ราคาสินค้าลดฉุดเงินเฟ้อ ‘จุรินทร์’ส่งซิกเดือนตุลาคมเหลือไม่ถึง6%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ห้างแม็คโคร สาขานครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่า สถานการณ์เงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังจากขึ้นไปสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ 7.86% พอมาเดือนกันยายน 2565 ลดลงเหลือ 6.41% ส่วนเดือนตุลาคม 2565 เท่าที่ติดตามและประเมินเบื้องต้น คาดว่าอาจจะไม่ถึง 6% สะท้อนว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในภาพรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลง ต่างกับหลายประเทศที่ประสบตัวเลขเงินเฟ้อสูงมาก เป็นเพราะรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกับเอกชนและหลายฝ่าย ช่วยกันกำกับดูแลราคาสินค้าและบริการ

ที่มา: https://www.naewna.com/business/690440

CDC อนุมัติโครงการการลงทุนในกัมพูชา 2 โครงการ มูลค่า 14 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) ได้รับรองโครงการการลงทุนใหม่ 2 โครงการ ด้วยเงินลงทุนรวม 14 ล้านดอลลาร์ โดย CDC อนุมัติโครงการการลงทุนให้แก่ บริษัท New Shui Yat (Cambodia) Co., Ltd. และ Kanjin (Cambodia) Luggage Co., Ltd. ซึ่งบริษัทแรกคาดว่าจะลงทุนใลค่า 8.5 ล้านดอลลาร์ ในการผลิตกล่องกระดาษแข็งในจังหวัดกำปงสปือ ในขณะที่บริษัทที่สองคาดว่าจะลงทุนมูลค่า 5.5 ล้านดอลลาร์ ในการผลิตกระเป๋าและกระเป๋าเดินทางในจังหวัดกันดาล โดยทั้งสองโครงการคาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501180202/two-more-projects-worth-14-million-approved-by-cdc/

กัมพูชาคาดส่งออกข้าวสารไปยังจีนเพิ่มขึ้นในปีหน้า

กัมพูชาคาดจะส่งออกข้าวสารไปยังจีนเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จากการมีผลบังคับใช้ของข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคที่ครอบคลุม (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) ไปเมื่อต้นปีนี้ กล่าวโดย Song Saran ประธานสมาพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) ซึ่งจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าข้าวสารรายใหญ่ของกัมพูชาในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ โดยข้อตกลงทางการค้าทั้งสองฉบับดังกล่าวทำให้กัมพูชาเข้าถึงตลาดได้มากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา และคาดว่าจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้าวของกัมพูชา เพื่อเป็นการส่งเสริมการส่งออกของกัมพูชา ซึ่งตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม การส่งออกข้าวสารของกัมพูชาไปยังตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 509,249 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 324 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501180448/cambodia-to-export-more-milled-rice-to-china-in-coming-years/

“เวียดนาม” ตั้งเป้าเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง ปี 2573

เวียดนามตั้งเป้าที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง พร้อมกับเป็นฐานอุตสาหกรรมที่ทันสมัยภายในปี 2573 สิ่งนี้เป็นหนึ่งในแผนแม่บทระดับชาติสำหรับปี 2564-2573 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2593 ซึ่งเพิ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลและให้รอพิจารณาอนุมัติจากสมัชชาแห่งชาติ สำหรับเศรษฐกิจเวียดนามคาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 7% ต่อปี ในช่วงปี 2564-2573 และขยายตัว 6.5-7.5% ต่อปี ในช่วงปี 2574-2593 ในขณะเดียวกัน รายได้ประชาชาติต่อหัวเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 และขยับสูงขึ้น 27,700-32,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2593 ทั้งนี้ แผนดังกล่าวมุ่งเป้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลระดับชาติ รัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมดิจิทัล โดยเศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนประมาณ 30% ของ GDP นอกจากนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายของแผน เวียดนามจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการขนส่ง พลังงาน ดิจิทัลและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตลอดจนเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อท่าเรือ สนามบิน ประตูชายแดนและศูนย์กลางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-targets-becoming-an-upper-middleincome-country-by-2030/243290.vnp

ท่องเที่ยวฟื้น บาทอ่อน หนุนส่งออกส่งออกอัญมณีฯเดือนก.ย.โตต่อเนื่อง

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเดือนก.ย.2565 มีมูลค่า 1,012.59 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 89.49% หากรวมทองคำ มีมูลค่า 1,536.45 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 99.31% และยอดรวม 9 เดือนของปี 2565 มีมูลค่า 6,089.94 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42.26% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 12,413.75 ล้านเดอลลาร์เพิ่มขึ้น 72.48% ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังจากที่มีการเปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น ขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญหลายตลาด มีการสั่งซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยสต๊อกที่ระบายออกเร็วจากการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/1035784

