กลุ่มประเทศเตรียมทำข้อตกลงกับกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจรัสเซีย

ในไม่ช้าสินค้าจำนวนนับพันประเภทของกัมพูชาอาจถูกส่งไปยังตลาดกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าเสรีขนาดใหญ่หลังจากที่กัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงกับสหภาพ โดยข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่อาจเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ได้ถูกเปิดเผยในระหว่างการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกับนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ณ งานประชุมสุดยอดอาเซียนในกรุงเทพฯ ซึ่งมีอีก 5 ประเทศในอาเซียนที่ได้แสดงความสนใจในการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ได้แก่ บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ไทย และฟิลิปปินส์ โดยนายลิมเฮงรองประทานหอการค้ากัมพูชากล่าวว่าสินค้ากัมพูชาราว 4,000 ถึง 5,000 ประเภทจะได้รับอนุญาตให้ยกเว้นภาษีหากมีการลงนาม FTA ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและสิ่งทอ โดยถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกัมพูชาที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศได้มากขึ้นรวมถึงส่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปยังสหภาพ ซึ่งหอการค้ากัมพูชาและกระทรวงพาณิชย์ทำงานเพื่อให้ข้อตกลงเป็นจริง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657467/nation-set-to-ink-agreement-with-russia-led-economic-bloc/

ราคาไข่ในประเทศลดลงผลจากปัญหาโลจิสติกส์

ประธานสหพันธ์ปศุสัตว์แห่งเมียนมาเผยราคาไข่ลดลงมาอยู่ที่ 1400 จัต ต่อ viss (1.65 กิโลกรัม) จากระดับ 2600 จัต เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาที่ระดับ 2100 จัต ปัญหาอุปสงค์และอุปทานไม่สมดุล ทำให้การขนส่งไข่ไปยังพื้นที่ชายแดนอย่างมูเซ และอากาศอบอุ่นในปีนี้ทำให้ผลผลิตลดลงและผลักดันราคาให้ลดลงอีก จากสถิติมีไก่อยู่ราว 20 ล้านตัวและ 75% เป็นไก่ไข่ ผลผลิตในท้องถิ่นกำลังเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาใน เช่น จีน ไทย และอินเดียได้ ซึ่งการเพาะพันธุ์ส่วนใหญ่ทำโดยเกษตรกรเพียงเล็กน้อยและยังใช้วิธีการเลี้ยงแบบดั้งเดิม มีเกษตรกรเพียง 5 –10% ที่เปลี่ยนวิธีการเลี้ยงเป็นแบบสมัยใหม่ซึ่งต้นทุนจะสองกว่าแบบดั้งเดิมถึงสองเท่า ในปีนี้การลงทุนจากต่างประเทศจะมาจากอเมริกา อินเดีย และมาเลเซียมากขึ้น ซึ่งเกษตรกรในท้องถิ่นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ตามปกติฟาร์มขนาดใหญ่จะมีความสามารถในการเลี้ยงไก่ไข่ 10,000-50,000 ตัว และที่ไก่เนื้อ 3,000 ตัว ขณะที่บริษัทต่างชาติคาดว่าจะเลี้ยงไก่หลายล้านตัวและสามารถขยายธุรกิจได้มากด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกและผลิตอาหารไก่ได้เองทำให้ต้นทุนต่ำลง ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสองข้อในการพัฒนาอุตสาหกรรมคือการจัดหาเงินทุนจากธนาคารและการเข้าถึงที่ดิน ผลผลิตที่ผ่านมาลดลงเนื่องจากความร้อนในเดือน มิ.ย.และราคาไก่สดสร้างสถิติสูงสุดเป็นเวลาสองสัปดาห์ เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนธุรกิจจะต้องหันไปใช้เทคนิคการทำฟาร์มแบบเย็นที่ทันสมัยมากขึ้น

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/local-egg-prices-drop-due-logistical-issues.html

โตโยต้าเมียนมาเริ่มผลิตไฮลักซ์

โตโยต้ามอเตอร์เมียนมา (TMY) จะเริ่มผลิตไฮลักซ์เมียนมาเป็นครั้งแรกและยังมีแผนที่จะผลิตแบรนด์รถยนต์อื่น ๆ หลังจากประเมินสถานการณ์ตลาด การก่อสร้างโรงงานรถยนต์ได้เริ่มขึ้นคาดจะเริ่มให้บริการใน ส.ค. 63 คาดว่าจะผลิตได้ในปี 64 กุมภาพันธ์ ผลิตได้ 2,500 คัน โตโยต้ามอเตอร์คอร์ปอเรชั่นญี่ปุ่นวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโรงงานอัตโนมัติแห่งใหม่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่าในวันที่ 1 พ.ย.62 ที่ผ่านมา การลงทุนจากต่างประเทศมีมูลค่า 52.6 ล้านเหรียญสหรัฐ มีแรงงาน 130 คน และเริ่มผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ. 64 โดยตั้งเป้าผลิตโตโยต้าไฮลักซ์ 2,500 คันโดยใช้ระบบน็อคดาวน์ (SKD)

