NBC คาดปี 2022 เศรษฐกิจกัมพูชาโต 5%

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาไว้ที่ร้อยละ 5 ในปี 2022 จากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัว แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอนก็ตาม ซึ่งในปีที่แล้วเศรษฐกิจของกัมพูชากลับมาขยายตัวที่ราวร้อยละ 3 โดยได้แรงหนุนมาจากกิจกรรมต่างๆภายในประเทศ เริ่มกลับมาดำเนินอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการที่ประเทศได้รับผลประโยชน์ทั้งจาก FTA และโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกพัฒนา ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินกิจกรรมภายในประเทศ โดยล่าสุดธนาคารกลางกัมพูชาได้ประกาศถึงอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ 2.6 สำหรับปี 2022 ลดลงจากร้อยละ 2.9 ในปี 2021 ที่ผ่านมา ส่วนในด้านของอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินท้องถิ่นคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 4,075 เรียลต่อดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501002617/cambodian-economy-estimated-to-grow-at-5-in-2022-omicron-or-not-nbc/

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวปี 65 แตะ 65 ล้านคน

การท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) เปิดเผยว่าโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการท่องเที่ยวในปีที่แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเวียดนามอยู่ที่ 3,500 คน และนักท่องเที่ยวในประเทศกว่า 40 ล้านคนในปี 2564 ตลอดจนมูลค่าการใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 180,000 พันล้านดอง ลดลง 42% เมื่อเทียบกับปี 2563 ทั้งนี้ ในปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวตั้งเป้าเปิดรับนักท่องเที่ยวกว่า 65 ล้านคน โดยมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 60 ล้านคน คิดเป็นรายได้ประมาณ 400,000 พันล้านดอง นอกจากนี้ คุณ Phan Huy Binh ประธานกรรมการบริษัท Saigontourist Group กล่าวว่าเวียดนามจำเป็นต้องมีการส่งเสริมให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-looks-to-receive-65-million-visitors-in-2022/

 

‘ผลสำรวจ’ ชี้เวียดนามชำระสินค้าไร้เงินสด 70% ของการทำธุรกรรมค้าปลีก

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ช่วยผลักดันอีคอมเมิร์ซ์เติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อปีที่แล้ว การชำระเงินไร้เงินสดมีสัดส่วน 70% ของธุรกรรมค้าปลีกในเวียดนามทั้งหมด จากการสำรวจโดยบริษัทเทคโนโลยี ‘Sapo’ ได้สำรวจความคิดเห็นของร้านค้าปลีก จำนวนทั้งสิ้น 15,000 ราย พบว่าการชำระเงินไร้เงินสดหรือผ่านอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคถูกจำกัดเพื่อลดการสัมผัสกับเชื้อโรค ทำให้การชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเป็นที่นิยมมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 36.5% ของจำนวนการทำธุรกรรมทั้งหมด รองลงมาเงินสด (30%), รหัส QR (9.6%), บัตรครดิต (8.5%) และช่องทางการชำระเงินอื่น (0.5%) ทั้งนี้ เมื่อสอบถามผู้ค้าปลีกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ชี้ว่าในปีที่แล้ว มีรายได้เพิ่มขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 11.2% ของรายรับทั้งหมด และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 73% หันมาทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยลดค่าแรงงานและค่าสถานที่ ตลอดจนเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/cashless-payments-account-for-70-of-retail-transactions-survey/

 

