‘เวียดนาม’ ดึงดูดลงทุน FDI ขยาย 39,100 โครงการ เงินทุนจดทะเบียนรวม 469 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานการลงทุน กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) รายงานว่าในปี 2566 เวียดนามดึงดูดโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวน 39,100 โครงการ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 468.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ นครโฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มีโครงการ 12,398 โครงการ ทุนจดทะเบียน 57.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 31.67% ของจำนวนโครงการทั้งหมด รองลงมาฮานอยและบิ่ญเซือง

อีกทั้ง นาย Tran Quoc Phuong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน กล่าวในที่ประชุมว่าบทบาทของเวียดนามต่อกระแสการลงทุน FDI ทั่วโลกนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ส่งเสริมนวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน และภาคเศรษฐกิจใหม่ เช่น การผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ การเกษตรที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง และเหมืองแร่ การฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์ เพื่อคว้าโอกาสจากประเทศต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-attracts-over-39100-fdi-projects-with-registered-capital-of-nearly-469-billion-usd-so-far/276246.vnp

‘เวียดนาม’ คาดหวังปีนี้ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17-18 ล้านคน

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเวียดนาม ได้ตั้งเป้าหมายที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17-18 ล้านคนภายในปี 2567 ซึ่งอยู่ในระดับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในปี 2562 โดยจากข้อมูลสถิติปี 2566 พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 12.6 ล้านคน เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 57% และบรรลุเป้าหมายที่ 12-13 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 108 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ และกิจกรรมการท่องเที่ยวทำรายได้ราว 678 ล้านล้านดอง (27.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ทั้งนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) เปิดเผยว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะกลับมาฟื้นตัว แต่ยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายในปีหน้า โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งในระดับภูมิภาค และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-hopes-to-welcome-17-18-million-tourist-arrivals-this-year-2239529.html

การส่งออกของเมียนมาเกิน 234 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ท่ามกลางความต้องการผลไม้ที่สูงในช่วงตรุษจีน

ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ เมียนมามีรายได้มากกว่า 234 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมถึง 5 มกราคมของปีงบประมาณ 2566-2567 เนื่องจากความต้องการผลไม้ของจีนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ดังกล่าวเมื่อใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ รายงานระบุว่าประเทศเมียนมาส่งออกผลิตผลทางการเกษตรสำคัญ เช่น ข้าวโพด ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่ ถั่วเนย ถั่วลิสง งา หัวหอม ขิงแห้ง ขมิ้น แตงโม อะโวคาโด ส้ม กล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และกล้วย รวมถึงในช่วงสัปดาห์นี้ ยังมีการส่งออกแตงโม แตงไทย (แตงกวา) และกล้วยจำนวน 35,000 ตันไปยังประเทศจีนผ่านทางด่านการค้าชายแดนเมืองเชียงตุง เมืองลเวเจ และกัมปะติ นอกจากนี้ ส้ม อะโวคาโด และกล้วยยังถูกส่งออกไปยังประเทศไทยผ่านทางด่านการค้าชายแดนท่าขี้เหล็ก และมอต่องอีกด้วย ตามรายงานดังกล่าว คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกผลไม้ อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ใกล้เข้ามา เมียนมาจะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับการส่งออกข้าวโพดไปยังประเทศไทย ซึ่งคาดว่าการขนส่งข้าวโพดจะเพิ่มขึ้น โดยทั่วไปเมียนมาส่งออกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดมากถึง 2.6 ล้านตัน ดังนั้นผู้ค้าข้าวโพดจึงร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายตลาดส่งออกข้าวโพด รวมถึงประเทศไทย (ผู้ซื้อข้าวโพดเมียนมารรายใหญ่) และประเทศอื่น ๆ ที่มีตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ฟิลิปปินส์ จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-exports-exceed-us234m-in-early-january-amid-high-fruit-demand-for-chinese-new-year/