ราคาข้าวโพดเมียนมา พุ่งขึ้นกว่า 1,100 จัตต่อ viss

รายงานของสมาคมอุตสาหกรรมข้าวโพดเมียนมา เผยข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ราคาข้าวโพดเลี้ยงเลี้ยงสัตว์ดีดตัวขึ้น 1,100 จัตต่อ viss เป็นผลมาจากค่าเงินจัตที่อ่อนตัวและความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากตลาดต่างประเทศอย่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ นาย U Aye Chan Aung ประธานสมาคมฯ ได้ให้ข้อมูลว่า มีบริษัทจำนวน 112 แห่ง ได้อนุญาติให้ทำการส่งออกไปต่างประเทศได้ ในปีงบประมาณ 2563-2564  เมียนมาส่งออกข้าวโพด 2.3 ล้านตัน ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังไทย ที่เหลือไปจีน อินเดีย และเวียดนาม ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดหลักๆ ของเมียนมาอยู่ในรัฐฉาน รัฐคะฉิ่น กะยา และกะเหรี่ยง และมัณฑะเลย์ สะกาย และมะกเว โดยมีผลผลิตตข้าวโพดเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-3 ล้านตันทุกปี

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/corn-prices-bounce-back-over-k1100-per-viss/#article-title

“เวียดนาม” เผย 10 เดือนแรกของปีนี้ ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่พุ่ง

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าการจดทะเบียนธุรกิจในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งกิจการใหม่จำนวน 125,800 ราย เพิ่มขึ้น 34% มีทุนจดทะเบียนมูลค่ารวมกันมากกว่า 1.37 พันล้านดอง เพิ่มขึ้น 6% และแรงงานจำนวน 835,000 คน เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทีบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ในเดือน ต.ค. มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งกิจการใหม่จำนวน 13,000 ราย เพิ่มขึ้น 13.6% มีทุนจดทะเบียนรวม 106.9 ล้านล้านดอง หดตัว 21.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน

ทั้งนี้ นางเหงียน ถิ เฮือง  ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม กล่าวว่าเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจ ทางกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดหาวัตถุดิบและเชื้อเพลิง เพื่อรองรับกับความต้องการของภาคธุรกิจและการฟื้นตัวของธุรกิจ ตลอดจนส่งเสริมโครงการอุตสาหกรรมที่สำคัญ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1351251/newly-established-firms-up-in-10-months.html

ดัชนี PMI ภาคการผลิตเวียดนาม ต่ำสุดรอบ 13 เดือน

ตามรายงานของ S&P Global เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนามในเดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 50.6 จุด ลดลงจากระดับ 52.5 จุด ในเดือน ก.ย. ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่เหนือระดับ 50.0 จุด แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงและเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 13 เดือนที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนี PMI ในเดือน ต.ค. ชะลอตัวนั้นเป็นผลมาจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตในเวียดนาม ทั้งด้านคำสั่งซื้อใหม่และการส่งออก ตลอดจนความกังวลต่อภาวะอุปสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การสต็อกสินค้าที่สั่งซื้อและสินค้าสำเร็จรูปลดลงในเดือน ต.ค.

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/pmi-growth-at-13-month-low/

‘รถไฟจีน-ลาว’ โอกาสไทยได้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศ

สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) อ้างตามรายงานจาก “Thaiger” เปิดเผยว่าหากทางการจีนอนุญาตให้เดินทางขาออกได้ ชาวจีนจำนวนอย่างน้อย 3 ล้านคนจะเดินทางผ่านทางรถไฟจีน-ลาว ขณะที่นายกสมาคมโรงแรมและร้านอาหารลาว กล่าวกับสำนักข่าวเวียงจันทน์ไทมส์ว่าภาคธุรกิจการท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังสปป.ลาวและประเทศอาเซียน ซึ่งจะเปิดให้บริการรถไฟจีน-ลาว ตลอดจนเร่งปรับปรุงการบริการโรงแรมและร้านอาหาร เพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่าไทยต้องคว้าโอกาสจากการที่สปป.ลาวเปิดรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากสปป.ลาวอาจไม่สามารถรองรับกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พัก นอกจากนี้ ทางรถไฟจีน-ลาว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางรถไฟคุนหมิง-สิงคโปร์ด้วย (ไทย สปป.ลาวและมาเลเซีย)

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Thailand214.php

ข้อตกลงการค้าเสรี กัมพูชา-เกาหลีใต้ จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ธ.ค.

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้ประกาศว่าข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ (CKFTA) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งได้กล่าวในพิธีเปิดการประชุมระดับสูงว่าด้วยการครบรอบ 10 ปีความตกลงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการเปิดตัวหนังสือว่าด้วยกรอบการบูรณาการระดับภูมิภาค โดยสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ซึ่งข้อตกลง FTA ดังกล่าวถือเป็นข้อตกลงในระดับทวิภาคีฉบับที่สองของกัมพูชาจากก่อนหน้านี้ที่ได้ลงนามร่วมกับจีนในช่วงต้นปี โดยทั้งสองประเทศหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันหลักในการส่งเสริมภาคการค้าและการลงทุนระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมกัน และจะช่วยเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหลังประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ในปัจจุบันแตะมูลค่า 818 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของสมาคมการค้าระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (KITA) คิดเป็นกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีใต้มูลค่า 301 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501179178/cambodia-korea-free-trade-agreement-to-enter-into-force-in-december/