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/microfinance-firms-get-more-support.html

มูลค่ารวมในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาเพิ่มขึ้นเกินกว่า 160 ล้านเหรียญสหรัฐ

เงินทุนเคลื่อนย้ายที่ตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ซึ่งเป็นตลาดหุ้นในประเทศกัมพูชา เปิดตัวในปี 2555 ปัจจุบันมีมูลค่าถึง 161 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย CEO ของ CSX กล่าวว่าการรับรู้ของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วและตั้งข้อสังเกตว่ากำลังกลายเป็นแหล่งเงินทุนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับ บริษัท ในท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบัน CSX มีบริษัทจดทะเบียน 8 แห่ง โดย 5 แห่งทำการซื้อขายอยู่บนกระดานหลักและอีก 3 แห่งอยู่ในตลาดตราสารหนี้ โดยบริษัทที่จดทะเบียนในกระดานหลัก ได้แก่ บริษัทประปาพนมเปญ(PWSA), บริษัทแกรนด์ทวินอินเตอร์เนชั่นแนล(GTI), บริษัทท่าเรือพนมเปญ(PPAP), เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ(PPSP) และบริษัทท่าเรือสีหนุวิลล์(PAS) รวมถึงที่จดทะเบียนในตราสารหนี้ ได้แก่ HKL, LOLC และ ABAA ซึ่งยังมีบริษัทอีกหลายแห่งให้ความสนใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาและคาดว่าจะมีบริษัทอีกหลายแห่งที่จะทำการ IPO ในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657052/more-than-160m-raised-at-local-bourse-new-firms-expected-to-list-in-2020/

นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาส 3

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมากัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% หรือประมาณ 4.8 ล้านคนในช่วงเก้าเดือนแรกของปีตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว ขณะที่ชาวจีนยังคงติดอันดับต้นๆ ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้า โดยกว่า 3 ล้านคนเดินทางผ่านสนามบินนานาชาติหนึ่งในสามแห่งของกัมพูชา ซึ่งสนามบินนานาชาติในกรุงพนมเปญรองรับผู้โดยสารถึง 1.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 12.7%), เสียมราฐ 1.2 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 10.9%) และเดินทางผ่านสีหนุวิลล์ 549,481 คน (เพิ่มขึ้น 308%) โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชามีผู้มาเยือนถึง 6.2 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวใหม่ในสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากกว่า 7 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 และสร้างรายได้ถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยคิดเป็นประมาณ 2 ล้านคนที่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/657012/foreign-tourists-up-10-pct-in-q3/

เกษตรกร,เจ้าหน้าที่หารือเกี่ยวกับวิธีการขยายตลาด

เกษตรกรจากเวียงจันทน์และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่เผชิญ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้กล่าวว่าต้องลดการนำเข้า แต่ปัญหาคือการเก็บเกี่ยวในท้องถิ่นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ซื้อ การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตและผู้ซื้อในการหารือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการและร่วมกันวางแผนสำหรับอนาคต ซึ่งจุดประสงค์คือเพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรและใช้โอกาสนี้ในการแนะนำมาตรฐานสำหรับการเก็บเกี่ยว เกษตรกรมีความสามารถในการปลูกผักให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตลาดและความต้องการของตลาด ด้านเกษตรกรกล่าวว่าสามารถปลูกผักได้มากมายแต่ไม่สามารถขายได้ทั้งหมด บางครั้งพ่อค้าคนกลางก็ให้ราคาที่ต่ำมากสำหรับพืชผล ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่และพูดคุยถึงวิธีการที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต และขณะนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่ให้ไว้ระหว่างกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และหน่วยงานอื่น ๆ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/farmers-officials-discuss-ways-expand-markets-107604