MoALI รายงานการนำเข้ารถยนต์มากกว่า 6,900 คันใน 8 เดือน

กรมธุรกิจการเกษตรและการค้า ภายใต้ กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และการชลประทาน รายงานว่า เมียนมาร์นำเข้ายานพาหนะมากกว่า 6,900 คัน รวมถึงรถยนต์ส่วนบุคคล 1,700 คัน ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ทั้งนี้ รายงานของกระทรวงฯ เผยให้เห็นตัวเลขการนำเข้ารถยนต์ส่วนบุคคล 1,784 คัน มูลค่า 39.04 ล้านเหรียญสหรัฐ รถบัส 54 คัน มูลค่า 1.04 ล้านเหรียญสหรัฐ รถบรรทุก 865 คัน มูลค่า 13.12 ล้านเหรียญสหรัฐ และเครื่องจักร 4,203 เครื่อง มูลค่า 136.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 1 ธันวาคม รวมทั้งมีการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 45.02 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจากตัวเลขโดยรวมแสดงให้เห็นถึงการนำเข้ายานพาหนะและรถยนต์เพิ่มขึ้น 235.02 ล้านดอลลาร์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในปีงบประมาณนี้ มีปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น 4,700 คัน และมีมูลค่านำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้น 107.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moali-reports-import-of-over-6900-vehicles-in-8-months/#article-title

นายกฯ เศรษฐา เตรียมสร้างพันธมิตรการค้าโลกนอกรอบ WEF

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เตรียมหารือประเด็นสำคัญกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทระหว่างประเทศชั้นนำ ขณะที่เขาเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ที่สวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ โดยจุดสนใจหลักของการพูดคุยนอกรอบจะเกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน ซึ่งส่งเสริมความร่วมมือกับผู้เล่นหลักในภูมิทัศน์ธุรกิจระดับโลก ทีมโฆษกรัฐบาลระบุ นกยากฯ เศรษฐา เตรียมหารือเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับผู้บริหารจากบริษัทต่างประเทศชั้นนำหลายแห่ง ได้แก่ DiethelmKellerSiberHegner (DKSH) Dubai Port World (DP World) Standard Chartered เทเลนอร์ Coca-Cola Nestlé Grab และ Robert Bosch โดยการประชุมที่เมืองดาวอสคาดว่าจะมีส่วนสำคัญต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความร่วมมือของไทยในเวทีระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40034707

แคมเปญท่องเที่ยวแขวงหัวพันเคียงข้างต้นซากุระบาน

แขวงหัวพันตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 47,000 คน ภายใต้นโยบายส่งเสริมเที่ยวลาวปี 2567 ด้วยเม็ดเงินประมาณ 5 หมื่นล้านกีบ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เริ่มโครงการท่องเที่ยวตามธีมเที่ยวลาว “สวรรค์แห่งวัฒนธรรมลาว ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์” โดยในวันเปิดงานมีผู้เข้าร่วมพิธีมากกว่า 1,000 คน ซึ่งใกล้เคียงกับการจัดกิจกรรมมากมายเพื่อเปิดตัวโครงการ ซึ่งรวมถึงการประกวด Miss Peach Blossom การแสดงทางวัฒนธรรม การวิ่งมาราธอน รายการอาหารที่ปรุงโดยกลุ่มชาติพันธุ์ในท้องถิ่น นิทรรศการสินค้าที่ผลิตภายใต้โครงการหนึ่งเขตหนึ่งผลิตภัณฑ์ และงานตลาดนัด ผู้เยี่ยมชมยังสามารถถ่ายภาพดอกท้อและซากุระได้ที่สวนซากุระมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ในเขตเวียงไซ ซึ่งขณะนี้ต้นไม้บานสะพรั่งและเพิ่มสีสันให้กับภูมิทัศน์ฤดูหนาว ทั้งนี้ ดร.คำเพ็ง ไชยสมเพ็ง เจ้าแขวงหัวพัน กล่าวในพิธีเปิดว่า “หัวพันจะจัดกิจกรรมในแต่ละเดือนในช่วงปีเยือนลาวปี 2567 ซึ่งรวมถึงเทศกาลชาติพันธุ์ การเฉลิมฉลองปีใหม่ตามประเพณีของลาว เทศกาลแข่งเรือ และกิจกรรมอื่นๆ หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติให้มาเยือนแขวงหัวพันเป็นจำนวนมาก และยังดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพที่ต้องการจัดตั้งธุรกิจในแขวงอีกด้วย”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_10_huaphan_y24.php

กัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยัง UAE เป็นครั้งแรก ปริมาณรวมกว่า 6 หมื่นตัน

