อัตราเงินเฟ้อกัมพูชา ณ เดือนพฤษภาคม พุ่งสูงสุดในรอบทศวรรษ

อัตราเงินเฟ้อในประเทศกัมพูชาปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.2 ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ ซึ่งสูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา โดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กล่าวเสริมว่า ได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อและปกป้องกำลังซื้อของท้องถิ่น ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจาก สงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อและการคว่ำบาตรรัสเซียได้ผลักดันราคาน้ำมันและต้นทุนอาหารโลกพุ่งสูงขึ้น ควบคู่ไปกับราคาปุ๋ยและผลผลิตทางการเกษตรที่น้อยลง โดยกัมพูชาได้กำหนดกรอบนโยบายการเงินของธนาคารกลาง รวมถึงการดำเนินการทางด้านหลักประกันสภาพคล่อง (LPCO) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่อนุญาตให้ NBC ปล่อยกู้ให้กับสถาบันการเงินในสกุลเงินท้องถิ่น และวงเงินสินเชื่อส่วนเพิ่ม (MLF) นอกเหนือจากเงินกู้ข้ามคืนที่เป็นสกุลเงินเรียล เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางด้านสภาพคล่องระยะสั้นของธนาคาร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501116556/may-records-decades-highest-inflation-in-cambodia/

อัตราการว่างงานกัมพูชาต่ำสุดในอาเซียน

อัตราการว่างงานของกัมพูชาคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.31 ในปีนี้ ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิคอาเซียน ตามการรายงานของศูนย์ข้อมูลอาเซียน ซึ่ง สปป.ลาว อยู่ในอันดับที่สองโดยมีอัตราการว่างงานประมาณร้อยละ 1 รองลงมาคือประเทศเมียนมาคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.79, สิงคโปร์ร้อยละ 2.2, เวียดนามร้อยละ 2.46, มาเลเซียร้อยละ 3.9, ฟิลิปปินส์ร้อยละ 5.8 เป็นต้น ด้าน Hong Vannak นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของ Royal Academy of Cambodia กล่าาว่า กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่จะสร้างงานให้กับประชาชนในด้านการผลิต การค้าภายในประเทศ และการส่งออก ควบคู่ไปกับความพยายามของรัฐบาลในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในระดับทวิภาคี และพหุภาคี ซึ่งปัจจุบันกัมพูชาสร้างรายได้กว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ จากการค้าระหว่างประเทศภายใน 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501116561/cambodias-unemployment-rate-lowest-in-asean/

สปป.ลาว – เวียดนาม มุ่งร่วมมือส่งเสริมการค้าและการลงทุน

สปป.ลาวและเวียดนามเร่งผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ได้มีการจัดพิธีครบรอบ 60 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตและครบรอบ 45 ปี การลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือระหว่างสปป.ลาวและเวียดนาม ในพิธีการดังกล่าว ผู้นำระดับสูงของประเทศต่างๆ ได้แสดงความยินดีกับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีมาอย่างยาวนาน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือในทุกด้านของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เหงียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม กล่าวถึงความจำเป็นของทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมศักยภาพและทรัพยากรในประเทศ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนเป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีการวางแผนที่จะสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างเวียงจันทน์กับท่าเรือ และทางด่วนเพื่อเชื่อมโยงเมืองหลวงของทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Laos139.php

ราคาเมล็ดกาแฟเมียนมา พุ่งแตะ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน

สมาคมกาแฟเมียนมา เผย ราคาเมล็ดกาแฟเมียนมาพุ่งถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากความต้องการทั้งในและต่างประเทศสูงที่มีมากขึ้น โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, จีน, ไทย, สหรัฐอเมริกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, ไอซ์แลนด์, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, และเยอรมนี  ขณะที่ไร่กาแฟมีมากกว่า 200,000 เอเคอร์ ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 ตันต่อปี และราคาจะอยู่ระหว่าง 4,500 ถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นกาแฟอาราบิก้า และร้อยละ 20 เป็นกาแฟโรบัสต้า  ทั้งนี้กาแฟส่วนใหญ่ปลูกในเขตมัณฑะเลย์ และรัฐฉาน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-produced-coffee-beans-fetch-us5000-per-tonne/

