เมียนมาร์เตรียมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในเทศกาล Guangxi New Silk Road New Year E-commerce Festival ครั้งที่ 2

กระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ ระบุว่า สินค้าของเมียนมาร์ที่จะจัดแสดงในเทศกาล Guangxi New Silk Road New Year E-commerce Festival ครั้งที่ 2 และเทศกาลช้อปปิ้งปีใหม่ออนไลน์ปี 2024 ในเมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซี ประเทศจีน ซึ่งได้รับการแนะนำโดยสถานกงสุลเมียนมาร์ ทั้งนี้ สินค้าของเมียนมาร์ถูกกำหนดให้จัดแสดงภายในงาน E-commerce Festival Gala ในช่วงเทศกาลที่กำหนด ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 U Kyaw Soe Thein กงสุลใหญ่เมียนมาร์ในหนานหนิงกล่าวถึงในการสัมภาษณ์กับ Guangxi Television ว่าสินค้าต่างๆ เช่น อัญมณี กาแฟ ชา ใบชาแห้ง น้ำผึ้ง น้ำอัดลม ไวน์ เบียร์ ซุปโมฮิงกา และเส้นหมี่ ซึ่งเป็นอาหารพม่าแบบดั้งเดิม จะถูกจัดแสดงในช่วงเทศกาล นอกจากนี้ งานหัตถกรรมพม่า เช่น ภาพวาด อัญมณี ภาพวาดปักทอง และประติมากรรมจะเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดง นอกจากนี้ นักธุรกิจจากเมียนมาร์ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมในงานอีคอมเมิร์ซ โดยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ร่วมงานกับบริษัทอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคกวางสี

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-to-showcase-its-products-at-2nd-guangxi-new-silk-road-new-year-e-commerce-festival-2024-online-shopping-festival-in-china/

นายกฯ เศรษฐา เผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย, เวียดนาม, ลาว และกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชาหลังจากพบปะผู้นำทั้งสามเมื่อวันอาทิตย์ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดในกรุงโตเกียว เพื่อรำลึกถึงความร่วมมือ 50 ปีของญี่ปุ่นกับประเทศในกลุ่มอาเซียน นายกเศรษฐา กล่าวในการหารือกับประธานาธิบดีเวียดนาม หวอ วัน ทุ่ม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะฟื้นฟูการประชุมคณะรัฐมนตรีระหว่างทั้งสองประเทศ เวียดนามได้เสนอให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปีหน้า นากยกฯ เศรษฐา กล่าวว่าวาระการประชุมจะรวมถึงราคาข้าวเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยประธานโว เสนอว่า ไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ต้องดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างราบรื่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างประเทศต่างๆ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแยกกัน นายกฯ เศรษฐา กล่าวชมเชยแนวคิดนี้ว่าสร้างสรรค์และกล่าวว่าเขาจะสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล หารือเกี่ยวกับปัญหานี้และทำงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วทั้งสี่ประเทศ ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา เศรษฐากล่าวถึงประเด็นต่างๆ รวมถึงการจัดตั้งสถานกงสุลไทยในเมืองเสียมเรียบเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมนครวัดอันโด่งดัง นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังขอบคุณเศรษฐาสำหรับการดูแลคนงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย ในการเจรจากับประธานาธิบดี Joko Widodo ของอินโดนีเซีย Srettha ยืนยันว่าอินโดนีเซียจะซื้อข้าวไทยจำนวน 2 ล้านตัน การส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นไปยังอินโดนีเซียมีความโดดเด่นเนื่องจากภัยแล้งรุนแรงและฤดูฝนที่ล่าช้าซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ Joko Widodo ยังให้คำมั่นที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าพบนายธรรมนัส พร้อมเภา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในต้นปีหน้า “สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มราคาและความต้องการข้าวไทย” ทั้งนี้ ประธานาธิบดียังแสดงความสนใจโครงการ Land Bridge มูลค่า 1 ล้านล้านบาทของประเทศไทย และจะมีการหารือเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40033917

