Lao Airlines ลดราคาเที่ยวบินช่วงการแข่งขันกีฬาแห่งชาติหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว

Lao Airlines State Enterprise ผู้ให้บริการสายการบินแห่งชาติในสปป.ลาว จะเสนอราคาพิเศษสำหรับเที่ยวบินระหว่างเวียงจันทน์-เซียงควนในช่วงการแข่งขันกีฬาแห่งชาติในเดือนหน้าโดยจะปรับลดราคาจาก 640,000 กีบเป็น 390,000 คิป เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมที่จะเข้ามาชมกีฬารวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในสปป.ลาวถือเป็นกลยุทธ์ทางบริษัทที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนี้เกิดการแพร่ระบาดของCOVID-19 ซึ่งสร้างความกังวลแต่นักท่องเที่ยวทั่วโลกการมีข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยดึงความสนใจของนักท่องเที่ยวให้มาสปป.ลาวมากขึ้นโดยข้อเสนอดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมถึง 5 เมษายนและคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินจำนวนมากแก่สปป.ลาว ปัจจุบันสายการบินลาวให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ 8 เส้นทางรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอย่างแน่นอน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-airlines-cuts-price-adds-flights-during-national-games-114204

เอชแอนด์เอ็มประเมินผลกระทบจากการที่กัมพูชาจะถูกถอนสิทธิ์ประโยชน์ EBA

เอชแอนด์เอ็ม ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นในสวีเดนกล่าวว่าจะมีการประเมินผลกระทบทางธุรกิจจากคำแนะนำของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ที่จะถอนสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือ EBA ของกัมพูชา โดย EC ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าต้องการให้รัฐสภาสหภาพยุโรปยกเลิกสถานะการค้า EBA ของกัมพูชาถึง 20% จากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการละเมิดสิทธิแรงงานภายในประเทศ โดยในคำแถลงของ EC กล่าวว่าการถอนสิทธิทางภาษีบางส่วนที่ได้นำเสนอไปจะส่งผลเฉพาะกับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและรองเท้า สินค้าด้านการท่องเที่ยวและน้ำตาล คิดเป็นจำนวนหนึ่งในห้าของการส่งออกของกัมพูชาประจำปีไปยังกลุ่ม ซึ่ง H&M ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศกัมพูชาต่อไปในทางบวกรวมถึงการลดความยากจนและเสริมสร้างสิทธิมนุษยชน ซึ่งบริษัทได้สร้างงานให้กับคนในกัมพูชาประมาณ 77,000 ตำแหน่ง โดยกล่าวว่าได้ผลักดันโครงการทางสังคมต่างๆ เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่และสภาพการทำงานของคนงานที่ผลิตเสื้อผ้าในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50692902/hm-ebas-recommended-partial-removal-will-hurt

LOLC กัมพูชารายงานถึงสินทรัพย์ที่มูลค่าแตะ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี่ที่แล้ว

LOLC กัมพูชาซึ่งเป็นสถาบันการเงินรายย่อยได้รายงานสินทรัพย์มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนธันวาคมปีที่แล้วตามรายงานประจำไตรมาสและรายปีที่ได้เผยแพร่ในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) โดยรายงานระบุว่าพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 779 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2561 จำนวนผู้กู้เพิ่มขึ้น 25% เป็น 294,152 ราย ในขณะที่อัตราส่วนความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม เพียง 0.61% นอกจากนี้ยังระบุว่ายอดเงินฝากของธนาคารมีสูงกว่า 448 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ฝากมากกว่า 336,000 รายเพิ่มขึ้น 86% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับทั้งพอร์ตโฟลิโอและยอดเงินฝากสะท้อนให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของตัวธนาคาร โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LOLC กัมพูชากล่าวว่าบริษัทยังได้ระดมทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อ ขยายเครือข่ายการดำเนินงานไปยัง 79 สาขาทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50692768/lolc-cambodia-reports-assets-exceeding-1-billion-last-year

