ราคาน้ำมันปาล์มเมียนมา พุ่งแตะ 5,000 จัตต่อ viss

คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันพืช เผย ราคาน้ำมันปาล์มขายส่งในตลาดย่างกุ้งพุ่งขึ้นเกือบ 5,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม โดยราคากลางได้กำหนด ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ถึง 4 ก.ย.2565 อยู่ที่ 4,910 จัตต่อ viss ซึ่งเพิ่มขึ้น 50 จัต จากสัปดาห์ก่อนที่ 4,860 จัตต่อ viss ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เมียนมาได้ติดตามราคา FOB ในตลาดมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด รวมถึงค่าขนส่ง ภาษี และบริการด้านการธนาคาร และออกอย่างไรก็ตาม ราคาตลาดปัจจุบันสูงกว่าราคากลางเป็นอย่างมาก โดยจากรายงานพบว่าราคาน้ำมันปาล์มในตลาดพุ่งไปถึง 10,000 จัตต่อ viss เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ภาครัฐจึงร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันเพื่อการบริโภคของเมียนมา ได้จัดรถโมบายออกจำหน่ายน้ำมันปาล์มราคาประหยัด เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน -ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาย้ำว่าน้ำมันปาล์มมีเพียงพอต่อการบริโภคอย่างแน่นอน ทั้งนี้เมียนมาสามารถผลิตน้ำมันปรุงอาหารได้ประมาณ 400,000 ตันต่อปี แต่มีการบริโภคในประเทศถึง 1 ล้านตันต่อปี ทำให้ต้องนำเข้าจากมาเลเซียและอินโดนีเซียปีละประมาณ 700,000 ตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/palm-oil-wholesale-reference-price-rebounds-to-nearly-k5000-per-viss/

ชาวสปป.ลาว หลายพันคนได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วมฉับพลัน

ประชาชนนับพันคนในจังหวัดภาคเหนือของสปป.ลาว (อุดมไซ บ่อแก้ว หัวพัน พงษ์สาลี) ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดจากฝนตกหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยจังหวัดอุดมไซ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ถนนถูกน้ำท่วมและเข้าไม่ได้ บ้านเรือนเสียหาย และไฟฟ้ารวมถึงน้ำประปาถูกตัดขาด ทำให้ประชาชนผู้คนต้องการเสื้อผ้า อาหาร และน้ำดื่มอย่างเร่งด่วน แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้เนื่องจากถนนถูกตัดขาด จึงต้องใช้เรือในการอพยพประชาชนออกมา ในขณะเดียวกัน 97 ครัวเรือนในจังหวัดพงสาลีต้องไร้ที่อยู่ ประเมินว่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 5.6 พันล้านกีบ (ประมาณ 363,000 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ อำเภอหินหุบในเวียงจันทน์ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหลังจากแม่น้ำล้นตลิ่งฉับพลัน ส่วนจังหวัดหัวพันกำลังเตรียมสถานที่เพื่อรองรับให้กับประชาชนที่ไร้ที่อยู่

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/palm-oil-wholesale-reference-price-rebounds-to-nearly-k5000-per-viss/

เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีทุนสำรองหนา-เศรษฐกิจแกร่ง

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค.65 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย การผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกมากขึ้น การส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นตาม “เดือน ก.ค. 65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยรวม 1.12 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากมาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ ขณะที่คนไทยท่องเที่ยวในประเทศ 16.7 ล้านคน ถือเป็นสัญญาณที่ดี ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจค่อยๆฟื้น ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้มีปัจจัยกดดันจากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค.65 สูงขึ้น 7.61% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.65 อยู่ที่ 61.1% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังมั่นคง สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ สิ้นเดือน ก.ค.65 สูงถึง 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 8.101 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 36.82 บาทต่อเหรียญฯ) แต่ต้องติดตามความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และชาติอื่นๆ ที่อาจกระทบต่อภาคการผลิต การส่งออก และเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด รวมถึงความกังวลราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/feature/2485840

ญี่ปุ่นบริจาครถยนต์และอุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ ให้สปป.ลาว

นาย. เคนอิจิ โคบายาชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำสปป.ลาว ตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่น ได้มอบรถยนต์โตโยต้า เครื่องกรองน้ำ และอุปกรณ์ช่วยค้นหาและกู้ภัยสำหรับปัญหาน้ำท่วม ให้กับสปป.ลาว โดยมีน.ส. บัยคำ คัตติยา รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคมเป็นผู้รับมอบ ซึ่งการช่วยเหลือของญี่ปุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีมูลค่ารวม 1 พันล้านเยน (มากกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

ที่มา: https://laotiantimes.com/2022/08/29/japan-donates-vehicles-and-rescue-equipment-to-help-flood-stricken-laos/

การค้าระหว่าง กัมพูชา-ไทย เติบโตกว่า 26%

ในช่วง 7 เดือนแรกของปี มูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 26.46 หรือคิดเป็นมูลค่า 2.781 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่า 2.199 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต ซึ่งคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชามูลค่า 559 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การส่งออกของไทยมายังกัมพูชามีมูลค่ารวมอยู่ที่ 2.222 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.85 โดยสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ สินค้าเกษตร ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญจากไทย ได้แก่ รถยนต์ เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งกัมพูชายังคงขาดดุลการค้ากับไทยอยู่ที่มูลค่า 1.663 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเกือบ 4 เท่า ของมูลค่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501139113/kingdom-thailand-trade-goes-up-over-26/