มูลค่าการค้าเวียดนาม-ลาวพุ่งกว่า 30% ในปี 2564

การค้าแบบทวิภาคีระหว่างเวียดนามและสปป.ลาวมีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 เพิ่มขึ้น 30.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามการระบุของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า Tran Quoc Phuong ขณะเป็นประธานร่วมการประชุมอย่างเป็นทางการภายใต้กรอบการประชุมสมัยที่ 44 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเวียดนาม-ลาวว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ปัจจุบัน เวียดนามมีโครงการลงทุนที่ถูกต้องในลาว 209 โครงการ โดยมีทุนจดทะเบียนรวมประมาณ 5.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่แล้ว มีโครงการที่จดทะเบียนใหม่ 5 โครงการ และอีก 4 โครงการรอการปรับทุน โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 112.84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปี 2020 สร้างงานที่มั่นคงให้กับคนงานสปป.ลาวหลายหมื่นคน ในที่ประชุมสปป.ลาว-เวียดนาม ยังได้หารือถึงมาตรการความร่วมมือเกี่ยวกับมาตรการเพื่อจัดการกับปัญหาที่องค์กรต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเงินทุน ภาษี การนำเข้า-ส่งออก สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยและการเช่าที่ดิน ในขณะเดียวกันก็ตกลงที่จะประสานงานในการสร้างทางแนวทางในอนาคตที่มั่นคงและโปร่งใส ด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเติบโตของมูลค่าการค้า โดยมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงร้อยละ 10 หรือสูงกว่าเมื่อเทียบกับปี 2564

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11037002-vietnam-laos-trade-value-surges-over-30-percent-in-2021.html

สุดช้ำ ค่าครองชีพพุ่งอีก ผู้เลี้ยงไก่ไข่ แจ้งขึ้นราคาไข่คละ หน้าฟาร์ม ฟอง 3 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ ได้ทำหนังสือแจ้งสมาชิก  ปรับขึ้นราคาแนะนำไข่ไก่คละ หน้าฟาร์ม เป็นฟองละ 3.00 บาท  มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.65 เป็นต้นไป และหากมีการเปลี่ยนแปลงราคา สมาคมจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยจากสอบถามผู้เลี้ยงสาเหตุที่ปรับขึ้นราคาไข่ไก่ฟองละ 20 สตางค์ จาก 2.80 บาท เป็น 3 บาท เนื่องจากประสบปัญหาต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์ทำให้เกษตรกรแบกรับภาระต้นทุนไว้ไม่ไหว

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/news/650626/

พาณิชย์พร้อมใช้เทคโนโลยีรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP หนุนส่งออก

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP ระบบการตรวจสอบคุณสมบัติด้านถิ่นกำเนิดของสินค้า หรือ ROVERs และระบบการขึ้นทะเบียนผู้ส่งออกที่ได้รับอนุญาต (Self-Certification) เพื่อใช้ประโยชน์ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ได้พร้อมเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP ที่กรมฯ ได้พัฒนาขึ้นเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าไทยและช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง ในอีกทางหนึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไทย เนื่องจากตลาด RCEP มีขนาดใหญ่และมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันมากกว่า 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งจะช่วยผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังได้ประโยชน์ในด้านการนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบจากประเทศสมาชิกในกลุ่ม RCEP เพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าไทยโดยใช้กฎการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าและส่งออกไปยังประเทศสมาชิกในกลุ่ม RCEP เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี ณ ประเทศปลายทาง โดยผู้ประกอบการไทยสามารถเลือกใช้วัตถุดิบที่มีความหลากหลายและสามารถนำมาสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าได้จากทุกประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม RCEP ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการผลิตและสร้างแต้มต่อให้แก่ในตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/59593/

