สกสว. ชูงานวิจัยโลจิสติกส์ ช่วยลดต้นทุนต่ำกว่า 12%

งานครบรอบ 9 ปี การวิจัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน สกสว. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและทิศทางการพัฒนาการวิจัยด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของประเทศ โดยการสนับสนุนทุนวิจัยของ สกสว. และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยหลายประเทศมองเห็นโอกาสจากไทย ในฐานะที่เป็นศูนย์กลาง AEC ที่สามารถเชื่อมโยงถึงการค้าในตลาด CLMV ได้ดีที่สุด รวมถึงการเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมสำคัญที่หลากหลาย โดยมีการประเมินว่าปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดโลจิสติกส์ในประเทศมากกว่า 7 แสนล้านบาทต่อปีทั้งระบบ โดยสัดส่วน 70% เกิดจากการบริการของกลุ่มทุนไทยและบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ และสัดส่วน 30% มาจากกลุ่มโลจิสติกส์รายเล็กรวมกัน การให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยในประเด็นดังกล่าว สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 ที่มีความหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุน ตามตัวชี้วัด 4 ด้าน คือ 1) สัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ไทยต่อ GDP ณ ราคาในปี 2564 ต้องต่ำกว่า 12% 2) ดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ต้องดีกว่าลำดับที่ 45 3) ประสิทธิภาพด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าต้องมีลำดับที่ดีกว่า 56 และ 4) จำนวนธุรกรรมการให้บริการนำเข้าและส่งออกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100%

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/845495

เวียดนาม-อิสราเอล มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม มูลค่าการส่งออกของเวียดนามประมาณ 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังประเทศอิสราเอลอยู่ที่ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดอิสราเอลก็ตาม แต่ คาดว่าเวียดนามส่งออกมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าแตะระดับ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดทั้งปี 2562 ในขณะที่ สถานการณ์ทางการเมืองของอิสราเอลยังคงไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการเวียดนามควรระมัดระวังในการทำธุรกิจในอิสราเอล ซึ่งทางด้านผู้ประกอบการอิสราเอลก็มีความสนใจอย่างมากในการซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์, ปลาทูน่า, กุ้งแช่เย็น, กุ้ง, เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/534724/viet-nam-israel-eye-1-billion-in-two-way-trade.html#TgH8RALHCqx2gRIA.97

เวียดนามเผยส่งออกกาแฟลดลง 10.3% yoy ในช่วงเดือนม.ค.-สิ.ค.

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 1.19 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ซึ่งปริมาณการส่งออกกาแฟในเดือนสิงหาคมประมาณ 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกที่มีการส่งออกมากที่สุด ซึ่งในเดือนสิงหาคม เวียดนามส่งออกข้าวอยู่ที่ 252 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทางด้านปริมาณการส่งออกรวม 580,000 ตัน นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม-สิงหาคม การส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามอยู่ที่ 2.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190829/vietnam-janaug-coffee-exports-likely-fell-103-y-y-govt/51119.html

KBZ Group ยกระดับสนามบินเฮโฮเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สี่

กลุ่ม KBZ เตรียมยกระดับสนามบินเฮโฮในรัฐฉานเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สี่ของพม่านาย Kyaw Han ในปัจจุบันมีสนามบินนานาชาติสามแห่งในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์และเนปิดอว์ และมีความพยายามที่จะเปลี่ยนสนามบินเฮโฮเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่สี่ Kyaw Han หัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ MAI และ Air KBZ บอกว่าแผนดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมาที่สนามบินเหอโฮในรัฐฉาน สำหรับระยะแรกในการยกระดับสนามบินภายในประเทศสามแห่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่าย 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับสนามบินเฮโฮ 36 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐสำหรับเกาะสอง และ 20 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับสนามบินเมาะลำเลิง

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/kbz-group-to-upgrade-heho-airport-into-fourth-international-airport

ค้าชายแดนมูเซเริ่มเป็นปกติแต่ปริมาณซื้อขายยังไม่มากนัก

การค้าชายแดนสำคัญของเมียนมา – จีนที่เขตมูเ 105 ไมล์ตอนเหนือของรัฐฉานกลับมาค้าขายได้แล้วแต่ยังมีมูลต่ามากนักเมื่อเทียบกับก่อนที่การโจมตีของกลุ่มชาติพันธ์ในหลายพื้นที่โดยผู้ก่อความไม่สงบช่วงกลางเดือนสิงหาคมาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. เป็นต้นมา มูลค่าการค้าต่อวันอยู่ที่ 700,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งก่อนหน้าจะอยู่ที่เฉลี่ย 6 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน และการโจมตีดังกล่าวรถบรรทุกสินค้าถูกทิ้งไว้ในเส้นทางมัณฑะเลย์ – มูเเซหลัง ปริมาณการซื้อขาย ณ ด่านมูเซ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนการค้าชายแดนที่ชินฉ่วยฮ่อ แต่ก่อนมูลค่าการค้าเฉลี่ย 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันลดลงมาอยู่ที่ 500,000 เหรียญสหรัฐ การต่อสู้ทางตอนเหนือของรัฐฉานทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักเนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและโลจิสติกส์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะมีการก่อสร้างถนนและสะพานอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้มากนักจึงจำเป็นต้องเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และการวางแผนและการเงินได้หารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหา กลุ่มก่อความไม่สงบเริ่มโจมตีเขตมูเซ 105 ไมล์ ในช่วงปลายปี 59 ทำให้กิจการร้านค้าจำเป็นต้องหยุดชะงักลงเป็นเวลากว่า 10 วัน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/muse-trading-resumes-volume-tepid.html