“เวียดนาม” เผยยอดส่งออกไปยังประเทศสมาชิก CPTPP มีมูลค่า 31 พันล้านดอลลาร์

สถานการณ์การส่งออกของเวียดนามในกลุ่มประเทศสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยจากตัวเลขการส่งออกของเวียดนามไปยังสมาชิก CPTPP ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 21.43% เมื่อเทียบปีต่อปี ด้วยมูลค่า 31.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (14.48% ของการส่งออกรวม) ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่านับตั้งแต่ CPTPP มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีมูลค่า 13.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.39%YoY รองลงมาแคนาดาและมาเลเซีย เป็นต้น

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-exports-to-cptpp-members-amount-to-us31-billion/

 

“เวียดนาม” กวาด FDI 16.8 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้

กรมส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ (FIA) กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 20 ส.ค. พบว่าเวียดนามมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประมาณ 16.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 12.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และมูลค่าของทุนจดทะเบียนใหม่ปรับตัวลดลงอย่างมีข้อน่าสังเกต 43.9% คิดเป็นมูลค่า 6.35 พันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน มูลค่าการปรับเพิ่มเงินทุนในโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน อยู่ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 50.7% และการเข้าซื้อหุ้นกิจการ 2.9 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนที่น่าสนใจ แต่สถานการณ์ทั่วโลกในปัจจุบัน อาทิ ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและภาวะเงินเฟ้อ ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการไหลเข้าของเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศในเวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-attracts-nearly-16-8-bln-usd-in-fdi-in-eight-months-2053966.html

น้ำมันปาล์มขวดลดอีก 2-3 บาท แต่ผลิตภัณฑ์นมยังไม่ขึ้นราคา

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาปาล์มขวดเริ่มทยอยลดลงตามต้นทุนแล้ว ส่วนกรณีที่ร้านสะดวกซื้อ ยังขายสูงถึงขวดละ 59-60 บาท น่าจะเป็นสินค้าสต๊อกเก่า สำหรับผลิตภัณฑ์นมจะปรับขึ้นราคาขายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบกิโลกรัม (กก.) ละ 1.50 บาท มาเป็น กก.ละ 20.50 บาทหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีผู้ผลิตยื่น เรื่องขอปรับราคาเข้ามา แต่หากยื่นเข้ามาจะพิจารณาให้เป็นรายผู้ผลิตรายผลิตภัณฑ์ เพราะต้นทุนแต่ละรายไม่เท่ากัน จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่หากพิจารณาแล้ว พบว่าต้นทุนสูงขึ้นเล็กน้อย จะขอความร่วมมือให้ตรึงราคาขายไว้ก่อน เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2484855

คาด RCEP FTA ส่งเสริมการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

คาดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรี กัมพูชา-จีน (CCFTA) จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ด้าน Bun Chanthy ปลัดกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC) ได้กล่าวว่าข้อตกลงการค้าเสรีทั้งสองฉบับข้างต้น จะทำให้คู่ค้าโดยเฉพาะจีนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของกัมพูชาได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าทางการเกษตร เช่น ข้าว กล้วย มะม่วง มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และข้าวโพด เป็นต้น ในขณะที่รายงานของ MoC ยังได้รายงานอีกว่าการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชาไปยังสมาชิก RCEP มีมูลค่ารวมถึง 3.28 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากมูลค่า 2.99 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในช่วง มกราคม-มิถุนายน จุดหมายปลายทางสำคัญ 3 อันดับแรกของกัมพูชา ได้แก่ เวียดนามมูลค่าการส่งออก 1.17 พันล้านดอลลาร์, จีน 612 ล้านดอลลาร์ และ ญี่ปุ่น  542 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501138613/rcep-cambodia-china-fta-significantly-contribute-to-boosting-cambodias-economy/

คาด! การพัฒนาถนนสาย NR67 ส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว กัมพูชา-ไทย

การพัฒนาถนนแห่งชาติหมายเลข 67 (NR67) ซึ่งเชื่อมระหว่างกัมพูชาและไทย ในช่วงรอยต่อของอำเภอหลงแวง อุดรมีชัย และช่องสะงำ ของกัมพูชา โดยเชื่อมกับเขตอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนระหว่างกัน ตามรายงานของรัฐบาลกัมพูชาและไทย ที่ได้ทำการตกลงพัฒนาถนนสาย NR67 ด้านบางกอกโพสต์รายงานว่ารองโฆษกรัฐบาล ไตรศุลี ตัยศรานากุล กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัติข้อเสนอเงินกู้ให้แก่กัมพูชาจำนวน 983 ล้านบาท เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 ส.ค.) เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างถนนเส้นนี้ นอกจากนี้ยังจะสร้างการเชื่อมต่อกับระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกของประเทศไทย (EEC) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501138219/nr67-development-to-boost-cambodia-thailand-trade-tourism/