สปป.ลาว วางแผนการขนส่งใหม่ในเวียงจันทน์ เพื่อลดมลภาวะทางอากาศและเสียง

โครงการขนส่งในเมืองอย่างยั่งยืนของเวียงจันทน์ แบบไร้เครื่องยนต์เพื่อช่วยลดระดับมลพิษทางอากาศและเสียงในเมืองหลวง โครงการนี้ริเริ่มโดยกรมโยธาธิการและการขนส่ง กระทรวงคมนาคม โดยจะสร้างพื้นที่หลักที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ในใจกลางเมือง รถสามล้อไฟฟ้าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้สัญจรจากสถานี Bus Rapid Transit (BRT) เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในเมืองโดยไม่ต้องใช้ยานยนต์ e-pedicab เป็นรถถีบน้ำหนักเบาที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับความนิยมในหลายเมืองทั่วโลกในด้านความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารหลายคน ในขณะเดียวกันก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยรถสามล้อไฟฟ้าซึ่งบริหารโดยแผนกการจัดการการขนส่งในเมือง (UTMS) จะช่วยเคลื่อนย้ายผู้โดยสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและประหยัดมากขึ้นภายในพื้นที่หลัก เนื่องจากผู้โดยสารจะทำงานได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีเครื่องยนต์ เช่น Transit Mall แห่งใหม่รถสามล้อไฟฟ้าจะให้บริการตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 22.00 น. ทุกวัน โดยสามารถพบได้ที่สถานี BRT และที่จอดรถทุกแห่ง ราคาค่าบริการไม่แพงอยู่ที่ 12,500 กีบต่อกิโลเมตร สามารถชำระเงินและจองผ่านแอปสมาร์ทโฟน UTMS รถสามล้อไฟฟ้าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของความมุ่งมั่นของโครงการขนส่งเมืองอย่างยั่งยืนในเวียงจันทน์ในการสร้างการขนส่งที่มีประสิทธิภาพแต่ราคาไม่แพง ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดและปรับปรุงคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ที่อาศัยและทำงานในพื้นที่หลัก โดยการลดมลภาวะทางอากาศและเสียง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_246_New_y23.php

ราคาอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์มย่างกุ้งทรงตัวในสัปดาห์นี้ สิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคม

ตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภคระบุว่า อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งในสัปดาห์นี้สิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคม 2566 มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากโดยมีความแตกต่างเพียงหลักเดียว ราคาขายส่งจดทะเบียนที่ 4,815 จ๊าดต่อ viss เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิ้นสุดวันที่ 17 ธันวาคม อัตราของสัปดาห์นี้ค่อนข้างคงที่ที่ 4,810 จ๊าดต่อ viss ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าภาษี และบริการธนาคารเพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงตลาดขายส่งรายสัปดาห์สำหรับน้ำมันที่บริโภคได้ อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดนั้นสูงกว่าราคาอ้างอิงมาก เพื่อจัดการกับปัญหาการคิดเงินเกิน กรมกิจการผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ แจ้งให้ผู้บริโภคร้องเรียนเรื่องการคิดเงินเกินราคาผ่านสายด่วนของคอลเซ็นเตอร์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม กระทรวงฯ เรียกร้องให้ผู้บริโภคอย่าซื้อน้ำมันปาล์มในราคาที่สูงเกินจริง นอกจากนี้ กรมกำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาร์และบริษัทนำเข้าน้ำมัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/yangon-palm-oil-wholesale-reference-price-stable-for-week-ending-25-december/

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลโต 25% ปี 68

จากการประชุมเชิงปฏิบัติการการตัวชี้วัดและวิธีการวัดผลของมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจดิจิทัลในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และผลิตภัณฑ์มวลรวมภูมิภาค (GRDP) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยคุณเหวียน ธิ ถู เฮือง จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) กล่าวว่าสัดส่วนมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจดิจิทัลต่อจีดีพี ตั้งแต่ปี 2563-2565 อยู่ที่ 12.75% และ 12.67% ในปี 2565

