‘ตลาดตราสารหนี้เวียดนาม’ ปี 64 พุ่งทะยาน 56% ทะลุ 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากรายงานของบริษัท SSI Corporation (SSI) เปิดเผยว่าในปี 2564 มูลค่าของตราสารหนี้ของบริษัทเวียดนาม รวมกันทั้งสิ้น 722.7 ล้านล้านดอง (32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยผู้ออกตราสารหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 44% ของเม็ดเงินกู้ทั้งหมดของบริษัท ในขณะที่ฝั่งของกลุ่มธนาคารได้ออกตราสารหนี้เป็นมูลค่า 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 31.3% ของทั้งหมด อย่างไรก็ตามบริษัท SSI ระบุว่ามูลค่ารวมของพันธบัตรจากธนาคารที่หมุนเวียนในช่วงปลายปี 2564 อยู่ที่ 540 ล้านล้านดอง (23.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 39% ของตลาด ซึ่งยังคงต่ำกว่าอัตรา 48% ที่บันทึกไว้ในปลายปี 2561 อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าขนาดของตลาดตราสารหนี้ที่ไม่ใช่ธนาคารกำลังเพิ่มขึ้น

 

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/business/vietnam-s-corporate-bond-market-in-2021-surges-by-56-to-us-32-billion-825021.html

 

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าปี 2573 ผู้ส่งออกอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก

เวียดนามตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีความสามารถการแข่งขันสูงและเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ 15 อันดับแรกของโลกภายในปี 2573 โดยตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าเวียดนามตั้งเป้าที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์ 20 รายการที่ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ระดับโลกและมีความได้เปรียบในตำแหน่งห่วงโซ่อุปทานโลก ส่งผลให้กำลังผลิตของภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนอยู่ที่ 70% ของอุปสงค์ในประเทศและกำลังผลิตในประเทศ 45% ทั้งนี้ กระทรวงฯ ร้องขอให้รัฐบาลมุ่งความสำคัญไปยังการพัฒนาเชิงคุณภาพแทนที่จะเป็นเชิงปริมาณ และใช้มาตรการต่างๆ เพื่อพัฒนากำลังผลิต ซึ่งหนึ่งเป็นจุดอ่อนหลักของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ กระทรวงฯ คาดว่าในปี 2573 ภาคการผลิตอุตสาหกรรมจะมีสัดส่วน 40% ของ GDP

 

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1166915/vn-aims-to-become-industrialised-world-exporter-by-2030.html

 

ส่งออกสินค้าปศุสัตว์เมียนมา ดิ่งลง 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การส่งออกสินค้าปศุสัตว์รวมถึงวัวและควายของเมียนมา ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 ถึง 11 มี.ค. 2565 ของปีงบประมาณย่อย (2564-2565) อยู่ที่ 4.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจาก 11.33 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2563-2564 ที่มีการส่งออก 15.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการปิดชายแดนเมียนมา-จีน โดยเมียนมาอนุญาติให้ส่งออกวัวที่มีอายุมากกว่า 5 ปี พร้อมใบรับรองการฉีดวัคซีน ใบรับรองสุขภาพ และใบรับรองการจดทะเบียนเกษตรกรรม ทั้งนี้วัวถือเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ ซึ่งจากการสำรวจจำนวนวัวและควายในปี 2561 พบว่ามีจำนวนประมาณ 11.5 ล้านตัว แบ่งเป็นควาย 1.8 ล้านตัว และวัวอีก 9.7 ล้านตัว กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทานของเมียนมา ระบุว่า วัวที่มีอยู่ในตลาดในประเทศมีประมาณ 1.1 ล้านตัว แบ่งเป็นการส่งออกจำนวน 600,000 ตัวต่อปี ที่เหลือเป็นการบริโภคในประเทศจำนวน 400,000 ตัว

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/e-paper/

องค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สนับสนุนการลงทุนในประเทศสปป.ลาวต่อไป

