการสร้างเที่ยวบินตรงเชื่อมโยงจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญและไม่ค่อยมีใครรู้จักของอาเซียนกับเมืองหลัก เมืองรอง และตลาดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_19_Asean_y24.php

รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ชี้ เศรษฐกิจ สปป.ลาว ยังมีศักยภาพ แม้เผชิญปัญหาทางการเงิน

วิเวียน บาลา กริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวระหว่างการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ “สปป.ลาว มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมหาศาล แม้จะเผชิญปัญหาทางการเงิน และเศรษฐกิจจะเจริญเติบโตได้ หากมีโครงสร้างพื้นฐานและกรอบนโยบายที่เหมาะสม” โดยสิงคโปร์สามารถทำงานอย่างใกล้ชิดกับลาว เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นผ่านการศึกษาและการฝึกอบรม ตลอดจนให้ความช่วยเหลือแก่ สปป.ลาว เข้าสู่ตลาดโลก รวมถึงการขายคาร์บอนเครดิต

ที่มา : https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/singapore-can-help-laos-realise-its-potential-says-vivian-as-the-2-nations-mark-50-years-of-diplomatic-ties?utm_campaign=stfb&utm_medium=social&utm_source=facebook&fbclid=IwAR1k3_HFuLL-O-WcipGYQwcsMHWZgvkc2W5oZuLlTYxEk0KD7dadmvmfuU4

กัมพูชาคาดพลังงานทดแทนจะเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานภายในประเทศ

คาดแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตได้ภายในประเทศกัมพูชาจะคิดเป็นเกือบร้อยละ 70 ของการผลิตไฟฟ้าของกัมพูชาในปีนี้ กล่าวโดย Sun Chanthol รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในระหว่างการประชุมของกัมพูชาและเกาหลี ซึ่งคาดว่าการหารือดังกล่าวจะกระตุ้นให้นักลงทุนชาวเกาหลีเข้ามาลงทุนในกัมพูชามากขึ้น สำหรับกัมพูชามีแผนที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า (PDP) ในช่วงปี 2022-2040 โดยเน้นไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับนโยบายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ซึ่งคาดว่าการผลิตไฟฟ้าโดยพลังงานแสงอาทิตย์ของกัมพูชาจะสูงถึง 3,155 เมกะวัตต์ ภายในปี 2040 ครอบคลุมสัดส่วนการผลิตไฟฟ้ากว่าร้อยละ 45 จากการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ขณะที่แผนการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจะเพิ่มขึ้นจาก 1,330MW เป็น 1,560MW ภายในปี 2030 และ 3,000MW ภายในปี 2040 และจากพลังงานจากชีวมวลหมุนเวียนซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาดอีกแหล่งหนึ่งจะเพิ่มขึ้นจาก 27MW ในปี 2022 เป็น 98MW ในปี 2030 และ 198MW ในปี 2040

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501429249/renewable-energy-to-give-70-of-power-in-cambodia-this-year/

GDT รายงานการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซในกัมพูชาแตะ 75 ล้านดอลลาร์ ในปี 2023

กรมสรรพากร (GDT) รายงานการจัดเก็บภาษ๊มูลค่าเพิ่ม (VAT) มูลค่ารวมกว่า 75.5 ล้านดอลลาร์ จากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า 44 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จในการจัดเก็บภาษีอันเกิดจากระบบการจัดเก็บภาษีใหม่ของ GDT ร่วมกับการตระหนักรู้ในการชำระภาษี และการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น โดยส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่าง Google, Facebook, YouTube, Alibaba, Microsoft และ TikTok ซึ่งเริ่มจัดเก็บตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 สำหรับการจัดเก็บภาษีโดยภาพรวม GDT รายงานการจัดเก็บภาษีไว้ที่ 3.61 พันล้านดอลลาร์ ในปีดังกล่าว ซึ่งเท่ากับร้อยละ 101 ของเป้าหมายการจัดเก็บภาษี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501429247/gdt-nets-75-million-from-e-commerce/