เกษตรฯชงอาเซียนเพิ่มปริมาณสำรอง‘ข้าวฉุกเฉิน’ รองรับภัยพิบัติ-โรคระบาด

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้แทนประชุมคณะมนตรีองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve (APTERR) Council) หรือคณะมนตรีแอปเทอร์ ครั้งที่ 8 โดยที่ประชุมทบทวนปริมาณข้าวสำรองให้เหมาะสมกับความต้องการการบริโภคในภาวะวิกฤติ ทั้งนี้ไทยเสนอให้คณะมนตรีแอปเทอร์พิจารณาเพิ่มปริมาณข้าวสำรองในประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในรูปสัญญา (Earmarked Stock) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติ รวมทั้งโรคระบาดในคน พืช และสัตว์ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เช่น การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โรคอหิวาต์อัฟริกาในสุกร (African Swine Fever) เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้แก่ ภัยแล้ง พายุไต้ฝุ่น ตลอดจนปริมาณความต้องการบริโภคตามจำนวนประชากรในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นด้วยปัจจุบันมีปริมาณข้าวสำรองรวมของภูมิภาคในการซื้อขายข้าวเพียง 7.87 แสนตัน

ที่มา : https://www.naewna.com/local/474256

ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ ๕

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางเยือนเวียงจันทน์ สปป. ลาว ระหว่างวันที่ ๑๙ – ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ ๕ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ ๕ ซึ่งจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีน เข้าร่วม จะทบทวนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ๕ ปี แม่โขง – ล้านช้าง ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๒ ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา (Progress Report) รับฟังแนวทางการดำเนินนโยบายต่อกรอบความร่วมมือดังกล่าวจากรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิก รวมทั้งเตรียมการจัดการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ ๓ ซึ่งจะจัดเวียงจันทน์ สปป. ลาว ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ในโอกาสนี้ ที่ประชุมจะพิจารณารับรองเอกสารผลลัพธ์ ๑ ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนของการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง ครั้งที่ ๕ (Joint Press Communique of the 5th MLC Foreign Ministers’ Meeting)

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/mfa/3096618

ราคาสินค้าเกษตรลดลง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การระงับค้าขายอาหารทะเลและสินค้าเกษตรในด่านชายแดนทางตอนเหนือของประเทศจีน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวราโควิด-19 ส่งผลเกิดความไม่สมดุลระหว่างความต้องการซื้อและผลผลิตที่ต้องการขาย สำหรับภาคการประมงยังคงเผชิญกับอุปสรรคหลายด้านด้วยกัน เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่ายอดส่งออกสินค้าประมงไปยังจีน ในเดือน ม.ค.อยู่ที่ 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 45 โดยมูลค่าส่งออกที่ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงวันปีใหม่ของเวียดนาม นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ธุรกิจขนส่ง การท่องเที่ยวและค้าปลีก เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯแนะนำธุรกิจให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากคู่ค้าชาวจีนและเสนอให้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท และหน่วยงานรัฐฯที่เกี่ยวข้อง ควรใช้นโยบายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายกำหนดเวลาการชำระเงิน

ที่มา :https://vietnamnews.vn/economy/602415/farm-produce-prices-slump-as-covid-19-hits-exports.html

ยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติของเวียดนามขยายตัว หลังจากการแพร่ระบาดไวรัส

ในฐานะจีนเป็นประเทศศูนย์กลางการลงทุนจากต่างชาติ แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างหนัก ปัจจัยนี้ถือว่าเป็นโอกาสแก่ประเทศอื่นๆที่จะพยายามเร่งดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะ นำไปสู่การหันไปลงทุนตลาดอื่น ซึ่งทางบริษัทสหรัฐฯรายใหญ่แห่งหนึ่งได้วางแผนโครงการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย และคาดว่าไม่จีนก็เวียดนามที่เป็นฐานการลงทุน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าเวียดนามอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงต่างชาติย้ายฐานการผลิตในจีน จากผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีของเวียดนาม ได้แก่ CPTPP และ EU-Vietnam FTA เป็นต้น ซึ่งหากควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ในไตรมาสแรก เวียดนามจะดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติในปีนี้ อยู่ที่ 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ถ้าการแพร่ระบาดสิ้นสุดในไตรมาสสอง เวียดนามจะดึงดูด FDI ได้เพียง 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยโอกาสนี้ เวียดนามควรปรับนโยบายเพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ลดกำลังการผลิตในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและหันมาลงทุนในเวียดนาม รวมถึงส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติที่มีแผนลงทุนเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวนั้น เวียดนามจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการลงทุนและการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่มีคุณภาพ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/602424/fdi-in-viet-nam-expected-to-surge-after-the-epidemic.html