Cham Nimul รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา รายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ม.ค.) กัมพูชาส่งออกข้าวสารชุดแรกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กว่า 60,000 ตัน มูลค่ารวม 54 ล้านดอลลาร์ ส่งออกโดย Oneroad Group ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในท้องถิ่นส่งออกข้าวไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับการส่งออกเกิดขึ้นหลังจากที่กัมพูชาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าทวิภาคี ณ เดือนมิถุนายน 2023 สำหรับการส่งออกข้าวสารของกัมพูชาในช่วงปี 2023 มีปริมาณรวมกว่า 656,323 ตัน ไปยัง 61 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501422304/cambodia-exports-60000-tonnes-of-milled-rice-to-uae-for-1st-time/

ปี 2023 กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่ม GFT ลดลงกว่า 12%

กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง ในช่วงปี 2023 มูลค่ารวม 11,120 ล้านดอลลาร์ ไปยังตลาดต่างประเทศ ลดลงร้อยละ 12 จากมูลค่าการส่งออกรวมในปี 2022 ที่ 12,680 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) สำหรับเครื่องแต่งกายและสิ่งทอมีมูลค่าการส่งออกรวมเกือบ 8.13 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 11 จากมูลค่า 9.16 พันล้านดอลลาร์ ในปีก่อน ด้านการส่งออกรองเท้าคิดเป็นมูลค่า 1.36 พันล้านดอลลาร์ ลดลงมากกว่าร้อยละ 21 จากมูลค่าเกือบ 1.74 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่สินค้าเพื่อการเดินทางมีมูลค่าการส่งออกรวมที่ 1.63 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 8 จากมูลค่าเกือบ 1.78 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป สหรัฐฯ แคนาดา และประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501422545/cambodias-garment-footwear-travel-goods-exports-down-12-pct-in-2023/

‘ผลสำรวจ’ ชี้คนเวียดนาม Gen Z นิยมซื้อของออนไลน์ เหตุสะดวก รวดเร็ว ได้ดีลพิเศษ

จากการสำรวจของ ‘Lazada’ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ เปิดเผยว่าชาวเวียดนามส่วนใหญ่ 58% นิยมซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว ง่ายในการซื้อสินค้า รวมถึงสามารถส่งสินค้าไปถึงบ้านได้โดยไม่ต้องเสียเวลาและกำลังในการเลือกซื้อ ทั้งนี้ การเติบโตของโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แก่ Facebook, TikTok, Instagram และ YouTube ส่งผลให้ธุรกิจหันมาใช้โฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคน ‘Gen Z’ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของนักช้อปทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งการให้ส่วนลดสูงสุด 50% หรือการให้บัตรกำนัลมูลค่า 50,000 ดอง (2 ดอลลาร์สหรัฐ) หากซื้อสินค้าออนไลน์รวมกันมูลค่าเกินกว่า 5 แสนดอง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/gen-z-leads-online-shopping-for-convenience-good-deals/276213.vnp

‘เวียดนาม’ ทำรายได้จากการขายคาร์บอนเดรติคป่าไม้ ทะลุ 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม กล่าวว่าในปี 2566 นับเป็นก้าวครั้งสำคัญของภาคป่าไม้ของประเทศ เนื่องจากเวียดนามประสบความสำเร็จจากการขายคาร์บอนเครดิตป่าไม้เป็นครั้งแรก (Forest Carbon Credit) จำนวน 10.3 ล้านคาร์บอนเครดิตให้กับธนาคารโลก (World Bank) คิดเป็นมูลค่า 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการขายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสัญญาการซื้อขายก๊าซเรือนกระจก (ERPA) ที่ลงนามเมื่อวันที่ 22 ต.ค.63

นอกจากนี้ จากรายงานของสำนักงานป่าไม้เวียดนาม ระบุว่าเวียดนามปลูกป่าในปีที่แล้ว ประมาณ 250,000 เฮกตาร์ สูงกว่าแผนที่ตั้งเป้าไว้ และพื้นที่ป่าไม้มีสัดส่วน 42.02% ในขณะที่รายได้จากการให้บริการทางด้านสิ่งแวดล้อมของป่าไม้ มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 4.1 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-earns-515-million-usd-from-first-forest-carbon-credit-sale/275994.vnp