กัมพูชาส่งออกมันสำปะหลังพุ่ง 40% ในช่วงครึ่งปีแรก

ในช่วงครึ่งแรกของปี กัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปกว่า 2.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้อมูลข้างต้นรายงานโดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรกัมพูชา ซึ่งในปริมาณข้างต้นคิดเป็นการส่งออกมันสำปะหลังแห้งเพิ่มขึ้นคิดเป็นกว่า 1.5 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.25 โดยส่งออกไปยังประเทศไทยกว่า 1.1 ล้านตัน และส่งออกไปยังเวียดนาม 400,000 ตัน ในขณะที่การส่งออกมันสำปะหลังสดเพิ่มขึ้นอย่างมากที่ประมาณร้อยละ 97.97 หรือคิดเป็นปริมาณ 710,000 ตัน ซึ่งการส่งออกแป้งมันสำปะหลังก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกันถึงร้อยละ 200 หรือคิดเป็น 480,000 ตัน โดยตลาดสำคัญของกัมพูชา ได้แก เวียดนาม ไทย และจีน เป็นสำคัญ

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501116199/cambodia-sees-cassava-exports-increase-by-40-percent-in-h1/

CDC อนุมัติโครงการการลงทุนใหม่ 4 โครงการ มูลค่าการลงทุนแตะ 100 ล้านดอลลาร์

กรมพัฒนาการลงทุนภาคเอกชนกัมพูชา (CDC) รายงานถึงการอนุมัติโครงการการลงทุนแห่งใหม่ 4 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์  ได้แก่โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ บริษัท L-Q New Energy Co Ltd. ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ UBE Snoul ใช้เงินลงทุนรวมกว่า 84.5 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้กว่า 1,000 ตำแหน่ง โครงการที่ 2 จัดตั้งโรงงานผลิตและแปรรูปท่อเหล็กทุกชนิด ภายใต้บริษัท Eastcam Casting Co., Ltd. ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษซานตงซานเซล โดยโครงการนี้ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมกว่า 5.8 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสามารถสร้างงานได้ประมาณ 200 ตำแหน่ง โครงการที่ 3 จัดตั้งโรงงานผลิตไม้อัด บริษัท MEGA HARDWOOD CO., LTD ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ (SSEZ) ด้วยเงินลงทุน 5 ล้านดอลลาร์และสามารถสร้างงานได้ประมาณ 300 ตำแหน่ง และโครงการที่ 4 จัดตั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า บริษัท XIN JIN WEI GARMENT (CAMBODIA) CO., LTD ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ ด้วยเงินทุน 1.5 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสามารถสร้างงานได้ 550 ตำแหน่ง

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/501116207/cdc-approves-four-new-projects-worth-more-than-100-million/

ซูซูกิ มอเตอร์ เมียนมา เลื่อนส่งมอบรถออกไปอย่างไม่มีกำหนด

Suzuki Motor เมียนมา ออกมาแถลงข่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่ะส่งมอบบรถให้กับลูกค้าได้เมื่อใด เนื่องจากปัจจุบันมีความล่าช้าในการนำเข้าอุปกรณ์ประกอบรถยนต์และวัสดุในการผลิต เป็นผลประกาศหยุดสายพานผลิตที่ บริษัท ซูซูกิ (เมียนมาร์) มอเตอร์ จำกัด และ บริษัท ซูซูกิติลาวามอเตอร์ จำกัด เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ บรัทฯ จะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในด้านการรับประกันและการบริการให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/suzuki-motor-says-it-is-not-possible-to-predict-when-the-vehicle-will-be-delivered-to-those-who