ทั้งนี้ หากพิจารณาแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ พบว่าภาคบริการเวียดนามมีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด 6.59% ในปี 2563-2565 ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง 6.11% และภาคเกษตรกรรมมีตัวเลขต่ำที่สุด 0.05% ของ GDP อย่างไรก็ดี ขนาดของเศรษฐกิจดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2563-2565 แสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมของรัฐบาลที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล อีกทั้ง เศรษฐกิจดิจิทัลคาดว่าจะมีสัดส่วน 25% ของ GDP เวียดนามในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 30% ในปี 2573 ตามมติของคณะกรรมการที่ 52 (52/HQ-TW)

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-projects-high-proportion-of-digital-economy-in-gdp-2223887.html

‘เวียดนาม’ คาดส่งออกข้าวปีนี้ ทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่ายอดการส่งออกข้าวในปีนี้จะสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกข้าวสาร (Milled rice) ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 7.75 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2% และ 36.3% เมื่อเป็นรายปี ในขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ย 568 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

ทั้งนี้ จากการประชุมเชิงปฏิบัติการการ นายเจิ่น แทงห์ นาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่าข้าวมีบทบาทสำคัญต่อภาคเกษตรกรรมในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และในอนาคตข้างหน้า ตลาดข้าวจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีความต้องการมากขึ้นจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลางและแอฟริกา

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มองว่าการเติบโตของปริมาณการส่งออกข้าวมีทิศทางสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อสต๊อกของประเทศผู้ส่งออก และดันราคาส่งออกข้าวปรับตัวเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1638131/rice-exports-expected-to-hit-us-5-billion-this-year.html

นายกฯ สปป.ลาว ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ญี่ปุ่น เน้นความร่วมมือระดับภูมิภาค

การประชุมสุดยอดผู้นำจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและญี่ปุ่น มีความตั้งใจในการทบทวนความร่วมมือในช่วงห้าทศวรรษที่มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยการประชุมได้จัดลำดับความสำคัญของการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่และความร่วมมือที่จับต้องได้ เน้นย้ำความพยายามในการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทาย ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความร่วมมือทางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว มีส่วนร่วมในการอภิปรายทวิภาคีกับผู้นำจากทั่วภูมิภาค ในฐานะที่ สปป.ลาว กำลังเตรียมที่จะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้การสนับสนุน สปป.ลาว โดยเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ก้าวข้ามความสัมพันธ์ที่นอกเหนือไปจากธุรกิจ และส่งเสริมความไว้วางใจผ่านความท้าทายร่วมกัน เนื่องจากมีบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 160 แห่งที่ทำธุรกิจใน สปป.ลาว ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมลาวเป็นอย่างมาก และสร้างโอกาสในการจ้างงานโดยส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอำนวยความสะดวกในการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/12/15/lao-pm-to-join-asean-japan-summit-focus-on-regional-cooperation/

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2567 จากการท่องเที่ยวและการส่งออก

เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.4% ในปีนี้ และขยายตัว 3.2% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม หากคานึงถึงผลกระทบของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการเติบโตในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8% ลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 4.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกที่ฟื้นตัว การบริโภคภายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคบริการ ประกอบกับการจ้างงานและรายได้ที่ดีขึ้น ปัจจัยสาคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่ต่ากว่า 30 ล้านคน สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มการเติบโตในภาคการบริการ การขนส่ง และการค้าปลีก ภาคการส่งออกคาดว่าจะเติบโต 3.8% ในปี 2024โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวปานกลางในเศรษฐกิจโลกการฟื้นตัวของการส่งออกจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษในภาคอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ และการบริโภคในประเทศคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสาคัญในการเติบโตในปี 2024 การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะเติบโต 3.5% โดยได้แรงหนุนจากค่าจ้างและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การบริโภคของรัฐบาลก็คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตในเชิงบวกเนื่องจากรัฐบาลยังคงลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่อไปแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวปานกลางในปี 2567 แนวโน้มยังเป็นบวก แต่มีความเสี่ยงบางประการที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวได้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/more/commentary/40033896