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรวม 2.693 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 คณะกรรมการการลงทุนแห่งเมียนมา (MIC) ได้อนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ 111 รายคิดเป็นมูลค่า 1.973 พันล้านดอลลาร์ FDI ทั้งหมดรวมถึงการขยายการลงทุนมูลค่า 616.956 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีจำนวน 2.693 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะมีการไหลเข้าจากฮ่องกง สิงคโปร์ และไทยมากขึ้นในช่วงปีงบประมาณนี้ ธุรกิจการผลิตคิดเป็น80%  ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่า ขณะที่การค้าขายคิดเป็น 9% และการขนส่ง 5% ปัจจุบันมี 50 ประเทศที่ลงทุนใน 12 เขตเศรษฐกิจ ภาคน้ำมันและก๊าซคิดเป็น 27% ภาคการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 26% ภาคการผลิตมากกว่า 14% ภาคการขนส่งกว่า 13% ภาคอสังหาริมทรัพย์ 7% ภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว 3% และภาคเหมืองแร่ 3%

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/total-fdi-hits-2693-billion-usd

เมียนมาส่งออกปลาคาร์พไปบังคลาเทศเพิ่มขึ้น

มียนมาส่งออกปลาคาร์ปไปยังบังคลาเทศผ่านศูนย์กลางการค้าชายแดนมองดอเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคมและกลายเป็นสินค้าส่งออกมากเป็นอันดับสอง เมียนมาส่งออก 180 ตันในเดือนธันวาคม 62 และ 224 ตันของ ในเดือนมกราคม 63 ปริมาณการส่งออกคาร์ปไปยังบังคลาเทศอยู่ที่ 319 ตันในเดือนตุลาคม 62 และ 224 ตันในเดือนพฤศจิกายน 62 สินค้าที่ส่งออกมากที่สุดคือ หัวหอมตามด้วยปลาคาร์ป ปลาคาร์พถูกลำเลียงจากย่างกุ้งไปยังรัฐยะไข่ด้วยรถบรรทุกเก็บความเย็นเพื่อส่งออกจากศูนย์การค้าชายแดนซิตเว และมองดอ ในเดือนมกราคมเมียนมาส่งออกสินค้ามีมูลค่า 1.537 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังบังคลาเทศผ่านศูนย์การค้าชายแดนมองดอ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/carp-export-to-bangladesh-increases

โครงการ CLEAN พัฒนาผลผลิตเกษตรส่งออกยุโรป

CLEAN หรือโครงการสร้างความเชื่อมโยงสำหรับเครือข่ายเกษตรโดยความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตรโดยช่วยเกษตรกรในการผลิตและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ CLEAN ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาและดำเนินการในสปป.ลาวโดย Winrock Internationalมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผลผลิตและขยายการค้าในโครงการเกษตรที่ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของสปป.ลาวในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ไปยังตลาดโลกซึ่งมีประชากรชนชั้นกลางจำนวนมากที่เต็มใจจ่ายในราคาที่สูงสำหรับพืชสวนคุณภาพสูง โครงการดังกล่าวให้ความสำคัญกับการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำโดยการเน้นปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์โดยมีนักวิชาเข้ามาช่วยเกษตกร และยังได้รับการส่งเสริมโดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนเช่น Shopping D และ Living Fresh ในการจัดการกระบวนการจัดเก็บคลังสินค้าตามมาตรฐานของสหภาพยุโรปอีกด้วย โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มผลผลิตในประเทศและยังสร้างรายได้แก่ประเทศด้านการส่งออกไปยังตลาดโลกอีกด้วย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/clean-project-helps-farmers-explore-export-potential-114152