สปป.ลาวให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมการผลิตเชิงพาณิชย์

รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรเพื่อการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และตรวจสอบสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ตรวจสอบว่าสามารถผลิตในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า เนื่องจากการขาดดุลบัญชีปัจจุบันของประเทศกำลังขยายตัวท่ามกลางอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนส่งผลให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงมากขึ้น คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะช่วยให้ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตามภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับการค้าข้ามพรมแดนที่ผิดกฎหมายเพราะผลิตภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้ามาฆ่าอุตสาหกรรมในท้องถิ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-pledges-boost-commercial-farm-production-102904

คณะรัฐมนตรีสปป.ลาวผลักดันให้มีการจัดการอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพ

รัฐบาลเน้นย้ำถึงความต้องการของธนาคารแห่งสปป.ลาวและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อกระชับการบริหารการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างทางการและอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด การอ่อนค่าของเงินกีบกำลังส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียงจันทน์ทำให้ราคาสูงขึ้น รายงานจากสำนักสถิติแห่งชาติสปป.ลาวยืนยันว่าค่าเสื่อมราคาของกีบนั้นมีผลกระทบด้านลบต่อราคาขายปลีก อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ชี้ให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น 0.17% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 1.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าหนึ่งในมาตรการที่ดีที่สุดในการตอบโต้ผลกระทบของค่าเสื่อมราคาคือการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ สินค้าสปป.ลาวที่ขายในตลาดท้องถิ่นมากขึ้นจะส่งผลให้ความต้องการสกุลเงินต่างประเทศลดลงด้วยมุมมองในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตภายในประเทศรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษามาตรการที่สามารถกระตุ้นให้ บริษัท ในประเทศผลิตสินค้าสำหรับท้องถิ่นตลาด.

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-cabinet-pushes-effective-management-exchange-rates-102988

บริษัทสัญชาติอังกฤษเปิดแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับน้ำสะอาดในกัมพูชา

Bridgemount Ldt. จากสหราชอาณาจักรได้พบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชา เพื่อประกาศความตั้งใจที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค โดยพิจารณาที่จะลงทุนในโรงงานบำบัดน้ำเสียภายในกัมพูชา ซึ่งจะปรับปรุงระบบการจัดการน้ำ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนกัมพูชาให้ดีขึ้น โดยกัมพูชาเองยินดีต้อนรับนักลงทุนในทุกภาคส่วนที่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศเพื่อให้เกิดการพัฒนา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะอำนวยความสะดวกในขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่า บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในประเทศ โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกลุ่มรัฐวิสาหกิจน้ำปักกิ่งของจีนและ Noble Water (กัมพูชา) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานน้ำสะอาดในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637999/uk-firm-reveals-plans-to-invest-in-clean-water-infrastructure/

สตรีทฟู้ดจะถูกจัดในเมืองกัมปอตก่อนถึงเทศกาลบุญสมุทรของกัมพูชา

กัมปอตจะเป็นจังหวัดแรกที่มี สตรีทฟู้ด โดยเป็นพื้นที่ที่มีผู้ค้าหลายสิบรายที่นำเสนออาหารท้องถิ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งรัฐฯให้การสนับสนุนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในกัมพูชามากขึ้นโดยเพิ่มการเข้าถึงอาหารท้องถิ่นคุณภาพสูงและถูกสุขลักษณะ โดยแต่ละร้านจะเน้นอาหารท้องถิ่นของแต่ละจังหวัด ซึ่งเมืองกัมปอตได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดต้นแบบสำหรับโครงการนี้เนื่องจากจะเป็นเจ้าภาพงานเทศกาลบุญสมุทรครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นทุกปีในจังหวัดชายฝั่งที่แตกต่างกันโดยการหมุนเวียน ซึ่งในปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 20-22 ธันวาคม โดยกระทรวงคาดการณ์ว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวถึง 5 แสนคน โดยนักท่องเที่ยวเกือบ 469,000 คนเข้ามาเยือนกัมปอตตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน หรือเพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ 57,106 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50638010/food-street-to-be-built-in-kampot-ahead-of-sea-festival/

ธสน.แนะธุรกิจแฟรนไชส์! รุกเจาะตลาดซีแอลเอ็มวี

กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ก้าวสู่สากล” ว่าคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% สูง กว่าเศรษฐกิจโลก ขณะที่กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรหันมาให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจไทยไปเติบโตที่ประเทศในแถบ CLMV มากขึ้น แฟรนไชส์แบรนด์ไทยระดับพรีเมียมที่ไปเปิดตลาดต่างประเทศมี 49 แบรนด์ โดย กว่า 80% อยู่ในประเทศแถบ CLMV ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคของคนรุ่นใหม่ในประเทศ กลุ่ม CLMV เปลี่ยนไป ซึ่งผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยแฟรนไชส์แบรนด์ไทยมีความแข็งแกร่งที่จะดึงดูดใจผู้บริโภคได้ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่าปีนี้คาดว่ามูลค่าตลาดธุรกิจแฟรนไชส์จะขยายตัวได้ถึง 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนสะท้อนว่าธุรกิจแฟรนไชส์มีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยขยายตัวได้กว่า 20% ต่อปี ในแต่ละปีมีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นเฉลี่ย 2 หมื่นรายต่อปี.

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/3034353