‘ธุรกิจจีน’ รุกตั้งโรงงานอลูมิเนียมในจังหวัดเหงะอาน ลงทุน 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทสัญชาติจีน ‘อินโนเวชั่น พรีซิชั่น เวียดนาม จำกัด’ ประกาศตั้งโรงงานอลูมิเนียมด้วยเงินลงทุน 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐในจังหวัดเหงะอาน (Nghe An) ภาคเหนือของประเทศเวียดนาม โดยโรงงานดังกล่าวคลอบคลุมพื้นที่ 17,800 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม VSIP ที่จังหวัดจังหวัดเหงะอาน และมีกำลังการผลิตอลูมิเนียม 1 แสนตันต่อปี ทั้งนี้ โรงงานแห่งนี้จะเริ่มดำเนินการในเดือน ต.ค. ปี 2567 และสร้างแรงงานจำนวน 1,500 คน นอกจากนี้ จังหวัดเหงะอาน ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เกินกว่า 890 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ส่งผลให้จังหวัดนี้เป็น 1 ใน 8 จังหวัดชั้นนำที่ดึงดูดเงินลงทุน FDI สูงที่สุดทั่วประเทศ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/chinese-firm-to-build-us165-million-aluminum-factory-in-nghe-an/

แนวโน้มศก.เวียดนาม ครึ่งหลังปี 66 มีทิศทางในเชิงบวก

องค์กรระหว่างประเทศและสื่อ ยังคงประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม มีทิศทางไปในเชิงบวกเป็นไปตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ตามเว็บไซต์ Fibre2fashion ของสหรัฐได้อ้างรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารแห่งชาติสิงคโปร์ (DBS) ระบุว่าถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตช้าลง แต่เศรษฐกิจเวียดนามก็สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าหลายๆประเทศทั่วโลก และยังเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 4.5% ของธนาคารกลางเวียดนาม ในขณะเดียวกัน  ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 7% ในช่วงครึ่งปีหลัง

ที่มา : https://www.reuters.com/markets/commodities/vietnam-aims-raise-annual-raw-rare-earths-output-2-mln-tyr-by-2030-2023-07-25/

‘เมียนมา’ เผยราคาน้ำตาลพุ่ง 3,400 จ๊าตต่อวิสส์

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) เปิดเผยว่าหลังจากการออกธนบัตรใหม่ 20,000 จ๊าต ที่มีผลต่อความเชื่อเรื่องความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อ และสต็อกน้ำตาลที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ราคาน้ำตาลพุ่ง 3,400 จ๊าตต่อวิสส์ ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น พบว่ามีบริษัทหลายแห่งวางแผนการเพาะปลูก 200,000 จ๊าตต่อเอเคอร์ สำหรับการเพาะปลูกอ้อยใหม่ในปี 2566-2567 นอกจากนี้ อูวินเท (U Win Htay) รองประธานสมาคมผลิตภัณฑ์น้ำตาลและอ้อยของเมียนมา กล่าวว่าการผลิตน้ำตาลของเมียนมา อยู่ที่ประมาณ 450,000 ตันต่อปี และส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีนและเวียดนาม แต่ว่าในปัจจุบันส่งออกไปยังเวียดนามเท่านั้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/local-sugar-price-surges-to-k3400-per-viss/#article-title

ทางการ สปป.ลาว พร้อมแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ควบคู่การสร้างความมั่นคง

คณะกรรมการกลางของพรรคประชาชนปฏิวัติ สปป.ลาว มีมติให้เริ่มมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4.5 ในปีนี้ ในขณะที่กำลังพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและชะลอการอ่อนค่าของเงินกีบ โดยคณะกรรมการกลางพรรคเพิ่งมีมติในประเด็นดังกล่าวในการประชุมสมัยที่ 6 ซึ่งสรุปการดำเนินการที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงเป็นการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบไปยังภาคประชาชน โดยปัจจุบัน สปป.ลาว กำลังเผชิญกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการขาดดุลเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นสำคัญ นอกจากนี้ทางการยังจำเป็นต้องทบทวนนโยบายสินเชื่อเพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารพาณิชย์จะปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชนมากพอเพื่อกระตุ้นภาคการผลิตในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Partyresolves149.php

คนกัมพูชาหันมาใช้ e-Wallet แตะ 20.2 ล้านบัญชี ณ เดือน มิ.ย.

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ระบุว่า กัมพูชามีการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนจำนวนมากหันมาใช้ตัวเลือกการทำธุรกรรมทางการเงิน จากเงินสดเป็นเงินดิจิทัล โดยปัจุบันจำนวนบัญชี e-wallet ที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 20.2 ล้าน ณ เดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งจำนวนธุรกรรมทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 333.7 ล้านรายการ ภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จาก 211.2 ล้านรายการในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 58.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 98.3 โดยระบบการชำระเงินของกัมพูชาได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยโดยผสมผสานชุดเทคโนโลยีใหม่ที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการชำระเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินค้าและบริการได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบริษัท องค์กร และผู้บริโภค ซึ่งพึ่งพาการซื้อสินค้าออนไลน์และการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นในยุคปัจจุบัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501336216/cambodia-sees-significant-increase-in-digital-payments-with-e-wallets-exceeding-20-2-million/

