เวียดนามเล็งผลักดันช่องทางค้าสินค้าเกษตรไปยังจีน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำเวียดนาม ณ กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 16 เมษายน เพื่อหาช่องทางการค้าสินค้าเกษตรระหว่าง 2 ประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการค้าของภาคเกษตร ป่าไม้และประมง ระหว่างเวียดนามและจีน ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในช่วงเดือนแรกของปีนี้ จีนได้อนุมัตินำเข้าผักผลไม้ 9 รายการจากเวียดนาม และยังมีสินค้าเกษตรอีก 8 รายการที่กำลังดำเนินตามขั้นตอนอยู่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ ระบุเสริมว่าหวังว่าขั้นตอนการดำเนินงานนั้นจะเป็นไปโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนมากขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้จีนขยายเวลาทำงานของสำนักงานศุลกากร เพียงแค่ 5-6 ชั่วโมง นอกจากนี้ เวียดนามและจีนควรจะหาแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของโวรัส ด้วยระดับความร่วมมือของรัฐบาลและการดำเนินงานร่วมกันระหว่างส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-china-seek-ways-to-push-agriculture-trade/171849.vnp

เวียดนามเผยสินค้า 12 รายการ อาจเปิดไต่สวนการฉ้อโกงแหล่งกำเนิดสินค้า

หน่วยงานกำกับดูแลด้านมาตรการการค้าของเวียดนาม (TRAV) ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยสินค้า 12 รายการที่เข้าข่ายทุจริตแหล่งกำเนิดสินค้าหรือลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย อาทิ ไม้อัดที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง, เบาะฟอง, ตู้ไม้, หินอัด, ท่อทองแดง, ข้อต่อเหล็กสำเร็จ, ล้อเหล็ก และเหล็กแปรรูปเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น สินค้าดังกล่าวมีมูลค่าส่งออกสูงอย่างมากในปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายได้ของตู้ไม้ปรับตัวขึ้น 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว จากปี 2561 อยู่ที่ 913 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนสหรัฐฯยังคงเป็นผู้นำเข้าหินอัดรายใหญ่จากเวียดนาม ด้วยมูลค่าในปี 2562 อยู่ที่ 118.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีการสอบสวนเพิ่มและไต่สวนการการทุ่มตลาดแก่สินค้าประเภทเดียวกันจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ จีน อินเดียและตุรกี ข้อมูลข้างนั้นอยู่ภายใต้คำสั่งนายกรัฐมนตรี (824/QD-TTg) เกี่ยวกับการป้องกันในการหาทางจัดการหลีกเลี่ยงทางการค้าและทุจริตแหล่งกำเนิดสินค้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/twelve-products-may-face-trade-origin-fraud-investigation-authority/171837.vnp

ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวเมียนมาได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมและใบอนุญาตเป็นเวลาหนึ่งปี

ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในเมียนมาจะได้รับการยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โดย ค่าธรรมเนียมสำหรับการขอใบอนุญาตใหม่หรือการต่ออายุซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกิจโรงแรม ค่าธรรมเนียมตัวแทนทัวร์ ค่าธรรมเนียมมัคคุเทศก์ และค่าธรรมเนียม Hostel จะได้รับการยกเว้นตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวธุรกิจ, SMEs และ กลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่มแบบ Cut-Make-Pack ทั้งนี้รัฐบาลยังได้จัดตั้งกองทุน 100 พันล้านจัต โดยให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละหนึ่งอีกด้วย

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/hotel-and-tour-businesses-myanmar-get-one-year-exemption-licence-fees.html

ธ.กสิกรไทยเตรียมขยายธุรกิจในเมียนมา

ธนาคารกสิกรไทยวางแผนจะขยายไปสู่ตลาดค้าปลีกของเมียนมาโดยเน้น บริการแบบดิจิทัล ธนาคารกลางของเมียนมาอนุมัติให้ธนาคารไทยเข้าถือหุ้น ใน Ayeyarwaddy Farmers Development Bank หรือ A Bank ด้วยสัดส่วน 35% ทำให้เป็นธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศแห่งแรกที่เข้าถือหุ้นในธนาคารในประเทศ ด้วยงบประมาณ 428 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ นักวิเคราะห์ชี้ว่ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Wallet) ของธนาคารกสิกรไทยจะมีส่วนช่วยเหลือในตลาดเมียนมาเป็นอยากมาก ธนาคารกสิกรไทยเป็น 1 ใน 7 ธนาคารของเอเชียที่ได้รับอนุญาติจากธนาคารกลางของเมียนมารวมถึงธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/thailands-kasikornbank-expand-digital-presence-myanmar.html

เวียดนามสนับสนุนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์แก่สปป.ลาวสำหรับการต่อสู้ COVID-19

เวียดนามได้ให้ความช่วยเหลือสปป.ลาวในการต่อสู้กับCOVID-19 โดยการสนับสนุนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์แก่บุคลากรทางการแพทย์นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องวัดอุณหภูมิ, ชุดป้องกัน, มาสก์หน้า, ถุงมือยาง, เจลทำความสะอาดมือและยาฆ่าเชื้อซึ่งมีมูลค่าเกือบ 1 พันล้าน VND (42,500 USD) โดยที่ผ่านมาทั้ง2ประเทศร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับโรคระบาดในพื้นที่ชายแดนและประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นในการสื่อสารเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับไวรัสที่กำลังสร้างปัญหาทั้งสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ดังนั้นการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของสาธารณสุขของสปป.ลาวและยังเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-presents-laos-with-medical-supplies-for-covid19-fight/171867.vnp

ราคาน้ำมันในกัมพูชาต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

รายงานที่สร้างความกังวลให้กับเศรษฐกิจโลกโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาระหว่างประเทศพุ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตตามแผนความต้องการ ด้วยราคาของ West Texas Intermediate (มาตรฐานสำหรับระดับน้ำมันดิบที่ใช้สำหรับการกำหนดราคาน้ำมัน) ลดลงถึง 19.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จนถึงปี 2566 เนื่องจากความต้องการที่ไม่แน่นอนในภาวะถดถอยทั่วโลกที่เกิดจากไวรัส COVID-19 โดยราคาที่ต่ำส่งผลกระทบที่ดีสำหรับภาคการขนส่งในกัมพูชา ฟาร์ม โรงงานและผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ที่ได้รับประโยชน์จากน้ำมันเบนซินที่ถูกลง แต่มีผลอย่างมากต่อแผนปัจจุบันของกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานสำหรับการสำรวจแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50713728/record-low-oil-prices-to-to-continue/

3.5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการเมล็ดพันธุ์มันฝรั่งในกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของกัมพูชาได้บอกกับสื่อท้องถิ่นว่ากระทรวงได้วางแผนที่จะซื้อเมล็ดมันฝรั่งมูลค่า 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐจากเกาหลีใต้เพื่อผลิตมันฝรั่งในจังหวัดมณฑลคีรี ซึ่งเมื่อการระบาดของ COVID-19 สิ้นสุดลงการเพาะปลูกเมล็ดมันฝรั่งจะเริ่มต้นขึ้น โดยจังหวัดมณฑลคีรีถือเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการปลูกมันฝรั่งเนื่องจากมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก และระบบโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำที่ดี ซึ่งหากผลิตมันฝรั่งในกัมพูชาประสบความสำเร็จจะช่วยลดการนำเข้ามันฝรั่งจากประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 5,000 ตันต่อปี การปลูกมันฝรั่งถูกเริ่มขึ้นในจังหวัดมณฑลคีรี ตั้งแต่ปีที่แล้ว ให้ผลผลิตที่ดีอยู่ที่ 18 ตันต่อเฮกตาร์และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร 15,000 – 17,000 เหรียญสหรัฐต่อฤดูปลูกสามเดือน ซึ่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประกาศว่าพวกเขาได้คัดเลือกพันธุ์มันฝรั่ง 5 พันธุ์เพื่อทำการเพาะปลูกที่เมืองมณฑลคีรี โดยคัดเลือกพันธุ์ที่มีความสามารถในการสร้างผลผลิตสูงและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคในอนาคต มันฝรั่งสายพันธุ์ที่เลือกคือ “ทอร์นาโด” พืชนำเข้าจากไอร์แลนด์ “มาเดรา” และ “โคโรนาดา” พันธุ์จากประเทศเยอรมนีและ “PO3” และ “PO7” ทั้งจากเวียดนามเพื่อนบ้าน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50713733/3-5m-for-potato-seeds-project/