กระบวนการลงทุนในสปป.ลาวจะคล่องตัวมากขึ้นผ่านระบบบริการแบบครบวงจรสำหรับนักลงทุนภายใต้บันทึกความร่วมมือที่ตกลงโดยกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของลาวและองค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) บันทึกข้อตกลงความร่วมมือมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในสปป.ลาว โดยจัดให้มีบริการให้คำปรึกษาล่วงหน้าแบบครบวงจรสำหรับนักลงทุนที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมใหม่ ระบบใหม่จะรวมแบบฟอร์มที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้นักลงทุนสามารถยืนยันขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อดำเนินการตามแผนธุรกิจของตนในขั้นตอนการพิจารณาการลงทุน ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการแบบครบวงจรผ่านความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรเพื่อให้มีฟังก์ชันที่รวดเร็วและสะดวกสบายในการปรับปรุงกระบวนการลงทุนในสปป.ลาว

 

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_JETRO59.php

กัมพูชาทำลายสถิติส่งออกยางมูลค่าแตะ 77 ล้านดอลลาร์

ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2022 กัมพูชาส่งออกยางและไม้ยางพารามูลค่าสูงกว่า 77 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของกรมยางพารา ในด้านปริมาณการส่งออก ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2022 กัมพูชาส่งออกยาง 48,509 ตัน เพิ่มขึ้น 2,536 ตัน คิดเป็นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกไม้ยางพารามีปริมาณรวมอยู่ที่ 808 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 66 ซึ่งราคาขายยางเฉลี่ย ณ เดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ 1,585 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2021 กัมพูชาทำรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางมากกว่า 611 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นปริมาณกว่า 366,300 ตัน และไม้ยางพารา 454 ลูกบาศก์เมตร

ที่มา :  https://www.khmertimeskh.com/501047046/cambodia-records-more-than-77-million-from-rubber-rubber-wood-exports/

คาด FTA-RCEP กระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่าง กัมพูชา-เกาหลี

คาดการณ์ข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-เกาหลี (CKFTA) และความตกลงการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะส่งเสริมภาคการค้าและการลงทุนระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ ด้านนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวว่าการส่งออกสินค้าของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 33 ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ โดยคาดว่ามูลค่าการค้าทวิภาคีจะเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในแง่ของการลงทุน ปัจจุบันมีบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้มากกว่า 300 แห่ง ในกัมพูชา ซึ่งกระจายอยู่ในภาคส่วนต่างๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม การก่อสร้าง เกษตรกรรม และการเงิน โดยการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้มีมูลค่าสูงถึง 965 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกัมพูชาส่งออกรองเท้าและเครื่องแต่งกาย รวมถึงสินค้าเพื่อการเดินทาง เครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยาง ยา และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเป็นหลักไปยังประเทศเกาหลี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501046838/bilateral-fta-rcep-to-boost-cambodia-korea-trade-and-investment/

“สายการบินแห่งชาติเวียดนาม” ระงับเที่ยวบินปกติไปรัสเซีย

สายการบินเวียดนามประกาศว่าจะระงับเที่ยวบินปกติในเส้นทางจากกรุงฮานอย-มอสโก ประเทศรัสเซีย (25 มี.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น โดยผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วในเที่ยวบินดังกล่าวแล้วนั้น สายการบินจะดำเนินคืนเงินหรือเปลี่ยนตั๋วไปเที่ยวบินอื่น ทั้งนี้ ผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวมีจำนวนมาก เนื่องจากมีความต้องการที่จะเดินทางกลับไปยังรัสเซีย ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทท่องเที่ยวของเวียดนามได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่ขนส่งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียไปยังเวียดนาม เนื่องจากรัฐบาลรัสเซียแนะให้บริษัทสายการบินคุมเข็มจำกัดเที่ยวบินไปยังประเทศอื่น หลังจากที่สหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-airlines-suspends-regular-flights-to-russia/

‘ยุทธศาสตร์การเงินเวียดนาม’ มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