ครึ่งแรกของปี กัมพูชาส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้าแตะ 1.4 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกอุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มูลค่ารวมกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ต่างกันกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงเสื้อผ้าสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มปรับตัวลดลงในปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศลดลง ด้าน Heng Sokkung เลขาธิการแห่งรัฐของกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม กล่าวเสริมว่า การส่งออกสำหรับสินค้าที่ไม่อยู่ในกลุ่มเครื่องนุ่งห่มขยายตัวอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แซงหน้าการเติบโตของการส่งออกสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตอย่างมากจนกลายเป็นภาคส่วนสำคัญที่สร้างรายได้จากการส่งออกและการจ้างงานจำนวนมาก รวมถึงเป็นองค์ประกอบสนับสนุนที่สำคัญในกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การศึกษา และการเงิน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501335905/cambodias-electrical-exports-rise-to-1-4-billion-in-1h/

รายได้ท่องเที่ยวไทย 7 เดือน ทะลุ 1 ล้านล้าน แต่ทั้งปีหลุดเป้า

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทย ในช่วง 7 เดือนแรกของปี โดยภาคการท่องเที่ยวสร้างรายได้รวมกว่า 1,084,575 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 638,161 ล้านบาท ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีจนถึง 30 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 15,322,175 คน เพิ่มขึ้นถึง 384% เมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีหากมองในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยว ยังถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไทยสร้างรายได้รวมจากภาคการท่องเที่ยวรวมกว่า 3 ล้านล้านบาท ดังนั้นในปี 2565 ตั้งเป้าสร้างรายได้สัดส่วน 50% จากปี 2562 หรือ 1.5 ล้านล้านบาท แต่สามารถทำได้ 1.23 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 94% จากเป้าหมาย ขณะที่ในปี 2566 ตั้งเป้าสร้างรายได้ 80% จากปี 2562 หรือ 2.38 ล้านล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถทำได้ 2.167 ล้านล้านบาท หรือ 91.76% จากเป้าหมาย ส่วนในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 100% ของปี 2562 เพื่อให้กลับมามีรายได้ 3 ล้านล้านบาท

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/economy/572493

‘นายกฯ’ เรียกร้องให้ธุรกิจสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในเวียดนาม

นางเซิ่ง เถา (Sheng Thao) นายกเทศมนตรีเมืองโอ๊คแลนด์ และคณะผู้แทนของรัฐแคลิฟอร์เนีย เข้าร่วมหารือกับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ระหว่างการเยือนเวียดนาม โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเวียดนามและเมืองโอ๊คแลนด์ รวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าและความร่วมมือทางทะเลระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน รัฐแคลิฟอร์เนียถือเป็นหุ้นส่วนท้องถิ่นรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีผู้ประกอบการกว่า 100 รายที่มีโครงการลงทุนในประเทศ พร้อมกับธุรกิจเวียดนามราว 70 รายที่ได้ก่อตั้งกิจการในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง นายกฯ เวียดนาม เสนอให้นายกเทศมนตรีเซิ่ง เถา และเจ้าหน้าที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย พยายามพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามต่อไป โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้าและความสัมพันธ์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/pm-calls-for-u-s-businesses-to-invest-in-vietnam/

‘S&P Global’ เผยภาคการผลิตเวียดนามอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

บริษัท S&P Global (S&P) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนามในเดือน ก.ค. ยังคงอยู่ในแดนลบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาที่บ่งบอกถึงความมีเสียรภาพ เนื่องจากผลผลิต ยอคคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานปรับตัวลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต (PMI) ของเวียดนาม ในเดือน ก.ค. อยู่ในระดับ 48.7 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 46.2 จุด แสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของเวียดนามมีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ในภาพรวมยังเป็นเชิงลบ นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน แต่ว่าตลาดยังค่อนข้างเงียบ ประกอบกับภาคธุรกิจหวังว่าความต้องการของลูกค้าจะกลับมาฟื้นตัวและนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551947/viet-nam-s-manufacturing-industry-shows-signs-of-stabilisation-s-p-global.html

‘เมียนมา’ เผยราคาน้ำมันพุ่ง 15% เดือน ก.ค.

ราคาน้ำมันในเมียนมา เดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 300 จ๊าตต่อลิตร หรือราว 15% หลังจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับทรงตัวมาแล้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สถานการณ์ราคาน้ำมันในเมืองมัณฑะเลย์ วันที่ 30 มิ.ย. – 30 ก.ค. พบว่าราคาน้ำมันออกเทน 92 เพิ่มขึ้นจาก 1,990 จ๊าตต่อลิตร ขึ้นมาอยู่ที่ 2,280 จ๊าตต่อลิตร ในขณะที่ราคาน้ำมันออกเทน 95 เพิ่มขึ้นจาก 2,085 จ๊าตต่อลิตร ขึ้นมาอยู่ที่ 2,395 จ๊าตต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 1,975 จ๊าตต่อลิตร ขึ้นมาอยู่ที่ 2,360 จ๊าตต่อลิตร

ที่มา : https://www.mizzima.com/article/myanmar-petrol-prices-15-cent-july