“เวียดนาม” ชี้ปัจจัยเอื้อต่อภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น

นายเหวียน บามิง (Nguyen Ba Minh) ผู้อำนวยการสถาบันการเงินและเศรษฐกิจ มองว่าตัวเลขเงินเฟ้อในระยะสั้นจะออกมาค่อนข้างดี แต่ว่าด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียยังมีความไม่แน่นอน รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าและผลักดันให้ราคาวัสดุเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์น่าจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมีแนวโน้มจะออกผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ในขณะเดียวกัน ผลผลิตสินค้าเกษตรเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่งของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เกิดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ส่งผลต่อเสียรภาพด้านราคา นอกจากนี้ นาย Nguyen Manh Hung รองประธานสมาคมมาตรฐานผลิตภัณฑ์และคุ้มครองผู้บริโภค มีความกังวลว่าดัชนี CPI ที่ขยายตัว 2.44% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นั้นดีเกินจริง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างการเติบโตของราคาจริงกับตัวเลขที่รายงานที่ 2.44% และพบว่าราคาอาหารสูงขึ้นในหลายพื้นที่ แต่รายงานกลับแสดงผลตรงกันข้าม

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1269936/inflation-in-check-due-to-favourable-factors.html

“เวียดนาม” เล็งดันส่งออกกาแฟไปยังแอฟริกา

สำนักงานส่งเสริมการค้า กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) และสำนักงานการค้าเวียดนามในตลาดแอฟริกา จัดสัมมนาให้คำปรึกาธุรกิจที่จะทำการส่งออกกาแฟไปยังตลาดแอฟริกา งานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผ่านการประชุมออนไลน์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานการค้าเวียดนามในประเทศแอลจีเรีย อียิปต์ โมร็อกโกและไนจีเรีย แบ่งปันประสบการณ์ในการส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟไปยังตลาดแอฟริกา อาทิ คุณภาพ วิธีการชำระเงิน การขนส่งและการประกันภัย เป็นต้น ทั้งนี้ จำนวนประชากรของแอฟริกามีอยู่ราว 1.4 พันล้านคนและมีความต้องการนำเข้าสินค้าหลากหลายประเภท ด้วยเหตุนี้จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพต่อผลิตภัณฑ์เวียดนาม โดยเฉพาะกาแฟ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าแอฟริกานำเข้ากาแฟ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเวียดนามนับว่าเป็น 1 ใน 5 ซัพพลายเออร์กาแฟรายใหญ่ของตลาด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-eyes-to-expand-coffee-exports-to-africa/234083.vnp

‘อีเบย์’ ยกอีคอมเมิร์ซอาเซียนโตไม่หยุด ‘ไทย’ ยืน 1 ตีตลาด 10 ประเทศทั่วโลก

นายวิทเมย์ ไนยนี ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย eBay International CBT (Cross Border Trade) กล่าวว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลมีส่วนช่วยให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกไปยังตลาดทั่วโลกได้อย่างลงตัว ด้วยพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่ดี มีบุคลากรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ความแข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ต้องการของตลาดมากมาย”

ทั้งนี้ ประเด็นน่าสนใจข้อหนึ่ง คือผู้ขายไทยที่ถือเป็นกิจการขนาดเล็กบนอีเบย์นั้น ขายสินค้าส่งออกทั้ง 100% แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มอีเบย์เป็นช่องทางที่ช่วยขยายโอกาสให้ผู้ขายเข้าถึงผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลก ขณะที่ผู้ขายใหม่สามารถทำยอดขายแตะระดับ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2563 และก้าวขึ้นมาเป็นกิจการขนาดเล็กบนอีเบย์ได้ภายใน 4 ปี ซึ่งในบรรดาผู้ขายไทยที่นับว่าเป็นกิจการขนาดเล็กบนอีเบย์ในปี 2563 นั้น มีถึง 56% ที่เป็นผู้ขายใหม่

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/tech/1016195