เมียนมาร์มีความพยายามที่จะขยายส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกในภาคส่วนที่หลากหลาย

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ (MoC) กำลังพยายามเพิ่มผลผลิตและส่งออกสินค้าจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะพืชผลและผัก ผลิตภัณฑ์ประมง หยก ปุ๋ย เชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ตามสถิติและแถลงการณ์ของกระทรวง มูลค่าการส่งออกรวมของเมียนมาร์เพิ่มขึ้น 221 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ผ่านเส้นทางการขนส่งและการค้าชายแดน เนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูกาลที่เฟื่องฟูสำหรับผลิตผลทางการเกษตร กระทรวงคาดการณ์ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นในภาคส่วนนี้ ในส่วนของการส่งออกผลิตภัณฑ์ประมง มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในหนึ่งสัปดาห์ โดยส่งออกผ่านการขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ประมง เช่น ปลา ปลาป่น และปลาแห้งยังถูกขนส่งผ่านด่านการค้าเกาะสอง มะริด มอตอง และเมียวดี อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการส่งออกของภาคเอกชนแล้ว ภาครัฐยังขนส่งหยก 3,228 กิโลกรัมที่จำหน่ายโดยห้างสรรพสินค้าอัญมณีไปยังจีนอีกด้วย รวมทั้งศูนย์บริการแบบครบวงจรของบริษัท Myanma Gems Enterprise ยังจำหน่ายเครื่องประดับหยกมูลค่าเพิ่ม เช่น กำไล ลูกปัด และโซ่มือ โดยส่งออกไปยังตลาดจีนโดยการขนส่งทางอากาศ ในส่วนรายได้จากการส่งออกยาง ได้รับอนุญาตให้นำไปลงทุนในสินค้าภายในประเทศที่จำเป็น เช่น ปุ๋ยและเชื้อเพลิง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของสินค้าโภคภัณฑ์และเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ส่งออก การส่งออกยางจึงเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงต้นเดือนธันวาคมเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ตามสถิติ เช่นเดียวกับ การส่งออกหนังดิบและเครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์ไม้สำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น น้ำตาลและผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม CMP ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอเชิญชวนหน่วยงาน สมาคม และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมภาคการค้าของประเทศ เพิ่มความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้า ขยายตลาดโลก และส่งออกสินค้ามากขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-seeks-to-expand-global-market-shares-in-versatile-sectors/

โรงกลั่นน้ำมันจำเป็นต้องดำเนินการเร็วที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในประเทศ

เมื่อบ่ายวานนี้ ในการเยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมันในเมือง Thanlyin เขตย่างกุ้ง ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงสำหรับความต้องการพลังงานในประเทศ และต้นทุนอื่นในการดำเนินงานโรงกลั่นของ ประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการพลังงานภายในประเทศ ซึ่งในขั้นต้นจะต้องเน้นไปที่การดำเนินงานโรงกลั่นน้ำมันหมายเลข 1 (Thanlyin) โดยมีแผนจะอัพเกรดเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในประเทศได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี ด้านรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน U Ko Ko Lwin และกรรมการผู้จัดการ U Aung Myint จาก Myanma Petrochemical Enterprise รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรงกลั่นน้ำมันหมายเลข 1 (Thanlyin) การเตรียมการเพื่อให้เกิดความเพียงพอด้านพลังงานของประเทศโดยอาศัยการจัดตั้งแหล่งพลังงาน การผลิตน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศ การปรับปรุงโรงงาน และความพร้อมของวัตถุดิบ นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจสอบโรงกลั่นน้ำมันหมายเลข 1 (ตันลยิน) โรงกลั่นน้ำมัน (B) โรงงานน้ำมันหล่อลื่น และถัง LNG รวมทั้งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการโรงกลั่นให้เร็วที่สุดเพื่อจัดหาความต้องการเชื้อเพลิงของประเทศในด้านหนึ่ง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/oil-refineries-need-soonest-operation-for-fulfilling-domestic-energy-requirement/