บริษัท สปป.ลาว ไทย เมียนมา ร่วมเป็นคู่ค้าในการซื้อขายข้าว

บริษัท 3 แห่งจากสปป.ลาว ไทย และเมียนมา เข้าร่วมทุนเพื่อซื้อและขายข้าวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเกษตรกรหารายได้เพิ่มเติมจากการเพราะปลูก และปรับปรุงสถานการณ์ของเกษตรกรใน 3 ประเทศด้วยการสนับสนุนให้พวกเขาผลิตข้าวคุณภาพดีเพื่อจำหน่าย การริเริ่มดังกล่าวเริ่มขึ้นในสปป.ลาว ในพิธีลงนามข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว บริษัท Laos’ Homxay Agriculture Export-Import ร่วมมือกับบริษัท Thailand’s Siam Golden Horse จะซื้อข้าวจาก บริษัท Myanmar’s ABA NARES  ขายให้กับญี่ปุ่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ ทั้งสามบริษัทตกลงที่จะซื้อข้าวคุณภาพดีประมาณ 10 ล้านตัน ในช่วงเวลา 8 ปีเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.63 คาดว่าจะนำเข้าข้าวประมาณ 980,000 ตัน ในช่วงหกเดือนแรก นอกจากนี้ยังเป็นก้าวแรกในการขยายความร่วมมือด้านการค้าในอาเซียนและในอนาคต นอกจากนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร อีกทั้งความร่วมมือของภาคเอกชนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านการค้าการเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการขยายตัวของภาคเอกชนในฐานะหน่วยธุรกิจที่สำคัญเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-myanmar-thai-companies-partner-sale-and-purchase-rice-107602

UPA ปิดดีลซื้อหุ้นน้ำประปาที่ลาว แย้มแจรจาร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 50 MW

UPA ปิดดีลลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นโครงการน้ำประปาแสนดินใน สปป.ลาว มูลค่ารวม 80.85 ล้านบาท บุ๊กรายได้ทันที สร้างรายได้ประจำ ส่งซิกแผนเจรจาร่วมทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ หวังหนุนผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนผ่าน บริษัท  เอไอดีซี  วอเตอร์ โฮดิ้ง (สิงคโปร์ ) พีทีอี แอลทีดี (AWH) ซึ่งจะเป็นผู้ถือหุ้น 60% ของบริษัท เอเชีย วอเตอร์ จำกัด ผู้เดียว (AWS) ผู้ดำเนินโครงการผลิตน้ำประปาแสนดิน จากการรับโอนโครงการน้ำประปาจากบริษัท เอเชีย ลงทุน พัฒนา และก่อสร้าง จำกัด ผู้เดียว (AIDC) สำหรับโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ได้เริ่มผลิตน้ำประปาในเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือน มิ.ย. 2562 เพื่อจำหน่ายให้กับน้ำประปานครหลวงของสปป.ลาว มีระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี กำลังการผลิตรวม 48,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมา UPA ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกใหม่เพิ่มเติม โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาลงนามซื้อหุ้น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) 1 โครงการ ในเวียดนาม

ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 5 พ.ย. 2562

เวียดนามเผยยอดส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้

อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายของยอดการส่งออก 40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ แม้ว่าบางตลาดจะเผชิญกับปัญหาอยู่ สำหรับผู้ผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ของเวียดนาม (Vietnam National Garment and Textile Group : Vinatex) เปิดเผยถึงผลประกอบการของยอดการส่งออก 29.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยทางบริษัทพยายามผ่านอุปสรรคของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบทางด้านราคาสินค้าที่ลดลงอย่างมาก เนื่องมาจากสถานการณ์สงครามการค้า แต่สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจมากขึ้น ขณะที่ ราคาสินค้ากลับมาฟื้นตัวเช่นกัน ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ คาดว่าจะได้รายรับ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งธุรกิจให้ความสำคัญในการออกแบบวัสดุที่เหมาะสมกับคนเวียดนาม และสร้างความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพสินค้า เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/textile-and-garments-likely-to-hit-40b-in-exports-this-year-405723.vov

เวียดนามเผยผู้ประกอบการก่อตั้งธุรกิจกว่า 12,000 แห่ง ในเดือนตุลาคม

จากข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการก่อตั้งธุรกิจอยู่ที่ 12,182 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว โดยธุรกิจที่ก่อตั้งใหม่มีเงินทุนที่จดทะเบียนรวม 6.19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน และมีการจ้างแรงงาน 94,700 คน ในขณะที่ ธุรกิจที่ล้มเลิกกิจการมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก 5,012 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 84.5 และ 98.0 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วและปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามมีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนใหม่ 114,400 แห่ง ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 61.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจำนวนการจ้างแรงงานกว่า 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4, 28.5 และ 11.0 ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/over-12000-businesses-set-up-in-october-405719.vov