แผนยุทธศาสตร์ทางการเงินของเวียดนาม พ.ศ. 2564-2573 มีเป้าหมายเพื่อมุ่งเน้นการสร้างความเสถียรภาพทางการเงิน และเป้าหมายสำคัญคือ การสร้างความเข็มแข็งทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงได้ตั้งการระดมเงินเข้างบประมาณแผ่นดินในช่วงปี 2569-2573 เฉลี่ย 16-17% ของ GDP ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่ราว 85-87% มาจากรายได้ในประเทศ โดยข้อกำหนดของนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 368/QD-TTg เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ได้ให้ความสำคัญกับงบประมาณแผ่นดินเป็นอันดับแรก ได้แก่ การปฏิรูปงบประมาณ การกระจายอำนาจมากขึ้นให้กับปกครองส่วนท้องถิ่นและความโปร่งใส รวมถึงการพัฒนาความยั่งยืนของตลาดเงิน นอกจากนี้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะจำกัดเพดานหนี้ไว้ที่ 60% ของ GDP โดยหนี้ภาครัฐจะไม่เกิน 50% และหนี้ต่างประเทศไม่เกิน 50% ในช่วงปี 2564-2568 ในขณะที่มูลค่าของตลาดหลักทรัพย์ในปี 2568 จะสูงถึง 100% ของ GDP โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 120% ของ GDP ภายในสิ้นปี 2573

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-financial-strategy-aims-at-sustainable-development/223929.vnp

ราคาน้ำมันปาล์มเมียนมาลดฮวบ 7,000 จัตต่อ viss ผลจากราคานำเข้าดิ่งลง

สมาคมผู้ค้าน้ำมันพืชเมียนมา เผย ราคาน้ำมันปาล์มนำเข้าที่ลดลงทำให้ราคาในตลาดภายในประเทศปรับตัวลดลง ปัจจุบันราคานำเข้าอยู่ที่ 1,792 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนราคาขายในประเทศจะอยู่ที่ 7,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ซึ่งในช่วงต้นเดือนมี.ค. 2565 ราคานำเข้ายังอยู่ที่ 1,881 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน หนุนให้ราคาขายดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 8,000 จัตต่อ viss ซึ่งการบริโภคน้ำมันพืชในประเทศของเมียนมาอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ส่วนการผลิตน้ำมันประกอบอาหารในท้องถิ่นมีประมาณ 400,000 ตัน และเพื่อความพอเพียงในประเทศ เมียนมาจึงต้องนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารอีกประมาณ 700,000 ตันต่อปี

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/e-paper/

EDL จับมือ Huawei ศึกษาพลังงานแสงอาทิตย์

Electricite Du Laos (EDL) และ Huawei Technologies (Lao) Sole Co., Ltd. ได้ตกลงที่จะร่วมกันดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของพลังงานแสงอาทิตย์ บันทึกความเข้าใจ (MOU) ครอบคลุมความร่วมมือระหว่าง EDL และ Huawei สปป.ลาวในหัวข้อกว้าง ๆ ในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงมาตรฐานพลังงานแสงอาทิตย์แบบออนกริด มาตรฐานอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ การวิจัยตลาดร่วมกันสำหรับพลังงานหมุนเวียนในสปป.ลาว และการฝึกอบรมเกี่ยวกับโซลาร์ฟาร์มและการติดตั้งบนชั้นดาดฟ้า การเชื่อมต่อพลังงานแสงอาทิตย์กับกริดจะช่วยลดการสูญเสียของระบบและปรับปรุงแรงดันไฟฟ้าตกได้  ในขณะที่การทำงานร่วมกันเกี่ยวกับผลกระทบของการเชื่อมต่อพลังงานแสงอาทิตย์กับระบบไฟฟ้าและมาตรฐานของ On-Grid Solar และ Inverter จะปรับปรุงความเสถียรของระบบไฟฟ้าของเรา

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_EDL_58.php