ราคาที่ดินพื้นที่การเกษตรพุ่ง ในช่วงโควิด-19

ในขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่พื้นที่การเกษตรยังคงได้รับการลงทุนที่ร้อนแรง เนื่องจากผู้คนหันกลับไปพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น สำหรับมุมมองของนายหน้าซื้อขายที่ดิน กล่าวว่าราคาพื้นที่การเกษตรพุ่งสูงขึ้น 2 เท่าและ 3 เท่า ในจังหวัดทางตอนใต้ของเวียดนาม เป็นผลมาจากผู้คนย้ายจากเมืองไปยังพื้นที่ชานเมืองมากขึ้นและจากการแพร่ระบาดของไวรัส รวมถึงระยะห่างทางสังคมทำให้คนจำนวนมากเล็งสวนและพื้นที่การเกษตรแทนที่จะอาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งในเมืองด่าหลัด พื้นที่สูงตอนกลาง แต่ละแปลงของพื้นที่การเกษตร 1,000 ตารางเมตร ด้วยต้นทุน 400-700 ล้านด่ง (17,000-30,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว โดยปัจจุบัน ราคาพื้นที่พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 3-6 พันล้านด่ง ในขณะเดียวกัน พื้นที่การเกษตรรอบนครโฮจิมินห์ อาทิ จังหวัดด่งนาย ราคาพื้นที่แตะ 2-2.5 พันล้านด่งต่อแปลง นอกจากนี้ เมื่อความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความสนใจในการลงทุนในพื้นที่ชนบทมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลราคาพื้นที่การเกษตรพุ่งสูงขึ้นในตลาด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/agricultural-land-price-increases-during-covid19/171770.vnp

GDP เวียดนามโต 7% อีก 5 ปีข้างหน้า

นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เปิดเผยว่าได้ออกพระราชบัญญัติว่าด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจ (No. 118/CT-TTg) ในช่วงปี 2564-2568 ซึ่งทางกระทรวงและหน่วยงานท้องถิ่นต้องดำเนินพิจารณาถึงประเด็นสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายในการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 7 ในช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ระบุว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจเวียดนามจะเผชิญกับความลำบากและความท้าทายหลายอย่างด้วยกัน จากอุปสรรคปัจจุบัน กระแสสังคมและปัญหาสิ่งแวดล้อม ได้แก่ จำนวนประชากรสูงอายุ ช่องว่างทางรายได้ โรคภัยตามธรรมชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-eyes-gdp-growth-of-7-percent-in-next-five-years/171771.vnp

UN ปกป้องสิทธิสตรีในเมียนมาท่ามกลางการระบาดของ COVID-19

สหประชาชาติ (UN) ยืนยันเมื่อวันที่ 15 เมษายน 63 ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อปกป้องสิทธิและโอกาสของผู้หญิงท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศ ที่กำลังมีผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่ร้ายแรงสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งเกือบ 60% ของผู้หญิงทั่วโลกทำงานในระบบเศรษฐกิจและนอกระบบมีรายได้น้อยลง ประหยัดน้อยลงและมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะตกอยู่ในความยากจน สถานการณ์ดังกล่าวเป็นที่จับตามากขึ้นในเมียนมาซึ่งผู้หญิงคิดเป็น 60% ของพนักงานที่ทำงานบริการด้านอาหารและที่พักและระหว่าง 70 ถึง 90% ของผู้ขายอาหารริมทาง นอกจากนี้แรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงาน UN ได้ให้ความช่วยเหลือในการฝึกอบรมนักสังคมสงเคราะห์กว่า 80 คนของกรมสวัสดิการสังคมในมิติทางเพศในช่วงการระบาดของ COVID-19 และการให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาสังคม ทั้งนี้ยังมอบโทรศัพท์มือถือ 60 เครื่องให้แก่กระทรวงการสังคมสงเคราะห์บรรเทาทุกข์และการตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อเพิ่มการบริการและช่วยเหลือทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/un-helps-safeguard-myanmar-women-rights-amid-pandemic.html