‘เวียดนาม’ คาดเงินเฟ้อคงอยู่ภายใต้การควบคุม ปี 65

การสัมมนา หัวข้อเรื่อง ”การตลาดและการตั้งราคา” จัดขึ้นที่กรุงฮานอย คุณ Nguyễn Bá Minh ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจและการเงิน ได้คาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปี 2565 จะเพิ่มขึ้นราว 2-3% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยจากข้อมูลข้างต้น เงินเฟ้อในปี 2565 จะอยู่ภายใต้การควบคุม สาเหตุจากราคาวัตถุดิบทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ยาก อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” สงครามการค้าและความขัดแย้งทางการเมืองในระดับโลก ตลอดจนกำลังซื้อในประเทศยังคงเปราะบาง ทั้งนี้ คุณ Nguyễn Đức Độ ผู้เชี่ยวชาญ ยังเห็นด้วยว่าดัชนี CPI ในปี 2565 จะคงอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัว ในขณะที่เศรษฐกิจของเวียดนามคาดว่าจะเติบโตที่ 6.5% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการควบคุมเงินเฟ้อในปี 2565 จะไม่ง่ายนัก เนื่องจากดัชนีเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงตั้งแต่ต้นปี จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1112395/inflation-forecast-to-be-under-control-in-2022.html

‘ยอดการค้าเวียดนาม-อียู’ พุ่ง 14.8% ปี 64

การค้าระหว่างเวียดนามและสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 14.8% ในปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 63.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าในปี 2564 เวียดนามส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป มูลค่ากว่า 45.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่มูลค่าการนำเข้า 17.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.5% โดยสาเหตุที่การค้าเพิ่มขึ้น มาจากความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม (EVFTA) นอกจากนี้ ปัจจุบัน ธุรกิจเวียดนามได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีจากข้อตกลง EVFTA พร้อมกับใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (C/O)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnameu-trade-increases-148-percent-in-2021/220286.vnp

งบประมาณย่อย 64-65 ค้าชายแดนเมียนมา ดิ่งลง 966 ล้านเหรียญดอลลาร์หรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย มูลค่าการค้าชายแดนทั้งหมดจากด่านชายแดน 18 แห่งมีมูลค่าเกิน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงงบประมาณย่อย 64-65 ลดลง 966 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 2.409 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 24 ธ.ค.ของปีงบประมาณ 64-65 แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 1.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าเป็น 427.7 ล้านดอลลาร์ โดยด่านเมียวดีติดอันดับชายแดนที่มีมูลค่าการค้าสูงสุด 581.36 ล้านดอลลาร์หรัฐฯ ตามมาด้วยด่านทิกิที่ 402.06 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เมียนมาส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ สินค้าการผลิต และอื่นๆ ในขณะที่การนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/total-border-trade-value-decreases-by-us966-mln-this-mini-budget-period/#article-title

รัฐบาลลงนามข้อตกลงระบบทะเบียนราษฎร์อิเล็กทรอนิกส์และระบบสถิติที่สำคัญอิเล็กทรอนิกส์

รัฐบาลกำลังพัฒนาระบบทะเบียนราษฎร์อิเล็กทรอนิกส์และระบบสถิติที่สำคัญเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรวบรวมสถิติด้านประชากรศาสตร์ และผลผลิตเพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านเศรษฐกิจสังคมและความยากจนที่เชื่อถือได้และทันเวลา นอกจากนี้ ระบบยังช่วยให้การติดตามและประเมินผลความคืบหน้าในการบรรลุผลสำเร็จตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลสปป.ลาวได้ลงนามในข้อตกลงกับ WCC Group B.V. บริษัทผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่ให้บริการโซลูชั่นซอฟต์แวร์ขั้นสูงสำหรับบริการจัดหางานภาครัฐและเอกชน WCC Group B.V. ชนะการประกวดราคาเนื่องจากมีประสบการณ์ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ (HERA) สำหรับการทะเบียนราษฎรทางอิเล็กทรอนิกส์และสถิติสำคัญ (eCRVS) ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเอกสารการประมูล สัญญามีมูลค่ามากกว่า 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ  รัฐบาลสปป.ลาวคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 พลเมืองสปป.ลาวทุกคนจะสามารถใช้ระบบการขึ้นทะเบียนได้ และเพื่อให้มีการรวบรวมสถิติประชากรในลักษณะที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ภายในปี 2024 พลเมืองลาวร้อยละ 70 ทั้งหมด รวมทั้งเด็กแรกเกิด จะได้รับการจดทะเบียน ระบบการทะเบียนราษฎร์อิเล็กทรอนิกส์

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt04.php